ยกสารพิษจากเหมืองแร่ในน้ำกก-น้ำสายหารือในที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯว่าด้วยสิทธิมนุษยชนของอาเซียน "ผู้แทนไทย" ชี้ผลกระทบข้ามแดนละเมิดสิทธิของคนในพื้นที่ เครือข่ายภาคประชาชนผิดหวังนายกรัฐมนตรีไม่ให้ความสำคัญ "สส.มานพ" แนะตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจแก้ด่วน-จี้ยกหูคุยกับจีน
20 พฤษภาคม 2568 - รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างวันที่ 11-16 พฤษภาคม 2568 ณ สำนักงานเลขาธิการอาเซียน กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการระหว่างรัฐบาลอาเซียนว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (AICHR) ครั้งที่ 41 โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างปฏิญญาสิทธิสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัย สะอาด สุขภาพดี และยั่งยืน เพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศและการรับรองจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนต่อไป โดยไทยเป็นผู้นำการเจรจายกร่างปฏิญญา ฯ ฉบับนี้ และเปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นอย่างเต็มที่
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมครั้งนี้ ผศ.ดร.ภาณุภัทร จิตเที่ยง ผู้แทนไทยใน AICHR ได้นำเสนอแผนงานและประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่ไทยพร้อมเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนในแผนงาน 5 ปีฉบับใหม่ของ AICHR (พ.ศ. 2569 - 2574) อาทิ สิทธิคนพิการ สิทธิด้านสิ่งแวดล้อม ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน สิทธิของผู้โยกย้ายถิ่นฐาน อาชญากรรมข้ามชาติกับสิทธิมนุษยชน เมืองสิทธิมนุษยชน และ การเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับกลไกของ AICHR
นอกจากนี้ ผู้แทนไทย ฯ ยังนำเสนอข้อห่วงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สิทธิมนุษยชนข้ามพรมแดน โดยเฉพาะสถานการณ์มลพิษในลำน้ำกกและลำน้ำสาย อันเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่ในพื้นที่ต้นน้ำซึ่งอยู่นอกดินแดนไทย ซึ่งผศ.ดร.ภาณุภัทร ได้ขอให้ประเทศที่เกี่ยวข้องร่วมมือกับไทยในการแก้ปัญหาดังกล่าวซึ่งกระทบต่อสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของคนในพื้นที่ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจัดทำแผนปฏิบัติการสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมระดับภูมิภาค
ในที่ประชุมผู้แทนไทย ฯ ยังแสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การโจมตีทางอากาศในประเทศเมียนมาซึ่งมีพื้นที่ติดกับชายแดนด้านตะวันตกของไทยซึ่งส่งผลให้จำนวนผู้อพยพที่เดินทางเข้ามาแสวงหาที่พักพิงในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบทันที และให้ความสำคัญกับการปกป้องคุ้มครองประชาชนผู้บริสุทธิ์และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม
นอกจากนี้ในการประชุมครั้งนี้ ผู้แทนไทยร่วมกับผู้แทนชาติสมาชิกอาเซียนอื่น ๆ ในคณะกรรมาธิการ ฯยังมีโอกาสแลกเปลี่ยนและหารือความร่วมมือด้านสิทธิมนุษยชนกับประเทศคู่เจรจาของอาเซียน อาทิ ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น นอร์เวย์ สวิตเซอร์แลนด์ เกาหลีใต้ สหภาพยุโรป รวมถึงองค์กรภาคประชาสังคม โดยในการหารือกับกลุ่มเด็กและเยาวชนจากชาติสมาชิกอาเซียน
