"คกก.สอบเทวดาสคบ." ประชุมนัดแรก ตั้ง 2 อนุกรรมการหาข้อเท็จจริง ว่ามีจนท.สคบ.เรียกรับสินบน - หาผลประโยชน์ จาก "ดิไอคอน กรุ๊ป" หรือไม่ กำชับเร่งสอบหาข้อมูล เพื่อรายงานความคืบหน้าทุกสัปดาห์
17 ต.ค.2567 - ที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับธุรกิจออนไลน์ ได้ประชุมนัดแรก หลังนายประเสริฐ จันทรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งแต่งตั้ง โดยมีนายนายชาติพงษ์ จีระพันธ์ุ อัยการอาวุโส ในฐานะประธานคณะกรรมการชุดดังกล่าว เป็นประธานการประชุม
ภายหลังการประชุมนายชาติพงษ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณาครั้งแรกของคณะกรรมการ โดยได้มีการวางกรอบ และเวลาการทำงานตามคำสั่ง ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งที่จะใช้เวลาประมาณ 30 วัน และสามารถขยายเวลาได้ แต่เบื้องต้นจะเร่งงานให้เร็วที่สุด พยายามจะไม่ขยายซึ่งก็ขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน เบื้องต้นที่ประชุมจะตั้งอนุกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ชุดแรกอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจิรงเบื้องต้น เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานที่เกี่ยวกับการดำเนินการของหน่วยงานของรัฐว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน มีการให้สินบนการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งจะหาข้อเท็จจริงทั้งพยานวัตถุ พยานเอกสาร และพยานบุคคล และชุดที่ 2 อนุกรรมการเกี่ยวกับเรื่องข้อกฎหมาย โดยคณะกรรมการชุดนี้มองว่าสิ่งที่เป็นอุปสรรคในการทำงานของหน่วยงานของรัฐส่วนหนึ่งมาจากกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ทั้งระเบียบข้อบังคับ และกฎหมายหลายๆฉบับ ทั้งพ.ร.บ.ขายตรง และพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการกู้ยืมเงินในการฉ้อโกงประชาชน รวมถึงระเบียบข้อบังคับภายในซึ่งเราจะพิจารณาว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน และเป็นช่องว่างให้เกิดการเรียกรับผลประโยชน์หรือไม่
ทั้งนี้อนุกรรมการทั้ง 2 ชุดจะทำงานให้เร็วที่สุด โดยใน 1 สัปดาห์ ทั้ง 2 ชุดจะต้องกลับมารายงานกรรมการชุดใหญ่ ต้องมีผลงานกลับมา โดยกรรมการชุดใหญ่จะนัดประชุมอีกครั้งหลังได้หลังจากที่ได้รับรายงานจากอนุกรรมทั้ง 2 ชุด ซึ่งในชั้นแรกเราจะพยายามสอบจากพยานที่ปรากฏตามสื่อมวลชน ซึ่งถ้าพาดพิงไปถึงบุคคลใด ก็จะไปสอบบุคคลและพยานเหล่านั้น
"สัปดาห์จะพยายามประชุมทุกสัปดาห์เพื่อให้มีความคืบหน้า เพราะรู้ว่าสังคมต้องการคำตอบ เพราะเป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อภาพลักษณ์ของประเทศ กระทบต่อเศรษฐกิจเรื่องการลงทุน ถ้าเรายังมีดัชนีการทุจริตไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะทำให้ดัชนีของประเทศไทยไม่สามารถยืนอยู่ในแนวหน้าของโลกได้ ซึ่งเราได้เร่งรัดเป็นพิเศษ เพราะรัฐบาลให้นโยบายมา"นายชาติพงษ์ กล่าว
นายชาติพงษ์ กล่าวอีกว่า เบื้องต้นยังจะมีการประสานจากชุดพนักงานสอบสวนของตำรวจสอบสวนกลางที่ได้มีการสอบไปแล้ว รวมถึงคลิปที่ปรากฏตามสื่อมวลชนต่างๆ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งองค์ประกอบของคณะกรรมการชุดนี้มีทั้งตัวแทนจากอัยการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน โดยสามารถใช้ข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ครบ คณะกรรมการที่มาจากทุกส่วนเชื่อว่าพร้อมช่วยสนับสนุนหาพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง โดยจะพยายามทำให้ดีที่สุด พิสูจน์ทราบเพื่อให้สื่อและประชาชนทราบโดยเร็ว และจะทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พยานฝั่งดิไอคอน ร้อง 'กมธ.ความมั่นคง' หวั่นไม่ได้รับความเป็นธรรม
ผู้เสียหายและพยานที่ได้รับความเดือดร้อน จากการอายัดทรัพย์โดยไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความผิดที่ถูกกล่าวหา กรณี บริษัท ดิ ไอคอนกรุ๊ป เข้ายื่นหนังสือถึง นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ
ศาลรับฟ้อง 'บิ๊กป้อม' ฟ้องเรียกค่าเสียหาย 'สิระ' เรียก 50 ล้าน
พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรค พปชร.ได้มอบอำนาจให้ตน ให้ทนายความ ฟ้อง
พาณิชย์ ผนึกกำลัง 4 หน่วยงาน เข้มงวดสกัดสินค้าไร้คุณภาพ
“พิชัย” สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมศุลกากร สคบ. อย. สคบ. ลุยมาตรการเข้มข้นต่อ หลังสถิตินำเข้าสินค้าไร้คุณภาพลดลงต่อเนื่อง และการดำเนินคดีผู้กระทำความผิดเพิ่มขึ้น ส่วนการจัดการนอมินี ดำเนินดคีไปแล้ว 747 ราย มูลค่า 11,720 ล้านบาท
'แทนคุณ' ไม่สะท้าน 'ฟิล์ม' ขู่ฟ้อง โวข้อมูลเพียบหักล้างได้หมด พร้อมฟ้องกลับ
'อี้ แทนคุณ' ไม่สะท้าน 'ฟิล์ม รัฐภูมิ' เตรียมฟ้อง ลั่นกุมความลับอีกหลายเรื่อง พร้อมฟ้องกลับ โวข้อมูลไหลมาเยอะมาก หักล้างได้หมด
'ฟิล์ม รัฐภูมิ' พกมั่นใจเต็มร้อย ควง 'ทนายประมาณ' รับข้อหากองปราบ
'ฟิล์ม รัฐภูมิ' ควง 'ทนายประมาณ' โผล่กองปราบ รับทราบข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์-หมิ่น คลิปเสียงเรียกรับเงินบอสพอล 20 ล้าน
เปิดคำสั่ง ศาลอุทธรณ์ไม่ให้ประกัน 'สามารถ' ชี้พฤติการณ์สมคบกันฟอกเงิน คดีฉ้อโกง
ศาลอาญาอ่านคำสั่งศาลอุทธรณ์ที่นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช อดีตสมาชิกและรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน ตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5(1),(3) มาตรา 9