'อดีตรองอธิการฯมธ.' ชำแหละ 6 ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ใครควรเข้าวิน

การชี้แจงของคุณชัชชาติ กรณีอนุมัติให้เปิดสายการบินเอกชนกว่า 40 สายในระยะเวลาเพียง 1 ปี ก็ไม่ดีพอที่จะขจัดข้อครหาให้หมดไปได้ และยังดูเหมือนจะเป็นการปัดความรับผิดชอบไปให้ผู้อื่น ซึ่งจะอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมการบินของประเทศตามมาในภายหลัง

17 พ.ค.2565- รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Harirak Sutabutr ว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คงจะเป็นเพราะไม่ได้มีการเลือกตั้งมานาน ปีนี้จึงมีความคึกคักเป็นพิเศษ มีผู้ลงรับสมัครเลือกตั้งมากเป็นพิเศษ การแข่งขันก็เข้มข้นเป็นพิเศษ มีการจัดดีเบตกันไม่เว้นแต่ละวัน การจัดแต่ละครั้งก็มีคนสนใจเข้าฟังมากมาย

ผมได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งมาแล้ว 2 ครั้ง ระหว่างนี้ก็มีผู้ที่รู้จักใกล้ชิดถามกันมามากว่า ควรจะเลือกใครดี จะเลือกแบบ strategic vote ดี หรือจะเลือกตามที่ใจอยากจะเลือกดี และสุดท้ายก็จะถามว่า ผมจะเลือกใคร

ผมคงไม่สามารถบอกได้ว่าผมจะเลือกใคร แต่ที่ทำได้ขณะนี้คือ แสดงทัศนะว่าผมมองผู้สมัครแต่ละคนอย่างไร แทนที่จะมองที่นโยบายของแต่ละคน ซึ่งความจริงควรจะเรียกว่า สิ่งที่สัญญาว่าจะทำมากกว่า เพราะสิ่งเหล่านี้ทุกคนได้ฟังกันหมดแล้ว และการแถลงนโยบายนั้น จะพูดอะไรอย่างไรก็ได้ แต่เวลาต้องทำจริง จะทำได้หรือไม่ขึ้นอยู่ว่า ผู้แถลงมีความจริงใจ และมุ่งมั่นตั้งใจแค่ไหน ดังนั้นการพยายามมองที่ตัวตนของผู้สมัคร น่าจะทำให้เราตัดสินใจได้ดีกว่า ดังนั้นจึงขอเล่าว่า ผมมองผู้สมัครแต่ละคนอย่างไร และขอพูดถึงผู้สมัครเพียง 6 คนดังนี้ครับ

รองศาสตราจารย์ ดร.ชัชชาติ สิทธิพันธ์

จุดเด่นของคุณชัชชาติ อยู่ที่การศึกษา เพราะเป็นเป็นผู้มีประวัติการเรียนดีเด่นมาตั้งแต่เด็ก จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย และมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก เป็นนักวิชาการที่มีความคิดที่เฉียบคม และดูเหมือนจะเป็นผู้ที่ติดตามหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เสมอ

อย่างไรก็ดี เรายังไม่เคยเห็นผลงานที่โดดเด่นเมื่อได้เป็นรัฐมนตรีช่วย และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังแต่อย่างใด มีแต่สิ่งที่หลายคนเห็นว่าเป็นการสร้างภาพ เช่น การหิ้วถุงแกง และการนั่งรถเมล์มาทำงานเมื่อเป็นรัฐมนตรี รวมทั้งสมญานามที่ไม่ทราบใครตั้งให้ว่า เป็นรัฐมนตรีที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี

การชี้แจงของคุณชัชชาติ กรณีอนุมัติให้เปิดสายการบินเอกชนกว่า 40 สายในระยะเวลาเพียง 1 ปี ก็ไม่ดีพอที่จะขจัดข้อครหาให้หมดไปได้ และยังดูเหมือนจะเป็นการปัดความรับผิดชอบไปให้ผู้อื่น ซึ่งจะอย่างไรก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นั่นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาใหญ่หลวงต่ออุตสาหกรรมการบินของประเทศตามมาในภายหลัง

เรื่องการเป็นผู้สมัครอิสระจริงหรือไม่ ไม่ว่าจะยืนยันอย่างไร ฝ่ายที่ไม่เอาคุณทักษิณก็ยังไม่วางใจ และก็ดูเหมือนว่า ต่อให้คุณชัชชาติ ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับพรรคเพื่อไทยจริง พรรคเพื่อไทยก็คงอยากจะยุ่งเกี่ยวด้วยอยู่ดี อนุมานได้จากที่พรรคเพื่อไทยส่งผู้สมัครเป็น สก ครบทุกเขต และคุณชัชชาติเองก็ยอมรับว่ายังให้ความเคารพคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์เหมือนเดิม แม้คุณชัชชาติจะเคยบอกผู้ใกล้ชิดว่า ที่ยอมรับตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ ก็เพราะคุณทักษิณเป็นคนเดียวที่ให้โอกาส แต่ก็มีคำถามจากฝ่ายที่ไม่เอาคุณทักษิณ 2 คำถามคือ

  1. ทั้งที่รู้ว่า คุณทักษิณ มีคดีทุจริตอย่างมโหฬาร และคุณยิ่งลักษณ์เป็นเพียงนอมินีของคุณทักษิณ และพรรคเพื่อไทยก็มีสภาพเป็นเหมือนบริษัทส่วนต้วของครอบครัวชินวัตร คุณชัชชาติ ก็ยังคงยังยินดีรับตำแหน่งหรือ
  2. เมื่อมีความพยายามผ่านพรบ.นิรโทษกรรมเหมาเข่ง มีผู้ออกมาคัดค้านหลายล้านคน คุณชัชชาติก็ยังยอมรับได้โดยไม่มีปฏิกิริยาใดๆเลยหรือ

นอกจากนี้การที่มีการแชร์รูปที่ คุณชัชชาติ ยืนชู 3 นิ้วอยู่กับกลุ่มคนที่มีความคิดที่ไม่ต้องการสถาบันพระมหากษัตริย์ หมายความว่า คุณชัชชาติ ก็มีแนวคิดโน้มเอียงไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่

สุดท้ายที่มีบางคนกังวล แต่คนส่วนใหญ่คิดไม่ถึง ก็คือการที่คุณชัชชาติไปทำงานให้กลุ่มทุนอสังหาริมพรัพย์ขนาดใหญ่หลังพ้นตำแหน่งรัฐมนตรี ความผูกพันกับกลุ่มทุนดังกล่าวยังมีหรือไม่ และหากได้เป็นผู้ว่า จะมีการเอื้อประโยชน์หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่

ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์

คุณสุชัชวีร์ มีจุดเด่นเรื่องพื้นฐานการศึกษาไม่แพ้คุณชัชชาติ จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเช่นกัน ทั้งยังประสบความสำเร็จในวงวิชาการ ได้เป็นอธิการบดีของมหาวิยาลัยชั้นนำของประเทศ และยังเคยเป็นประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทยหรือ ทปอ และเป็นนายกสภาวิศวกร ทั้งยังเป็นผู้มีกิจกรรมให้ความรู้ที่น่าสนใจแก่ประชาชนผ่าน social media อย่างต่อเนื่อง

ครั้นเมื่อถึงวันประกาศตัวลงสมัครรับเลือกตั้ง การปราศรัยของดร.สุชัชวีร์ ทำให้คนที่กำลังให้ความสนใจรู้สึกผิดหวัง ด้วยเห็นว่า หากเป็นคนเก่งจริงดีจริง ไม่น่าจะคุยโอ้อวดตัวเองเช่นนี้ น่าจะปล่อยให้คนอื่นพูดถึงตัวเองมากกว่า หลังจากนั้นก็มีคนไปขุดคุ้ยเกือบจะทุกเรื่องที่เกี่ยวกับคุณสุชัชวีร์ บางเรื่องที่มีการขุดคุ้ยก็ยังอึมครึมไม่ชัดเจน คนส่วนใหญ่จึงมองตัวตนที่แท้จริงของคุณสุชัชวีร์ไม่ออก ทำให้หลายคนแม้มีความเอนเอียงที่จะเลือกแต่ก็ยังทำใจไม่ได้ที่จะเลือกคุณสุชัชวีร์

พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง

คุณอัศวิน มีประสบการณ์การทำงานในฐานะรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และในฐานะผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่มาจากการแต่งตั้งนานรวมกันร่วม 8 ปี ผลงานที่โดดเด่นคือสามารถปรับปรุงและสร้างทัศนียภาพคลองโอ่งอ่าง คลองลาดพร้าว และสร้างสวนสาธารณะตามแนวทางของรัฐบาลคสช ซึ่งต้องยอมรับว่าไม่ใช่งานง่าย เพราะต้องมีการย้ายร้านค้าที่ตั้งปิดคลองโอ่งอ่าง ที่เรียกว่าสะพานเหล็ก ไปไว้ที่อาคารเก่าแต่ปรับปรุงใหม่เรียกว่า เมกกะพลาซ่า และปรับปรุงสองฝั่งของคลองลาดพร้าว ซึ่งต้องโยกย้ายบ้านเรือนที่ล้ำเข้ามาในลำคลองเป็นจำนวนมาก ซึ่งพล.ต.อ.อัศวินก็ทำได้สำเร็จ

จุดอ่อนของพล.ต.อ.อัศวินคือ อายุมากและอยู่ในตำแหน่งนานเกินไป ทำให้คนอาจอยากเห็นคนใหม่ๆมาทำงานมากกว่า ซึ่งในครั้งนี้มีคนที่มีขีดความสามารถสูงให้เลือกหลายคน

อีกประการคือ หลายคนข้องใจว่า การที่พล.ต.อ.อัศวิน ส่งผู้สมัคร สก. ครบทุกเขต มีนายทุนอยู่เบื้องหลังหรือไม่ หรือใช้เงินตัวเอง หากใช้เงินตัวเอง เป็นเงินที่ได้จากการทำงานในกทม.หรือไม่ ซึ่งความจริงพล.ต.อ.อัศวิน ก็ได้ตอบคำถามนี้แล้วในคลิปที่เผยแพร่อยู่ใน social media แต่คำตอบค่อนข้างคลุมเครือ ไม่สามารถทำให้ผู้ฟังหมดข้อสงสัยได้

นอกจากนี้ยังมีคำถามว่า พล.ต.อ.อัศวิน เป็นผู้สมัครอิสระจริงหรือไม่ มีพรรคพลังประชารัฐสนับสนุนอยู่หรือไม่ มีความเกี่ยวโยงแนบแน่นกับกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อย่างที่ลือกันหรือไม่ คำตอบของคำถามเหล่านี้ของพล.ต.อ.อัศวิน ยังไม่สามารถทำให้ผู้ที่มีแนวโน้มที่จะลงคะแนนให้ปราศจากความคลางแคลงใจได้

ดร.วิโรจน์ ลักขณาอดิศร

คุณวิโรจน์เป็นผู้สมัครที่มีพื้นฐานการศึกษาดี จบปริญญาตรี โท และเอกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ จุดเด่นของคุณวิโรจน์คือเป็นคนมีความรู้ ดูจากภายนอกเป็นคนกล้าชนกล้าพูดแบบไม่เกรงใจคนฟัง แต่ในขณะเดียวกันก็มีความก้าวร้าว ชวนทะเลาะตลอดเวลา เวลาตอบคำถามทั้งจากสื่อมวลชน ทั้งในการดีเบท คุณวิโรจน์จะพูดโจมตีคนอื่นที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามในประเด็นเดียวกันอย่างรุนแรงก่อนแล้วจึงแสดงทัศนะของตัวเอง

ลักษณะและพฤติกรรมของคุณวิโรจน์ ถือได้ว่ามีดีเอ็นเอซึ่งเป็นต้นแบบของกลุ่ม 3 นิ้วอย่างไม่ผิดเพี้ยน ไม่ว่าจะทำอะไร พูดอะไร ก็เป็นที่ถูกอกถูกใจและสะใจของชาว 3 นิ้วอย่างยิ่ง ดังนั้นคุณวิโรจน์จึงไม่สนใจว่าฝ่ายที่ไม่เอา 3 นิ้วจะรู้สึกอย่างไร เพราะมั่นใจว่าจะได้คะแนนเสียงจากกลุ่มตัวเองอย่างท่วมท้น ซึ่งแน่นอนว่า หากคุณวิโรจน์ไม่ลงสมัครรับเลือกตั้ง คุณชัชชาติจะได้คะแนนส่วนนี้ไปเกือบทั้งหมด

คุณวิโรจน์เคยทำงานกับเอกชนมาก่อนเล่นการเมือง ดูจากวิกิพีเดียเห็นว่าเคยทำงานในด้านการบริหารคุณภาพมาก่อน หากได้เป็นผู้ว่า ก็หวังว่าจะได้นำความรู้และประสบการณ์ในด้านนี้มาใช้กับ

