
4 มี.ค. 2568- ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอี) กล่าวถึงความคืบหน้าการปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ว่าเมื่อวันที่ 3 มี.ค.มีออกหมายจับไปกว่า 100 คน และมีการติดตาม โดยให้รายงานผลการตรวจสอบสายเสาสัญญาณ การใช้ซิม ทุกวันจันทร์ ซึ่งเท่าที่ได้รับรายงานเป็นไปด้วยดี มีการทำงานอย่างต่อเนื่อง และยังไม่พบเหตุผิดปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังตัดสัญญาณทำให้คนไทยส่วนหนึ่งที่มีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้รับผลกระทบไปด้วยเพราะไม่สามารถใช้สัญญาณโทรศัพท์หรืออินเตอร์เน็ตได้ นายประเสริฐ กล่าวว่า ก็มีบ้าง ซึ่งวันที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ได้สั่งการให้ กสทช. ดูแลประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยจะมีวิธีขยายสัญญาณในฝั่งไทย ในจุดที่สัญญาณอ่อน ได้พูดคุยกันว่าอาจจะเพิ่มสัญญาณ ในบางจุด โดยเพิ่มเฉพาะในฝั่งไทย เมื่อถามว่าหากมีการเพิ่มจุดสัญญาณ จะมีสัญญาณไปถึงประเทศเพื่อนบ้านจนเขาสามารถกลับไปใช้งานได้ใช่หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ไม่สามารถใช้ได้ เพราะมีตัววัดสัญญาณอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าภายหลังนายกรัฐมนตรีสั่งการได้รับความร่วมมือจากเอกชนดีหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ที่ผ่านมาภาคเอกชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี หลายบริษัทมายืนยัน ความเป็นเจ้าของสายอินเตอร์เน็ตแล้ว ส่วนใครที่ไม่มายืนยัน เราก็จะดำเนินการตัดสัญญาณ ทั้งนี้เราจะตัดสัญญาณเฉพาะคนที่ไม่มายืนยันซึ่งมีประมาณ 10 ราย ส่วนคนที่มายืนยันก็สามารถใช้บริการได้ปกติ แต่ถ้าพบว่าสายที่ใช้งานได้ แต่ถูกลากไปในตึกหรือในอาคารที่สงสัยว่าอาจใช้ในกลุ่มมิจฉาชีพ หรือใช้เพื่อกระทำความผิด เราก็จะดำเนินการ อย่างไรก็ตาม เรามีการตรวจสอบสายที่ลากข้ามไปประเทศเพื่อนบ้าน หากผู้ประกอบการปฏิเสธว่าไม่ใช่เจ้าของก็จะมีการตัดตามขั้นตอน
ถามว่า หลังจากตัดสัญญาณแล้ว ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ลดลงหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า จากการตรวจสอบกับตำรวจ พบว่าปัญหาลดลง 20% สถิติการใช้ลดลงอย่างรวดเร็ว รวมถึงสถิติของคดีก็ลดลงด้วย ในส่วนของศูนย์ AOC ปัจจุบันมีการร้องเรียนประมาณ 3,000 สายต่อวัน โดยหลังเปิดศูนย์ประมาณหนึ่งปี มีตัวเลขลง 40% หลังใช้มาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณ ความเสียหายลดลง 20 % ถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะลดลงทั้งความเสียหาย และจำนวนเงินก็ลดลง ก่อนหน้านี้ความเสียหายกว่า 100 ล้าน แต่หลังเปิดศูนย์ตัวเลขลดลง เหลือ 60-70 ล้าน และหลังมีมาตรการตัดไฟ ตัดสัญญาณ ความเสียหายต่ำกว่า 50 ล้านบาทต่อวัน ซึ่งส่วนใหญ่ มาจากการหลอกให้ลงทุนเงินดิจิทัล ส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นมาก แต่ค่าเสียหายน้อย และลดลงอย่างมีนัยสำคัญคือซื้อของไม่ตรงปก
นายประเสริฐ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าการบังคับใช้ พระราชกำหนดมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือพ.ร.ก.ไซเบอร์ ที่ ครม.เห็นชอบแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกา คาดว่าจะแล้วเสร็จต้นเดือนมีนาคมนี้ โดยภายในเดือนนี้ตนจะเรียกสถาบันการเงิน telco provider และแพลตฟอร์ม เข้ามาพูดคุย ทีละกลุ่ม ถึงความเข้าใจ ความรับผิดชอบในค่าความเสียหายว่าหมายถึงอะไร เพื่อความชัดเจนในการปฏิบัติงาน ก่อนประกาศใช้กฎหมาย ทั้งนี้คาดว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะสามารถประกาศใช้ได้ภายในเดือนมีนาคมนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดีอี แจ้งข่าว พ.ร.ก.ไซเบอร์ 2 ฉบับ ปราบมิจฉาชีพออนไลน์ มีผลบังคับใช้แล้ว
ราชกิจจานุเบกษา ประกาศ พ.ร.ก.ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ - พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัลฯ มีผลบังคับใช้ 13 เม.ย.68
'ประเสริฐ' เผย กฤษฎีกาแยกร่างพ.ร.ก.ไซเบอร์ เป็นสองร่างป้องกันเงินดิจิทัลไหลออกนอกระบบ เข้าครม.วันนี้
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยก่อนการประชุมคณะ
สั่งทำแผนรับมือภัยพิบัติ-เยียวยา
"นายกฯ อิ๊งค์" ขอให้ทุกคนเข้มแข็ง ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปด้วยกัน สั่ง 8 กระทรวงเร่งหามาตรการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติทุกมิติ
ล้อมคอกระบบเตือนภัย ชง‘TraffyFondue’ทุกจว.
ล้อมคอกตามสูตร "รมว.ดีอี" เรียก "ปภ.-กสทช.-โอเปอเรเตอร์"
รัฐบาลเรียก 'ปภ.-กสทช.-โอเปอเรเตอร์' สางปัญหาระบบเตือนภัยประชาชน
'รองนายกฯ ประเสริฐ' เรียก 'ปภ.-กสทช.-โอเปอเรเตอร์' สางปัญหาระบบเตือนภัยประชาชน วางระบบ-ขั้นตอนเคร่งครัด ย้ำให้ประสานงานกันใกล้ชิด แจ้งเตือนภัยฉุกเฉินให้ถึงประชาชนอย่างรวดเร็ว
‘ประเสริฐ’ ขึ้นเชียงใหม่รับข้อเรียกร้องแก้กฎหมายป่าอนุรักษ์ พร้อมชงครม.พิจารณา
รองนายกฯ "ประเสริฐ"ขึ้นเชียงใหม่พบปะรับข้อเรียกร้องแก้กฏหมายป่าอนุรักษ์จากกลุ่มสมัชชาชุมชนคนอยู่กับป่าที่ปักหลักรอตามสัญญารับปากจะนำข้อเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. วันอังคารนี้