ขณะที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้ทำหนังสือตอบมายังคณะทำงานภาคประชาชนลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย ภายหลังจากที่คณะทำงานได้ส่งหนังสือถึง น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2568 เพื่อขอให้แก้ไขปัญหามลพิษข้ามแดนในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นกรณีเร่งด่วน โดยหนังสือระบุว่าสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ประสานส่งเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ต่อไป
ทั้งนี้หนังสือที่คณะทำงานภาคประชาชนฯได้ส่งถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งรัดให้ดำเนินการ 1. แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน และจัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย 2.เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย 3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมาหรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน
4.สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง 5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน 6.เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ
นส.เพียรพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers)กล่าวว่าจดหมายตอบของสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงคณะทำงานภาคประชาชนฯ เป็นคำตอบที่น่าผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง เพียงแค่ทำทุกอย่างตามระบบราชการ ทั้งๆที่เป็นเรื่องเร่งด่วน ที่นายกรัฐมนตรีและคนในรัฐบาลควรให้ความสนใน แต่คำตอบที่ได้รับทำให้เห็นว่ารัฐบาลไม่ได้ให้น้ำหนักในการแก้ปัญหาวิกฤตของประชาชนในครั้งนี้เลย
“ขณะนี้ประชาชนต่างมีความกังวลและคาดหวังว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินการแก้ไขในทันที ผลการตรวจคุณภาพน้ำของกรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม 3 ครั้ง มีผลที่น่ากังวลขึ้นเรื่อยๆ พบการปนเปื้อนของโลหะหนัก โดยสารหนู (As) สูงถึง 0.049 ที่แม่น้ำสาย เกินค่ามาตรฐานถึงเกือบ 5 เท่า และตรวจพบสารหนูเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำโขงแล้วที่ อ.เชียงแสน หากรัฐบาลลอบตัว ไม่มีนโยบายในเรื่องนี้ ก็เท่ากับยอมปล่อยให้ทหารว้า พม่า และคนจีน ทำเหมืองทองคำขุดแม่น้ำ และขุดแร่แรร์เอิร์ทบนภูเขาหลายสิบแห่งที่ต้นแม่น้ำ แล้วทิ้งทุกอย่างไหลลงต้นน้ำของประชาชน นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของหายนะ” น.ส.เพียรพร กล่าว
ด้านนายมานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวว่ากรณีสารพิษในแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ควรรีบแก้ไขโดยรัฐบาลควรตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาแก้ไขปัญหาเร่งด่วน แต่จนถึงขณะนี้รัฐบาลกลับไม่ส่งสัญญาณอะไรเลย ขณะที่ข้าราชการในระดับจังหวัดและภูมิภาคพยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มที่แล้ว แต่เรื่องนี้เป็นประเด็นใหญ่เกินอำนาจหน้าที่ของท้องถิ่น แต่เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดำเนินการเพราะเป็นเรื่องระหว่างประเทศ