กทม แต่ก็หวังว่าจะไม่นำเอาพฤติกรรมก้าวร้าว และบุคลิกชวนทะเลาะในเวทีการเมืองมาใช้กับการบริหารกทมด้วย มิฉะนั้นกทม คงจะปั่นป่วนวุ่นวายจนไม่สามารถทำงานอะไรให้สำเร็จได้

คุณสกลธี ภัททิยกุล

คุณสกลธีมีพื้นฐานการศึกษาดี จบปริญญาตรีจากมหาวิยาลัยชั้นนำของประเทศ และจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา มีประสบการณ์ทำงานในหน่วยงานของรัฐและในพรรคการเมือง เป็นกำลังสำคัญคนหนึ่งในการประท้วงของกลุ่ม กปปส และที่สำคัญคือมีโอกาสทำงานในตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในช่วงที่คุณอัศวินเป็นผู้ว่าอยู่หลายปี จึงน่าจะเป็นผู้ที่เข้าใจในระบบงาน และรู้ปัญหาของกทม เป็นอย่างดี คุณสกลธีเป็นคนหนุ่ม ที่มีบุคลิกที่ตรงข้ามกับคุณวิโรจน์ คือสงบเสงี่ยม เก็บอารมณ์ และไม่ชวนทะเลาะ กับใคร และดูมีความมุ่งมั่นจริงจังที่จะเข้าไปทำงานในตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อผลโพลปรากฎว่ามีคะแนนรั้งท้ายแบบไม่เห็นฝุ่นผู้นำ ก็ไม่ได้แสดงความย่อท้อ ยังคงก้มหน้าก้มตาหาเสียงต่อไป จนในที่สุดก็เริ่มมีคะแนนตีตื้นขึ้นมาบ้าง และดูเหมือนจะมีคนหันมาสนับสนุนคุณสกลธีมากขึ้น

การทำงานในตำแหน่งรองผู้ว่า ของคุณสกลธี ได้เห็นจากสื่อต่างๆว่าค่อนข้างขยันลงพื้นที่ ผลงานที่น่าจะโดดเด่นก็คือ การตรวจจับปรับผู้ที่ขี่มอเตอร์ไซด์บนทางเท้า ซึ่งจับปรับผู้ฝ่าฝืนได้มากเป็นประวัติการณ์ แต่ในระยะหลังรู้สึกจะแผ่วลง แต่ก็นั่นแหละการเป็นรองผู้ว่าไม่เหมือนกับเป็นผู้ว่าเอง ไม่อาจทำอะไรเองโดยไม่ได้รับมอบหมาย เป็นที่น่าสังเกตว่าคุณสกลธีน่าจะมีความขัดแย้งกับคุณอัศวินอยู่บ้างไม่มากก็น้อย มิฉะนั้นก็คงไม่ลงสมัครแข่งกับอดีตผู้บังคับบัญชาของตัวเอง

คุณสกลธีน่าจะเป็นผู้สมัครอิสระอย่างแท้จริง แม้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ จะประกาศสนับสนุนคุณสกลธี แต่พรรครวมพลังประชาชาติไทย มีฐานคะแนนเสียงในกทมน้อยมาก และก็คงไม่สามารถให้การสนับสนุนในด้านการเงินได้

คุณรสนา โตสิตระกูล

คุณรสนา จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของประเทศไทย เป็นผู้ที่ทั้งชีวิตคร่ำหวอดกับการรณรงค์เพื่อส่วนรวมมากมายหลายเรื่อง มีชื่อเสียงที่สุดเมื่อครั้งที่ยื่นศาลปกครองทำให้ความพยายามแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตของรัฐบาลคุณทักษิณ ชินวัตร ที่เตรียมออกหุ้นขายกันอยู่แล้วไม่เป็นผลสำเร็จ วีรกรรมครั้งนี้ส่งผลให้คุณรสนาได้รับเลือกตั้งเป็นวุฒิสมาชิกของกทม ด้วยคะแนนสูงสุด

