กลุ่มประชาชนคนไทย เตือน 'สงครามตัวแทน' จี้นายกฯชี้แจงสหรัฐตีกินเป็นพันธมิตรทางทหาร

กลุ่มประชาชนคนไทย เตือน สงครามตัวแทน ในวิกฤติตึงเครียด ยูเครน-รัสเซีย ซัดอเมริกาตีกินอ้างไทยคือ กองกำลังหนึ่งเป็นพันธมิตรทางทหาร ข้องใจทำไมนายกฯไม่ชี้แจงตอบโต้

23 ก.พ.2565 - นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย (ปท.) โพสต์ข้อความเรื่อง สงครามตัวแทน มีเนื้อหาดังนี้

ในสภาวะวิกฤติความตรึงเครียด ยูเครน รัสเซีย โดยมีอเมริกาเป็นตัวละครสำคัญ ในการชักใยยูเครน ให้ชนกับรัสเซีย
สภาวะข่มด้วยกำลังทหารจึงเกิดขึ้นก่อนการใช้กำลังอาวุธ
ประเด็น สงครามตัวแทนน่าสนใจมาก อเมริกา มักใช้หรือชักใยประเทศอื่นๆให้เป็นพรรคพวก หรือเป็นตัวแทนในการสร้างสงครามมาแต่ไหนแต่ไร
ก็เฝ้าจับตาดู สงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้นด้วยอาวุธหรือไม่
มาดูที่อาเซียนเราบ้าง
วิกฤติที่พม่า ก็ดูเหมือนจะเป็นเช่นยูเครน ฝั่งหนึ่งจีนก็หนุน อีกฝั่งก็อเมริกาสนับสนุน
ประเด็นน่าสนใจตรงที่ ประเทศไทยนี่ละครับ ไทยจะยืนบนหลักอะไร
เพราะ ทำเนียบขาวเล่นประกาศว่า ไทย คือพันธมิตรทางการทหารในภูมิภาคนี้
ความหมายคือ อเมริกาเล่นประกาศว่าไทยคือ กองกำลังหนึ่ง เป็นพันธมิตรทางทหารที่สนับสนุนอเมริกา
อเมริกาตีกินประเทศไทยหรือไม่
ทำไม นายกฯไม่ชี้แจงหรือตอบโต้ ประเด็นนี้ ในเมื่อทำเนียบขาวเล่นบทเคลมประเทศไทยขนาดนี้
สนธิสัญญาที่ลงนามกับอเมริกา สามารถเปิดเผย ชี้แจงให้ประชาชนทราบได้หรือไม่ครับ
หรือเราเป็นตัวแทนแห่งสงครามในภูมิภาคอเมริกาไปโดยปริยายแล้ว

ท้งนี้เมื่อวันที่ ๒๒ ก.พ. ที่ผ่านมา กลุ่มประชาชนคนไทย นำโดยนายนิติธร ล้ำเหลือและนายพิชิต ไชยมงคล ได้ยื่นจดหมายเปิดผนึก ถึงนายโจเซฟ อาร์.ไบเดน จูเนียร์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ผ่านสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำราชอาณาจักรไทย โดยระบุว่า

สัมพันธไมตรีระหว่างประเทศไทยและสหรัฐอเมริกานั้นมีความแข็งแกร่ง ต่อเนื่องยาวนานและแน่นแฟ้นตลอดระยะเวลามากกว่า ๒ ศตวรรษ ทั้งสองประเทศมีความสัมพันธ์กันหลากหลายมิติทั้งในด้านการเมือง เศรษฐกิจ และการทหาร โดยเฉพาะหากความร่วมมือกันจะนำไปสู่เป้าหมายที่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านความมั่นคง สันติภาพ ตลอดจนความเจริญรุ่งเรืองในภูมิภาคไปจนถึงทั่วโลก

ต่อมาเมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำเนียบประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา (White House) มีการเผยแพร่รายงาน “ยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก ของสหรัฐอเมริกา” (INDO-PACIFIC STRATEGY OF THE UNITED STATES) จัดทำโดยกระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา โดยระบุถึงประเทศไทยว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ในฐานะพันธมิตรของสหรัฐฯ ซึ่งอยู่ ณ จุดศูนย์กลางอาเซียน

รายงานฉบับนี้ยังระบุว่า ภูมิภาคเอเชียจะมีความมั่นคง ต้องหมายถึงว่า จีนต้องไม่มีบทบาท และสหรัฐอเมริกาต้องเป็นผู้นำแห่งเอเชียแปซิฟิก สหรัฐฯ จึงจะเกิดความมั่นคง รวมทั้งยังระบุว่า ไทยเป็น ๑ ใน ๕ ประเทศพันธมิตรใกล้ชิดของสหรัฐฯ ด้วยสนธิสัญญาที่แข็งแกร่ง อันประกอบด้วย ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย

โดยก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๖๒ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไทยยังร่วมลงนามกับนายมาร์ค เอสเปอร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกา ในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ร่วม (Joint Statement) ระหว่าง ไทย - สหรัฐอเมริกา ค.ศ. ๒๐๒๐ ว่าด้วยการยกระดับความเป็นพันธมิตรและความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ด้านการป้องกันประเทศเพื่อร่วมต่อต้านศัตรู

ทั้งเมื่อวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๖๓ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังเปิดทำเนียบรัฐบาลรับการมาเยือนของพล.อ.เจมส์ ซี.แมคคอนวิลล์ ประธานเสนาธิการกองทัพบก สหรัฐอเมริกา ซึ่งมาร่วมลงนามในแถลงการณ์วิสัยทัศน์ด้านยุทธศาสตร์ (Strategic Vision Statement) ระหว่างกองทัพบกทั้งสองประเทศ

จนกระทั่งทำเนียบขาวนำชื่อประเทศไทยไปใส่ไว้ในรายงานยุทธศาสตร์อินโด-แปซิฟิก อย่างเป็นทางการว่า เป็นพันธมิตรใกล้ชิดที่มีสนธิสัญญาผูกพันกัน

ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้นกลุ่มประชาชนคนไทย จึงมีข้อห่วงกังวลว่า จะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนจากนานามิตรประเทศว่า ประเทศไทยจะไม่รักษาดุลยภาพของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ หากเกิดความขัดแย้งและการขัดแย้งขยายตัวไปสู่ความรุนแรงจนอาจใช้กองกำลังทหารพร้อมอาวุธภายในภูมิภาคนี้

กลุ่มประชาชนคนไทย จึงขอเรียนมายังท่าน เพื่อส่งผ่านความปรารถนาดี และสื่อสารข้อเท็จจริงมายังรัฐบาลและประชาชนของสหรัฐอเมริกาว่า

๑. การอ้างสนธิสัญญา ข้อตกลง แถลงการณ์ร่วม เพื่อนำไปสู่บทสรุปแต่เพียงฝ่ายเดียวว่า ประเทศไทยจะเป็นพันธมิตรร่วมรบ หรือเลือกอยู่ข้างสหรัฐฯ ในการต่อต้าน “ศัตรู” ย่อมไม่ถือเป็นมารยาททางการทูตที่ดีต่อมิตรประเทศ เนื่องจากเป็นเป้าหมายยุทธศาสตร์ของสหรัฐฯ แต่เพียงฝ่ายเดียว พฤติกรรมดังกล่าวในทางยุทธศาสตร์ ยุทธวิธี จึงเป็นการสร้างภาพให้ประเทศไทยตกอยู่ในฐานะเป็นศัตรูของนานาประเทศที่เป็นคู่พิพาทของสหรัฐอเมริกาโดยปริยาย

๒. กลุ่มประชาชนคนไทย ไม่ยอมรับการนำข้อตกลงต่างๆ มาสร้างบทสรุปแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะการกระทำดังกล่าวแม้จะอ้างความสัมพันธ์ตามสนธิสัญญา แต่หากต้องยึดถือความเสมอภาค เท่าเทียม ไม่ใช่ลักษณะบังคับ กดดัน สร้างอันตรายให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ดังนั้น สหรัฐฯ จึงไม่ควรกระทำการดังกล่าวซ้ำอีก

