นักวิชาการธรรมศาสตร์ ซัดเนื้อหา ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ กั้นขวางไม่ให้ ‘ไรเดอร์’ ได้รับสวัสดิการ ผลักคนกลุ่มนี้ออกนอกระบบ ทั้งที่เขาต้องทำงานเหมือนลูกจ้างในบริษัท-มีระเบียบ-มียูนิฟอร์มของบริษัท-มีบทลงโทษ แต่กลับไม่ได้รับการดูแลเหมือนลูกจ้าง เสี่ยงอุบัติเหตุแต่นายจ้างไม่ต้องรับผิดชอบ
2 พฤษภาคม 2568 - ผศ.ดร.กฤษฎา ธีระโกศลพงศ์ อาจารย์ประจำคณะสังคมสงเคราะห์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) และอนุกรรมการพัฒนาระบบประกันสังคมมาตรา 40 เปิดเผยว่า ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ พ.ศ. …. เป็นกฎหมายที่มีความพยายามร่างขึ้นมาตั้งแต่ช่วงก่อนเกิดเหตุการณ์โควิด-19 และดำเนินการปรับปรุงมาอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยช่วงที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์ร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างกว้างขวางจากขบวนการแรงงาน และมีการยื่นหนังสือต่อ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 2568 เพื่อแสดงการคัดค้าน
ทั้งนี้ เนื่องจากสาระสำคัญของร่างกฎหมายฉบับนี้ มีการแบ่งแยกแรงงานอิสระออกมาจากแรงงานในระบบปกติ ผ่านการแยกย่อยคำนิยามแรงงานอิสระออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1. ผู้ประกอบอาชีพอิสระ ซึ่งไม่มีนายจ้าง เช่น เกษตรกรที่เป็นเจ้าของที่ดิน หาบเร่แผงลอย คนขับวินมอเตอร์ไซค์ ฯลฯ 2. ผู้ประกอบอาชีพกึ่งอิสระ เช่น พนักงานขับรถไรเดอร์ (Rider) พนักงานทำความสะอาดหรือแม่บ้าน ที่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชัน ซึ่งในกฎหมายเรียกว่าบริการแพลตฟอร์มดิจิทัล
สำหรับสิ่งที่ทางสหภาพไรเดอร์เรียกร้องมาโดยตลอด คือไรเดอร์ควรจะมีสถานะเป็นลูกจ้าง มากกว่าที่จะเป็นแรงงานอิสระ ซึ่งต้องสามารถเข้าถึงสิทธิประกันสังคมและสวัสดิการคุ้มครองต่างๆ ได้เหมือนกับแรงงานในระบบปกติ เพราะลักษณะการทำงานที่มีการบังคับบัญชาผ่านนโยบายจากเจ้าของแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น ให้มีการสแกนใบหน้า กำหนดให้สวมชุดยูนิฟอร์มของบริษัท มีบทลงโทษให้พักงาน กรณีที่ปฏิเสธการรับงาน กฎระเบียบต่างๆ เหล่านี้
“ในส่วนของผู้ประกอบอาชีพกึ่งอิสระ จุดนี้ถือว่าเป็นการติดกระดุมผิดตั้งแต่เม็ดแรก เพราะหากพิจารณาตามชื่อก็จะเห็นชัดว่าไม่ได้มีความอิสระอย่างแท้จริง ยังคงมีสภาพหรือสถานะการจ้างอยู่แบบกึ่งอิสระอยู่ เหตุใดแรงงานกลุ่มนี้จึงถูกควบรวมอยู่ในคำนิยามแรงงานอิสระ” ผศ. ดร.กฤษฎา กล่าว
นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าวว่า ทั้งที่รัฐจะช่วยสนับสนุนและให้สวัสดิการคนทำอาชีพกึ่งอิสระ ซึ่งทำงานเหมือนกับลูกจ้างบริษัท แต่จากการนิยามในร่างกฎหมายฉบับนี้เหมือนเป็นการผลักพวกเขาออกไปจากระบบ ทำให้ขาดโอกาสในการได้รับสวัสดิการ ความคุ้มครอง ที่บริษัทแพลตฟอร์มดิจิทัลควรต้องมีส่วนในการรับผิดชอบ
“การทำงานของไรเดอร์เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ เพราะต้องสัญจรใช้รถบนท้องถนน บริษัทกลับไม่ต้องดูแลอะไรพวกเขาเลย เพราะเป็นแรงงานอิสระ ไม่มีประกันอุบัติเหตุ ไม่มีสิทธิการรักษาพยาบาลในประกันสังคม ไม่สนับสนุนอุปกรณ์ความปลอดภัยในการทำงาน เมื่อเจ็บป่วยจากการทำงานก็ใช้สิทธิบัตรทอง ซึ่งเป็นต้นทุนทางงบประมาณของภาครัฐที่มาจากภาษีของประชาชน แทนที่จะเป็นเงินของบริษัท” ผศ. ดร.กฤษฎา กล่าว
นักวิชาการธรรมศาสตร์รายนี้ กล่าวต่อไปว่า ทุกวันนี้หน่วยงานราชการได้พยายามเข้าไปรณรงค์กับบริษัทแพลตฟอร์มดิจิทัลให้นำพนักงานเข้าสู่ระบบประกันสังคม มาตรา 40 ซึ่งตรงนี้เป็นสิ่งที่สะท้อนถึงรากฐานปัญหา อันมีที่มาจากการติดกระดุมเม็ดแรก เรื่องการนิยามที่ผิด ทำให้ระบบที่ตามมาหลังจากนั้นผิดไปทั้งหมด เพราะหากว่ากันตามนิยามพนักงานเหล่านี้ควรมีสถานะเป็นลูกจ้างในระบบ และควรมีสิทธิประกันสังคมตาม มาตรา 33 ด้วยซ้ำไป
