'บิ๊กตู่' บอกประชาชนให้ตระหนักแต่อย่าตระหนกตัวเลขติดเชื้อพุ่ง

นายกฯ มั่นใจแพทย์-ระบบสาธารณสุขไทย พร้อมรับมือผู้ติดเชื้อโควิดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ขอความร่วมมือประชนเร่งฉีดวัคซีนบูสเตอร์เข็ม 3

06 ม.ค.2564 - นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกที่ได้รับรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่เกิน 1 ล้านคน ว่าสายพันธุ์ที่ระบาดใหญ่ คือ เดลตา และโอมิครอน ส่วนในประเทศไทยเริ่มมีแนวโน้มจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ขอความร่วมมือประชาชนให้ตระหนัก แต่อย่าตื่นตระหนก ทั้งนี้ ได้กำชับให้ทุกฝ่ายเตรียมความพร้อมรับมือเฝ้าระวังสถานการณ์การแพร่ระบาดการติดเชื้อโควิด-19 และโอมิครอนอย่างเข้มข้นแล้ว ในส่วนของประชาชนขอความร่วมมือ ผู้ที่ฉีดวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว ก่อนวันที่ 1 พ.ย.2564 ให้ไปรับการฉีดวัคซีนบูสเตอร์หรือเข็ม 3 ได้ที่สถานพยาบาลใกล้บ้าน ส่วนบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ด่านหน้า ประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่ฉีดเข็ม 3 แล้วเกิน 3 เดือน ให้เข้ารับเข็ม 4 ได้ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันรองรับการระบาดของสายพันธุ์โอมิครอน

นายธนกรกล่าวว่า ส่วนของการเตรียมความพร้อม นายกฯ สั่งการให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขเตรียมความพร้อมระบบสาธารณสุขเพื่อรองรับ ซึ่งขณะนี้กรุงเทพมหานคร ได้เร่งเตรียมความพร้อมบุคลากร เตียงพยาบาล ยา เวชภัณฑ์ เครื่องมือทางการแพทย์ รวมถึงสถานที่รองรับผู้ป่วย โดยเฉพาะศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ (Community Isolation) จำนวน 40 แห่ง ที่สามารถรับผู้ป่วยได้ถึง 5,066 เตียง ทั้งนี้ ศักยภาพเตียงใน กทม. โรงพยาบาล ล่าสุด มีจำนวนทั้งสิ้น 25,345 เตียง แบ่งเป็น รพ. หลัก 2,922 เตียง/ รพ. สนาม 2,898 เตียง/ Hospitel 19,525 เตียง ที่พร้อมให้บริการ แต่เพื่อความไม่ประมาท ขอให้ประชาชนปฏิบัติตนตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด พร้อมเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตามกำหนด เพื่อป้องกันและลดอัตราการแพร่เชื้อหรือเสียชีวิต

นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า การรับมือกับโควิด-19 ต้องดำเนินด้วยหลักการ โดยต้องทำให้เชื้อโควิด-19 อ่อนแรงและการสร้างภูมิคุ้มกัน โดยการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นเข็ม 3 และ 4 ซึ่งมีการเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ประกอบกับการจัดการสิ่งแวดล้อม ลดความเสี่ยง การรักษาดีขึ้น ทำให้ระบบสาธารณสุขรองรับได้และมียามากขึ้น อีกทั้งขอความร่วมมือประชาชนเฝ้าระวัง และป้องกันตนเองอย่างเคร่งครัดตามมาตรการ DMHTTA สวมหน้ากากอนามัย และหมั่นสังเกตอาการด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลยืนยันดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ครอบคลุมทุกสิทธิฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย โดยผู้ป่วยโควิด-19 ทุกสิทธิ สามารถเข้ารับการรักษาได้ทั้งโรงพยาบาลรัฐและโรงพยาบาลเอกชน

นายธนกร กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) วันที่ 6 มกราคม พบมีผู้ติดเชื้อรวม 5,775 ราย จำแนกเป็น ผู้ป่วยจากระบบเฝ้าระวังฯ 5,323 ราย ผู้ป่วยจากการค้นหาเชิงรุก 160 ราย ผู้ป่วยภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 77 ราย ผู้ป่วยมาจากต่างประเทศ 215 ราย ผู้ป่วยสะสม 2,216,387 ราย (ตั้งแต่ 1 เมษายน 2564) ผู้ป่วยกำลังรักษา 37,968 รายและมีผู้ป่วยหายป่วยกลับบ้านแล้ว 2,673 ราย ส่งผลให้ตัวเลขรวมหายป่วยสะสม 2,158,076 ราย และผู้เสียชีวิตเพิ่ม 11 ราย

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง