ธนาธรและคณะส่อแห้ว 'สว.เลิศรัตน์' ชิงชำแหละกระจายอำนาจฉบับสุดโต่งไกลสุดกู่

29 พ.ย.2565 - พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช สมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครองท้องถิ่น วุฒิสภา กล่าวถึงการประชุมรัฐสภา ที่มีวาระพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ. .... เพื่อแก้ไขหมวดว่าด้วยการปกครองส่วนท้องถิ่น และการกระจายอำนาจ ซึ่ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า และประชาชน 76,591 คน ร่วมเสนอ ว่า ในเนื้อหาและสาระของการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญในประเด็นดังกล่าวมีหลักการที่รับได้ ทั้งการกระจายอำนาจ งบประมาณ แต่ตนกังวลว่าบทบัญญัติที่เสนอแก้ไขนั้นจะยากต่อการปฏิบัติ เพราะกำหนดรายละเอียดและเขียนเนื้อหาที่มีลักษณะสุดโต่ง และสุดกู่

พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวด้วยว่า ตนมองว่าจะมีประเด็นที่รัฐสภาต้องอภิปรายเป็นข้อถกเถียงใหญ่ 2 ประเด็น คือ งบประมาณ ตามร่างแก้ไขกำหนดให้จัดสรรงบให้ท้องถิ่น 50% จากรายได้สุทธิของรัฐ หากพิจารณางบประมาณประจำปีที่มี 2.5 ล้านล้านบาท เท่ากับต้องจัดสรรให้ท้องถิ่น 1.25 ล้านล้านบาท ซึ่งปัจจุบันท้องถิ่นได้รับงบประมาณ 29% หรือ 7 แสนล้านบาท ดังนั้นการเพิ่มงบประมาณอีกเท่าตัว จำเป็นต้องตัดเงินส่วนราชการ เช่น เงินเดือน และร่างแก้ไขกำหนดให้ทำภายใน 3 ปี ดังนั้น หากจะทำให้เป็นจริงได้ ต้องยุบราชการส่วนต่างๆ เพื่อนำงบประมาณให้กับท้องถิ่น

"ปัจจุบัน ท้องถิ่นได้งบประมาณและเงินอุดหนุน 29% หากจะต้องหาเงินมาอุดหนุนอีก 5แสนล้านต้องปฏิวัติกาปกครองรุนแรง ยุบกระทรวง ทบวง กรม หน่วยงานในต่างจังหวัด และอาจยุบผู้ว่าราชการจังหวัดด้วยหรือไม่ ทั้งนี้ หากจะแก้ไขเรื่องงบประมาณ ไม่จำเป็นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะมีกฎหมายว่าด้วยกำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่งกำหนดเป้าหมายการจัดสรรรายได้ให้ อปท.ที่กำหนดว่าไม่ไม่น้อยกว่า 25% และตั้งเป้าให้มีรายได้เพิ่ม 35%" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว

พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวด้วยว่า ประเด็นต่อมา คือ กรณีที่กำหนดให้ภายใน 2 ปี ต้องทำแผนยุบราชการภูมิภาคทั้งหมด และนำไปทำประชามติภายใน5ปี นับแต่วันที่รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขบังคับใช้ หากประชาชนเห็นด้วย จะทำให้เกิดการยุบราชการส่วนภูมิภาค ทั้ง สาธารณสุข คมนาคม พลังงาน ยกเว้น ความมั่นคง ความปลอดภัย งานต่างประเทศ ซึ่งแนวคิดการยุบราชการภูมิภาคทั้งหมด ในยุโรป ญี่ปุ่น อเมริกา ทำได้เพราะเป็นรัฐอิสระ มีอำนาจ มีความอิสระในงบประมาณ ทำให้ทุกท้องถิ่นมีอำนาจเหมือนรัฐบาลกลาง นอกจากนั้นคือการกำหนดให้แก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 5 - 6 ฉบับ ที่ให้รัฐสภาแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน ซึ่งถือเป็นเรื่องยากที่ปฏิบัติได้

"การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ทั้ง 7,850 แห่งได้ ต้องลดกำลังคน หน้าที่ของราชการที่ส่วนกลางและภูมิภาคลง ปัจจุบันข้าราชการมีทั้งหมด 3 ล้านคน ขณะที่ท้องถิ่นมีเพียง 3 แสนคน ดังนั้น หากจะให้ทำอย่างที่เสนอแก้ไขต้องลดกำลังข้าราชการส่วนกลาง ยุบราชการส่วนภูมิภาค ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีปัญหา เช่น การถ่ายโอน รพ.สต.ให้ท้องถิ่น แต่ไม่มีอัตรากำลังหมอ พยาบาลให้ เป็นต้น ดังนั้น เป็นเรื่องยากที่จะทำให้ท้องถิ่นเดินหน้าไปอย่างที่ควรจะเป็นและเขียนเนื้อหาสุดกู่เกินกว่าจะทำได้" พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าว

เมื่อถามว่า ประเมินว่า ส.ว.จะลงมติรับหลักการวาระแรกครบ 1 ใน 3 หรือไม่ พล.อ.เลิศรัตน์ กล่าวว่า การลงมติวาระแรก ต้องใช้เสียง ส.ว.เห็นชอบด้วย จำนวน 83 เสียง ส่วนตัวมองว่ายาก เพราะมีประเด็นที่ยากต่อการปฏิบัติ และรายละเอียดที่เสนอแก้ไข ไม่จำเป็นต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญในลักษณะที่เป็นรายละเอียด ทั้งนี้ ตนมองว่าข้อเสนอแก้ไขเป็นความคิดของคนกลุ่มหนึ่งที่อยากเห็นการกระจายอำนาจไปสู่จุดนั้น แต่ในทางปฏิบัติทำได้ยาก หากเขาได้เป็นรัฐบาลค่อยมาทำ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ยุบจนชิน! 'ธนาธร' ไม่สะเทือนปิดฉาก ก.ก. รอโกยคะแนนเห็นใจ ปิดปาก 'แม้ว' กลับเชียงใหม่

“ธนาธร’ ไม่หนักใจ ก้าวไกลถูกยุบพรรค ชี้ได้กระแสเห็นใจเพิ่มถึงความไม่เป็นธรรม ความไม่ถูกต้องที่ดำรงอยู่ในประเทศ ปิดปากทักษิณกลับเชียงใหม่

'กิตติศักดิ์' ขู่ยื่น ป.ป.ช. ฟัน นายกฯ-ครม. ยกคณะ หากเบี้ยวไม่แจงเวทีซักฟอก ไล่ 'เศรษฐา'กลับนอนบ้าน!

ที่รัฐสภา นายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สว. กล่าวถึงประเด็นที่จะอภิปรายทั่วไปรัฐบาลโดยไม่ลงมติตามมาตรา 153 ว่า จะอภิปรายในเรื่องที่ปร

‘ปิยบุตร’ ชำแหละพรรคก้าวไกล ส่งสัญญาณ ‘หมอบ’ ก่อน 31 มกรา.

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์เฟซบุ๊กว่า กรณีก้าวไกลกับการแก้ 112 ผมมีส่วนร่วมในการตั้งพรรคอนาคตใหม่มา ผ่านประสบการณ์ทางการเมืองมา ยืนยันว่า การเมืองต้องผสมผสานอุดมคติของเรากับสภาพความเป็นจริงทางการเมือง มีรุก มีถอย ตามการประเมินสถานการณ์