“จริงๆอย่างน้อยสุดในตอนนี้รัฐบาลควรขอความร่วมมือจากคนที่ทำเหมือง ไม่ว่าจะเป็นว้าหรือพม่า หรือจีน ขอให้ระงับดำเนินการทำเหมืองก่อน จนกว่าการพูดคุยจะจบ เราควรมีข้อเสนอที่ชัดเจนออกมา ถ้าเขาไม่ระงับเราก็ควรมีมาตรการหนึ่งสองสามสี่ต่อไป”นายมานพ กล่าว
สส.พรรคประชาชนกล่าวว่า จริงๆแล้วฝ่ายความมั่นคงมีช่องทางสื่อสารกับกองกำลังชาติพันธุ์ ซึ่งหากดำเนินการก็สามารถทำได้ ยิ่งขณะนี้เริ่มต้นเข้าฤดูฝนทำให้ประชาชนต้องลุ้นระทึกว่าจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเหมือนเมื่อปีที่แล้วหรือไม่ และจะพาตะกอนดินมาอีกเท่าไร แถมเป็นดินโคลนที่มีสารพิษปนเปื้อนด้วย
“ในเมื่อรัฐบาลไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีกับรัฐบาลจีน ทำไมไม่ยกหูคุยกับเขาว่าการทำเหมืองที่ต้นแม่น้ำกกและแม่น้ำสายซึ่งเป็นการลงทุนจากคนจีนสร้างผลกระทบให้กับเรา ขนาดกรณีคอลเซ็นเตอร์เรายังยอมให้จีนเข้ามาดำเนินการได้ แม้แต่การประสานงานกับกองกำลังว้าก็เกิดขึ้นได้ หากไม่ต้องการให้เกิดการปะทะกัน”นายมานพ กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ไทยเบฟ'หนุนช้างศึกชิงเจ้าอาเซียน เปิด'อะคาเดมี่'เป็นสนามซ้อม ตั้งเป้าคว้าทองซีเกมส์2025
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ “ไทยเบฟ” ผู้สนับสนุนหลักวงการฟุตบอลไทยมากว่า 25 ปี มุ่งมั่นสร้างรากฐานความยั่งยืนของกีฬาในทุกมิติ ตั้งแต่ระดับเยาวชน ผ่านโครงการต่างๆ พร้อมถ่ายทอดแนวคิด Sportsmanship เพราะ มากกว่ากีฬา คือ น้ำใจนักกีฬา พร้อมส่งทัพช้างศึกฟุตบอลทีมชาติไทยชุด U-23 และสนับสนุนสนามซ้อม “ไทยเบฟ ฟุตบอล อะคาเดมี่” ตั้งเป้าทวงบัลลังก์แชมป์ในการแข่งขันมหกรรมกีฬา “ซีเกมส์” ครั้งที่ 33 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดย “ไทยเบฟ” ร่วมผลักดันและพัฒนาวงการกีฬาของไทยบนเวทีนานาชาติ ในฐานะ Official Bronze Sponsor
เปิดผลตรวจ 'สารหนู' ในแม่น้ำสาย-รวก-โขง เกินมาตรฐานทุกจุดตรวจวัด
ผลตรวจเดือน พย.พบสารหนูเกินมาตรฐานในแม่น้ำสาย-รวก-โขงทุกจุดตรวจวัด ขณะที่แม่น้ำกกหนักอยู่ที่ ต.ท่าตอนส่วนจุดอื่นเบาบางลง นักวิชาการชี้รัฐยังเฉื่อยไร้แผนตรวจในคน-พืช-สัตว์ แนะเร่งสังเคราะห์ข้อมูลใช้ขับเคลื่อนเวทีระหว่างประเทศ
ชุมชนริมกก โอดสูญเสียพื้นที่ทำกิน เศรษฐกิจชุมชนพังพินาศ จากเหตุสารพิษปนเปื้อนแม่น้ำ
ชุมชนริมกกโอดสูญเสียพื้นที่ทำกิน เศรษฐกิจชุมชนพังพินาศ ขาดแคลนน้ำสะอาด หนี้สินท่วมท้นจากเหตุสารโลหะหนักปนเปื้อนแม่น้ำ ชาวบ้านต้องยอมกินปลาในแม่น้ำพิษ
อมตะจับมือ Day Oneขยายดาต้าเซ็นเตอร์ดันไทยสู่ ‘ฮับดิจิทัลอาเซียน’
อมตะ ประกาศความร่วมมือทางยุทธศาสตร์กับ Day One Data Centers จากสิงคโปร์ ทุ่มงบ 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขยายฐานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลสเกลใหญ่ในนิคมฯ อมตะซิตี้ ชลบุรี โดยตั้งเป้ากำลังไฟฟ้ารวมทะลุ 1 กิกะวัตต์ รองรับดีมานด์จาก Cloud และ AI ในอนาคต หนุนไทยสู่ ฮับดิจิทัลอาเซียน
กรมทรัพยากรน้ำสรุปผลรับฟังความคิดเห็นประชาชน ปัญหาแม่น้ำกก “สุชาติ” ย้ำรัฐบาลยึดเสียงประชาชนเป็นศูนย์กลาง ยุติแนวคิดสร้างฝายดักตะกอนเด็ดขาด
นายธีระชุณ บุญสิทธิ์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ เปิดเผยผลการประชุมรับฟังความคิดเห็นประชาชนในพื้นที่อำเภอท่าตอน จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในแม่น้ำกก โดยมี นางสลีลญา คำภาแก้ว


