'พีมูฟ' ร้องตรวจสอบการใช้กฎหมายชุมนุมสาธารณะ!

'พีมูฟ' ร้อง ปธ.กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ สอบการบังคับใช้ พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพ ปชช. ชี้การใช้กฎหมายปิดปากไม่ควรเกิดขึ้นในรัฐบาลที่อ้างตัวมาจากการเลือกตั้ง

28 มี.ค. 2567 - ที่รัฐสภา ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือพีมูฟ เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึง นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ตรวจสอบการบังคับใช้พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ที่ละเมิดต่อสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมของประชาชน

ตัวแทนพีมูฟ กล่าวว่า เราเป็นกลุ่มประชาชน คนจน เกษตรกรรายย่อย และกลุ่มชาติพันธุ์ ที่ได้รับผลกระทบจากกฎหมายและนโยบายของรัฐ ในด้านที่ดิน ที่ทำกิน ที่อยู่อาศัย ได้ออกมาต่อสู้เรียกร้องกับรัฐบาลของนายเศรษฐา ทวีสิน ครั้งล่าสุด ตั้งแต่วันที่ 5-28 ก.พ. รวมทั้งสิ้น 24 วัน ก่อนจะประกาศยุติการชุมนุมหลังจากบรรลุข้อเรียกร้อง อาทิ การเดินหน้าแนวทางการจัดการที่ดินแบบโฉนดชุมชน การผลักดันการกระจายการถือครองที่ดินในรูปแบบธนาคารที่ดิน การแก้ไขปัญหาผลกระทบจากพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562 และเร่งผลักดันพระราชบัญญัติภาษีที่ดินอัตราก้าวหน้า การเร่งรัดให้นายกรัฐมนตรีเร่งลงนามรับรองร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิและส่งเสริมวิถีชีวิตกลุ่มชาติพันธุ์และชนเผ่าพื้นเมือง พ.ศ. ... การแก้ปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบ้านบางกลอยตามกลไกคณะกรรมการอิสระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและแก้ไขปัญหาชุมชนกะเหรี่ยงบางกลอย รวมถึงการเรียกร้องให้เปิดประชุมกลไกการแก้ไขปัญหาร่วมกันระหว่างพีมูฟและรัฐบาล

พีมูฟ ขอยืนยันว่า ข้อเรียกร้องทั้งหมดนี้ ถือเป็นสัญญาร่วมกันระหว่างพีมูฟกับรัฐบาล ตั้งแต่การชุมนุมครั้งแรกของพีมูฟในรัฐบาลเศรษฐา เมื่อเดือนต.ค. 66 จนมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 10 ต.ค. 66 รับทราบข้อเสนอเชิงนโยบายของพีมูฟ และมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 16 ต.ค. 66 รับทราบผลสรุปการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ครั้งที่ 1/2566

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเสร็จสิ้นการชุมนุม ได้มีหมายเรียกผู้ต้องหาส่งมาถึงแกนนำพีมูฟที่เป็นคดีระหว่าง พ.ต.ท.ชัยธัช เชียงทา รองผู้กำกับการสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลดุสิต และนายจำนงค์ หนูพันธ์กับพวก ซึ่งหมายเรียกผู้ต้องหาส่งมาถึง นายธีรเนตร ไชยสุวรรณ โดยมีข้อกล่าวหา คือ เป็นผู้จัดให้มีการชุมนุม ฝ่าฝืนคำสั่งประกาศ 50 เมตร รอบทำเนียบรัฐบาล ในคดีอาญา สน.ดุสิตที่ 41/2567, 63/2567, 64/2567 และนัดหมายให้ไปพบพนักงานสืบสวนสอบสวน ณ สถานีนครบาลสวนดุสิต วันที่ 21 มี.ค. เวลา 11.00 น.

