ทะแม่ง!จิรายุร่ายผลงาน 6 เดือนกระทรวงอุตฯ สุดปัง

รัฐบาลแพทองธารเดินเครื่องอุตสาหกรรมเพื่อประชาชน 6 เดือนเห็นผลชัด ลดฝุ่น PM2.5 ปราบอุตฯ ศูนย์เหรียญ หนุน Soft Power สร้างเศรษฐกิจสู่อนาคต

08 พ.ค.2568 - นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรม ช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ภายใต้นโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ยกระดับภาคอุตสาหกรรมไทยควบคู่กับการดูแลคุณภาพชีวิตของประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน

โดยกระทรวงอุตสาหกรรม รายงานผลงาน ดังนี้ 1.ลดอ้อยเผาต่ำสุดในประวัติศาสตร์ เหลือเพียง 14.8% – ช่วยลด PM2.5 อย่างเห็นผล ฤดูการผลิตปี 2567/2568 อ้อยเผาลดลงเหลือเพียง 14.8% หรือ 13.68 ล้านตัน จากอ้อยเข้าหีบทั้งหมด 92 ล้านตัน นับเป็นสัดส่วนที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีอ้อยเผาสูงถึง 29.6% โดยกระทรวงอุตสาหกรรมดำเนินมาตรการเข้มข้น ทั้งการหยุดรับอ้อยช่วงปีใหม่ การรับเฉพาะอ้อยสด การตรวจสอบโรงงาน และติดตามการเผา (Hotspot) และ ร่องรอยการเผาไหม้ในไร่อ้อย (Burn Scar) อย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยฟื้นฟูอากาศบริสุทธิ์ให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

2.ชุดเฉพาะกิจที่มีชื่อว่า“ชุดสุดซอย”ได้ดำเนินการปราบปรามอุตสาหกรรมศูนย์เหรียญ – สินค้าไม่ได้มาตรฐาน เช่น สายไฟ เหล็ก ยาง พบผู้กระทำผิด 17 ราย และยึดอายัดสินค้ากว่า 656.2 ล้านบาท พร้อมทั้งประกาศมาตรฐานบังคับแล้ว 145 มาตรฐาน ครอบคลุม 309 รายการ เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคและผู้ประกอบการไทยให้แข่งขันอย่างเป็นธรรม และไม่ให้กลุ่มทุนศูนย์เหรียญเอาเปรียบตลาด

3."แจ้งอุต" ผ่าน Traffy Fondue – สายตรงถึงภาครัฐ โปร่งใส ทันใจประชาชน นำระบบดิจิทัลมาช่วยรับเรื่องร้องเรียนผ่านไลน์ "Traffy Fondue" โดยประชาชนสามารถแจ้งปัญหาอุตสาหกรรมได้สะดวก ระบบตอบรับใน 1 ชั่วโมง แก้ไขปัญหาเฉลี่ยเพียง 14 วัน ยอดร้องเรียนเพิ่มขึ้นถึง 600%

4.ขนย้ายอะลูมิเนียมดรอส ใน จ.ระยอง –ไม่ใช้งบประมาณภาครัฐ โดยขนย้ายอะลูมิเนียมดรอส 5,491.66 ตัน ออกจากพื้นที่บริษัท วิน โพรเสส จำกัด ด้วยงบเอกชนเพียง 4 ล้านบาท จากเดิมที่ประเมินไว้สูงถึง 54.31 ล้านบาท และเร่งผลักดันร่าง พ.ร.บ. จัดการกากอุตสาหกรรม เพื่อสร้างระบบจัดการที่ยั่งยืน พร้อมตั้งกองทุนอุตสาหกรรมยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับกากอุตสาหกรรมและขยะอิเล็กทรอนิกส์อย่างเป็นระบบ