ในระยะหลัง คุณรสนาหันมาจับเรื่องพลังงาน โดยอยู่ในกลุ่มคนที่เชื่อ และเผยแพร่ความเชื่อว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีแหล่งพลังงานในปริมาณที่ไม่น้อยไปกว่าประเทศในตะวันออกกลาง แต่กลับมีการนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ซึ่งข้อมูลของคุณรสนาและพวกขัดแย้งกับข้อมูลของกระทรวงพลังงานอย่างมาก ภายหลังดูเหมือนจะเพลาการเคลื่อนไหวในประเด็นนี้ไปแล้ว แต่หันมาผลักดันให้ราคาพลังงานถูกลง และผลักดันให้เลิกใช้ราคาน้ำมันหน้าโรงกลั่นของประเทศสิงคโปร์เป็นฐานการคำนวณราคาน้ำมันในประเทศไทย

คุณรสนาก็เป็นอีกคนที่เป็นผู้สมัครอิสระอย่างแท้จริง เพราะไม่มีพรรคการเมืองใดให้การสนับสนุน จะมีก็แต่พลตรี จำลอง ศรีเมือง ที่ประกาศสนับสนุนคุณรสนา และเช่นเดียวกับคุณสกลธี ในระยะแรกๆดูเหมือนว่า คุณรสนา เป็นม้านอกสายตาที่ไม่มีโอกาสชนะการเลือกตั้ง เพราะปัจจุบันคุณรสนาผ่านช่วงเวลาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดมาแล้ว จึงไม่ค่อยเป็นที่รู้จักของคนรุ่นใหม่ แต่ในระยะหลังคะแนนนิยมเริ่มดีขึ้น เห็นได้จากการที่มีผู้พูดถึงมากขึ้น และในการจัดดีเบตระยะหลังๆ คุณรสนาก็จะได้รับเชิญให้เข้าร่วมด้วยเกือบทุกครั้ง

ทั้งหมดนี่เป็นทัศนะส่วนตัวนะครับ ใครจะลงคะแนนกับแบบไหน แบบเชิงยุทธศาสตร์ หรือแบบเลือกคนที่ชอบ เราไปบังคับกันไม่ได้ บางครั้งการลงคะแนนให้กับคนที่เราไม่ชอบและไม่แน่ใจว่าเหมาะสม เพื่อกันไม่ให้คนที่เราเชื่อว่าไม่เหมาะสมยิ่งกว่าได้รับเลือกตั้ง ก็เป็นความขมขื่นอย่างหนึ่ง ดังนั้นใครใคร่เลือกคนไหน จะทำให้เสียงแตกหรือเสียงไม่แตก ก็เชิญตามอัธยาศัย คิดเสียว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิดดีกว่าครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘วิโรจน์’ หนุน ‘สุทิน’ แก้กฎหมายกลาโหม สกัดรัฐประหาร ลั่นต้องทำให้ถึงแก่น

‘วิโรจน์’ เห็นด้วยในหลักการ หลัง ‘สุทิน‘ เสนอแก้ ’กฎหมายกลาโหม‘ สกัดรัฐประหาร แต่ต้องแก้ให้ถึงแก่น ไม่ใช่แค่ผิว ชี้ เป้าหมายสูงสุด คือทำให้กองทัพไม่อยู่ในฐานะรัฐอิสระ แนะ ควรปรับสัดส่วน ‘สภากลาโหม’ ให้เหลือแค่ 11 คน-มีทหารไม่เกินกึ่งหนึ่ง

'จุลพันธ์' เมินก้าวไกลฟาดเพื่อไทยปัดฝุ่นโครงการยุคลุงตู่ ชี้มุ่งเน้นประชาชนได้ประโยชน์มากกว่า

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะกำกับดูแลกรมธนารักษ์ กล่าวชี้แจงในโครงการหนองวัวซอโมเดล จังหวัดอุดรธานี ถึงข้อกังวลของนายวิโรจน์ ลักขณาดิศร

'วิโรจน์' อัดรัฐบาลเพื่อไทยไม่ทำอะไรใหม่ ปฏิรูปกองทัพตบตาประชาชน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายว่า ตามคำแถลงนโยบายด้านกองทัพของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง

'เศรษฐา' สวนฝ่ายค้านอภิปรายกองทัพแต่เรื่องเดิม กดดันให้ซื้อเรือฟริเกต สงสัยอาจมีเงินทอน

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการอภิปรายของฝ่ายค้านในเรื่องของกองทัพว่า ผิดหวังนิดหน่อย เพราะมีแต่เรื่องเดิมๆ ที่เป็นน้ำ และขอยืนยันว่า กองทัพมีไว้เพื่อความมั่นคงของประเทศ