จากการสอบถามจาก สน. พบว่ามีผู้ดำเนินคดีทั้งสิ้น 2 คน คือนายจำนงค์ และ นายธีรเนตร หลังจากนั้นพีมูฟและทีมทนาย ได้ทำเรื่องถึง สน. เพื่อขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาเป็นวันที่ 28 มี.ค. เวลา 10.00 น. ซึ่งพีมูฟยืนยันจะปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เนื่องจากเรายืนยันสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออก ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 44 และมาตรา 34 รวมถึงกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR) ที่ไทยร่วมเป็นภาคี

นอกจากนั้น เราได้ดำเนินการแจ้งการชุมนุมสาธารณะอย่างถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมาย และระหว่างการชุมนุมที่มีแนวโน้มต้องปักหลักชุมนุมนานกว่าเดิม ซึ่งเราก็ได้แจ้งขยายระยะเวลาการชุมนุมไปแล้ว โดยเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะควรเป็นไปเพื่ออำนวยความสะดวกและปกป้องสิทธิในการชุมนุมของประชาชน ไม่ใช่การนำมาบังคับใช้ เพื่อลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน และตลอดระยะเวลาที่เราปักหลักชุมนุมอยู่นั้น พีมูฟและตัวแทนรัฐบาลได้มีการประชุมหารือร่วมกันอยู่เป็นระยะ จนได้แนวทางการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ชัดเจนและสมเหตุสมผล จึงได้ยุติการชุมนุม เรายืนยันว่า อำนาจต่อรองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประชาชนคนยากคนจนที่ไร้ปากเสียงนั้น คือการเรียกร้องบนท้องถนน เพื่อให้รัฐบาลเปิดการเจรจา การชุมนุมโดยสงบคือสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ประชาชนคนยากคนจนพึงมี เพื่อให้รัฐบาลเห็นตัวตนและข้อเรียกร้องของเราและเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหา เราจึงเห็นว่าการบังคับใช้พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะกับเรานั้น เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมของรัฐบาลเอง

ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าว เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ซึ่งจากข้อมูลของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ชี้ว่า ขณะนี้มีการดำเนินคดีจากพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ไปแล้ว ไม่ต่ำกว่า 163 คดี สำหรับคดีของพีมูฟนั้น นับเป็นการถูกดำเนินคดีครั้งแรกจากการชุมนุมในรัฐบาลเศรษฐา เราเห็นว่าบรรยากาศการบังคับใช้กฎหมายปิดปากประชาชนเช่นนี้ ไม่ควรเกิดขึ้นแล้วในรัฐบาลที่อ้างตัวว่ามาจากการเลือกตั้ง เป็นประชาธิปไตย และเป็นรัฐบาลพลเรือน ซึ่งจะเป็นบรรทัดฐานที่ไม่ดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจและรัฐบาล ที่จะกระทำต่อผู้ชุมนุมกลุ่มอื่นๆ ที่จะออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องหลังจากนี้ด้วยเช่นกัน

เราจึงขอเรียกร้องมายัง กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ ดังนี้ 1.ตรวจสอบการบังคับใช้พระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ว่าละเมิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชนตามกรัฐธรรมนูญและหลักสิทธิมนุษยชนสากลหรือไม่ โดยเชิญภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ, ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล และผู้กำกับสถานีตำรวจนครบาลดุสิต รวมถึงตัวแทนของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และหน่วยงานอื่นๆ เข้าชี้แจงเพื่อหาแนวทางแก้ไขปัญหาการละเมิดสิทธิในการชุมนุมของประชาชน และ 2.เร่งประสานภาคส่วนต่างๆ เพื่อหาแนวทางแก้ไขข้อจำกัดหรือยกเลิกพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ซึ่งไม่ได้เอื้ออำนวยให้ประชาชนสามารถจัดการชุมนุมได้อย่างสันติ แต่กลับถูกนำมาบังคับใช้เพื่อจำกัดสิทธืเสรีภาพของประชาชน