๓. ขณะนี้สหรัฐฯ พยายามสร้างสถานการณ์ซับซ้อนหลากรูปแบบหลายวิธีการ โดยเฉพาะการบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร เพื่อก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ความขัดแย้งระหว่างประเทศ อันจะนำไปสู่การเผชิญหน้ากันด้วยความรุนแรงโดยใช้ตัวแทน ภายใต้การกดดันด้วยการคว่ำบาตร การสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ กองกำลังทหาร บนพื้นฐานที่ประเทศต่างๆ และประชาคมโลกเป็นผู้จ่ายต้นทุน สูญเสียทรัพยากร และแบกรับความเสียหายแทนสหรัฐฯ กลุ่มประชาชนคนไทย จึงมีความห่วงกังวลต่อพฤติกรรมของสหรัฐฯ อันจะมีผลในทางไม่พึงประสงค์ต่อมิตรภาพ ความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างไทยและมิตรประเทศอื่นๆ

๔. กลุ่มประชาชนคนไทย จะใช้กลไกต่างๆ เพื่อติดตามตรวจสอบสนธิสัญญา และแถลงการณ์ต่างๆ ที่รัฐบาลไทยไปลงนาม และมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์อันดีกับมิตรประเทศ โดยที่ประชาชนไม่ทราบในรายละเอียดและข้อเท็จจริงต่อไป

๕. การดำเนินการใดที่รัฐบาลซึ่งนำโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กระทำไปแล้ว โดยอาจก่อให้เกิดข้อสงสัยในความสัมพันธ์อันดีงามของประเทศไทยกับมิตรประเทศอื่นๆ อันเสมือนหนึ่งเป็นการเลือกข้างนั้น จักเป็นการกระทำโดยไม่ได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนชาวไทย และประชาชนชาวไทยจะร่วมคัดค้านอย่างถึงที่สุด

กลุ่มประชาชนคนไทย จึงเรียนมา เพื่อขอยืนยันว่า ประชาชนไทยยังคงความเป็นมิตรกับอเมริกา อันถือเป็นความสัมพันธ์ต่อเนื่องยาวนานกว่า ๒๐๐ ปี บนพื้นฐานความร่วมมือในหลากหลายมิติ เพื่อพัฒนาความมั่นคง ความเจริญของประเทศ และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน โดยต่างยึดถือหลักคุณธรรม เคารพยอมรับความมีอธิปไตยให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างจริงใจ

ประชาชนชาวไทยยึดมั่นในนโยบายต่างประเทศอย่างสันติที่เป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง และพร้อมเป็นพันธมิตรกับทุกประเทศโดยเคารพยอมรับอธิปไตยให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างเท่าเทียม ยึดมั่นในเส้นทางของการพัฒนาอย่างสันติ ภายใต้แนวคิดการสร้างผลประโยชน์ร่วมกัน ยึดมั่นในความยุติธรรมและความเป็นธรรม ยืนหยัดต่อความถูกต้อง เพื่อความก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของมนุษยชาติ

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันที่ ๒๑ ก.พ. ที่ผ่าน บริเวณด้านหน้าสถานเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย ได้เข้ายื่นหนังสือต่อสถานเอกอัครราชฑูตสาธารณรัฐประชาชนจีน เกี่ยวกับเรื่องจุดยืนและข้อพิจารณาต่อสถานการณ์ในภูมิภาคและความสัมพันธ์ไทย-จีน รวม ๔ ข้อ

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ชัย' สบช่อง! อวยผลสำเร็จรัฐบาลทำไทยรั้งอันดับ 2 ประเทศกำลังพัฒนาที่น่าลงทุน

โฆษกรัฐบาล เผยไทยอันดับ 2 กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียที่น่าลงทุนที่สุดจากสถาบัน Milken เชื่อมั่นผลการทำงานรัฐบาลเห็นผลสำเร็จเป็นรูปธรรม พร้อมผลักดันให้ไทยอยู่ในเรดาร์น่าลงทุนในโลก