ผศ. ดร.กฤษฎา ยังกล่าวด้วยว่า การนิยามแรงงานอิสระที่แบ่งย่อยออกเป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระ และกึ่งอิสระเช่นนี้ สะท้อนถึงวิธีคิดแบบราชการที่ต้องการแบ่งแยกให้ชัดเจนโดยไม่เข้าใจรูปแบบหรือวิธีการทำงานใหม่ๆ ในยุคสมัยปัจจุบัน ซึ่งแรงงานหนึ่งคนไม่ได้ทำงานหนึ่งงานแบบที่เคยเข้าใจอีกต่อไป ยกตัวอย่างและมีคำถามง่ายๆ ว่า หากมีคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือคนขับแท็กซี่ ที่รับงานด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันก็เป็นไรเดอร์ รับงานผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล ต่างๆ ไปด้วย คนเหล่านี้ควรลงทะเบียนอยู่ในกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือกึ่งอิสระกันแน่
“ดังนั้น ควรจะต้องกลับไปเริ่มต้นพิจารณา และจำแนกคำนิยามและสถานะต่างๆ ของแรงงานให้มีความชัดเจน ว่าแบบใด คือ แรงงานอิสระ แบบไหนคือแรงงานในระบบ รวมถึงความก้ำกึ่งของผู้ประกอบอาชีพกึ่งอิสระที่ยังคงมีรายละเอียดให้ต้องถกเถียงกันอีกมาก ก่อนที่จะไปพูดถึงการแก้ไขรายมาตรา หรือออกแบบกลไกและระบบต่างๆ ที่มีอยู่ใน ร่าง พ.ร.บ.ส่งเสริมและคุ้มครองแรงงานอิสระ ควรจะต้องตั้งต้นจากกระดุมเม็ดแรกให้ชัดเจนเสียก่อน ไม่เช่นนั้น สิ่งต่างๆที่จะตามมา จะอยู่ในภาวะผิดฝาผิดตัวทั้งหมด” นักวิชาการธรรมศาสตร์ กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล ‘คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล’ พบได้ไม่บ่อย
นักวิชาการธรรมศาสตร์ ระบุพบไม่บ่อย กรณีโพลสะท้อนกระแสการเมือง “คนกรุง” เกือบครึ่งยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกใคร-พรรคใด เชื่อจุดตัดสำคัญอยู่
ดร.กิตติธัช สอนพวกเท้าราน้ำ 'การทำลายให้สิ้นสภาพ' ไม่ใช่การบุกไปยึดครองกัมพูชา
นักวิชการ อธิบายชัดการทำลายให้สิ้นสภาพ ไม่ใช่การบุกไปยึดครองกัมพูชา หรือทำลายกองทัพกัมพูชาแบบเบ็ดเสร็จ
ยกเลิก MOU 'เจ้ากรมแผนที่ทหาร-นักวิชาการ' สะท้อนต่างมุม
วงเสวนาไทย–กัมพูชาสะท้อนต่างมุม “เจ้ากรมแผนที่ทหาร” ชี้ปัญหาเขตแดนเป็นมรดกยุคอาณานิคม ย้ำ MOU คือกลไกแก้ปัญหาที่สั่งสมกว่า 20 ปี ขณะที่ “สว.ชิบ” เปิด 8 เหตุผล กมธ.วุฒิสภา หนุนยกเลิก MOU 2544 ป้องกันไทยเสียผลประโยชน์ทางทะเล
นักวิชาการ มธ. มองเลือกตั้งหน้า ‘พรรคประชาชน’ โดดเดี่ยว อำนาจต่อรองไหลกลับเพื่อไทย
นักวิชาการธรรมศาสตร์วิเคราะห์ผลจากการยุบสภา ชี้สมการการเมืองหลังเลือกตั้งมีแนวโน้มทำให้พรรคประชาชนโดดเดี่ยว สูญเสียอำนาจต่อรองในการจัดตั้งรัฐบาล ขณะที่บทบาทต่อรองมีโอกาสไหลกลับไปอยู่ที่พรรคเพื่อไทย ท่ามกลางการแข่งขันของการเมือง 3 ขั้ว
ยังไม่ใช่เวลาเจรจาสันติภาพ นักวิชาการ มธ. ชี้ต้องปกป้องอธิปไตยก่อน แนะวิธีสื่อสารเชิงรุกสู้กัมพูชา
นักวิชาการธรรมศาสตร์ ระบุขณะนี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการพูดคุยเจรจาสันติภาพกับกัมพูชา แต่ปลายทางคือต้องเจรจาบนโต๊ะ ชี้ไทยต้องปกป้องอธิปไตยไปจนสถานการณ์กลับสู่ปกติก่อนแล้ว
“สปส.” เดินหน้ายกระดับกลไกคุ้มครองแรงงาน“กองทุนเงินทดแทน”
นางสาวกาญจนา พูลแก้ว เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม (สปส.) กล่าวว่า เพื่อให้แรงงานทุกคนมีหลักประกันเมื่อประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน กองทุนเงินทดแทน สำนักงานประกันสังคมจึงให้ความคุ้มครองและให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกจ้างอย่างทั่วถึงตามพระราชบัญญัติเงินทดแทน พ.ศ. 2537 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2561