5.ขับเคลื่อน Soft Power ไทย – ดันอาหารและแฟชั่น สร้างเศรษฐกิจ 5,000 ล้าน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้ขับเคลื่อน 2 สาขาหลัก ได้แก่ อาหาร และแฟชั่น โดยสาขาอาหาร ได้พัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชนอาหารถิ่นอาหารไทย ยกระดับผลิตภัณฑ์อาหารชุมชนสู่มาตรฐานสากล ยกระดับหลักสูตร “หนึ่งหมู่บ้านหนึ่งเชฟอาหารไทย ออกแบบหลักสูตร 7 หลักสูตร ครอบคลุมวิสาหกิจชุมชน นักศึกษา ผู้ว่างงาน รวม 17,000 คน ตลอดจนส่งมอบเครื่องจักรสร้างศูนย์นวัตกรรมอาหาร ขณะที่สาขาแฟชั่น ได้เชื่อมโยงนักออกแบบไทย-ต่างชาติ พัฒนาหัตถกรรมสิ่งทอไทย ส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าแฟชั่นจากทุนวัฒนธรรมสู่สากล พร้อมเชื่อมโยงเครือข่ายบุคลากรอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างเป็นระบบ

“รัฐบาลเดินหน้ายุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมในหลายมิติ ทั้งการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรม การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การส่งเสริมนวัตกรรมจากทุนวัฒนธรรมไทย ตลอดจนการดูแลสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างยั่งยืน เพื่อเปลี่ยนผ่านภาคอุตสาหกรรมของไทยสู่อนาคต พลิกฟื้นอุตสาหกรรมไทย เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันของประเทศได้ในระยะยาว” นายจิรายุกล่าว

 

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ เยี่ยมนาวิกโยธินเหยียบกับระเบิด ฝาก 'นานาชาติ' อย่าเอาแต่บอกไทยหยุดยิง ให้ไปบอกเขมร

นายกฯเยี่ยมนาวิกโยธิน เหยียบทุ่นระเบิดบาดเจ็บ ฝากถึงนานาชาติ อย่าเอาแต่บอกให้ไทยหยุดยิง ให้ไปบอกเขมร ลั่นเลิกเกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหม เดินหน้าสถาปนาอธิปไตยเหนือชายแดนโดยเร็วที่สุด

นายกฯ เยี่ยมศูนย์อพยพ จ.สุรินทร์ นั่งระบายสี 'รถฮัมวี่ติดปืนกล' ร่วมกับเด็ก ลั่นรบ.จะดูแลเต็มที่

นายกฯ เยี่ยมศูนย์อพยพที่สุรินทร์ นั่งระบายสี ‘รถฮัมวี่ติดปืนกล’ ร่วมกับเด็กๆ เดินทักทาย-ให้กำลังใจชาวบ้าน-จนท. พร้อมขอให้อยู่ที่ศูนย์ไปก่อน รัฐบาลจะดูแลเต็มที่ ก่อนไปเยี่ยมทหารเหยียบระเบิดที่จันทบุรีต่อ

'อนุทิน' เปิดพรรครับ 'กลุ่มรักสถาบัน' ให้กำลังใจ ปกป้องอธิปไตยไทย

'อนุทิน' เปิดพรรค รับดอกไม้-หนังสือ 'กลุ่มศปปส.' ให้กำลังใจปกป้องอธิปไตย ลั่นไทยไม่มีแพ้ ขอมั่นใจพร้อมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่ทหาร

'อนุทิน' ระวัง! ติดกับดักตัวเอง ปมคำถามประชามติ

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตกรรมการการเลือกตั้ง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี วางกับดักตัวเอง ในการส่งคำถามประชามติของคณะรัฐมนตรี

เริ่มแล้ว! ไทย- UNODC จัดประชุมระดับโลกปราบสแกมเมอร์

เริ่มแล้ววันนี้! การประชุมระดับโลกปราบสแกมเมอร์ ไทยเป็นเจ้าภาพร่วมกับ UNODC พร้อมผนึกกำลังกับ 39 ประเทศ สร้างความร่วมมือระดับโลกรับมือปัญหาอาชญากรรมออนไลน์