18 ม.ค.2566 - เฟซบุ๊กเพจ ประชาชนคนไทย (ปท.) เผยแพร่คำกล่าวของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ที่เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ฮุบเบ็ด ใครเป็นเหยื่อ?" ว่า สถานการณ์วันนี้ ดูเหมือนนักเลือกตั้งทั้งหลายมีความคึกคักและคิดตัวเลขจำนวนเสียงได้รับกันเบ็ดเสร็จ เพื่อไทยประกาศได้เสียง 280 เสียงซึ่งเกินครึ่งจำนวน ส.ส.เต็ม 500 เสียงถึง 30 เสียง ดังนั้นเมื่อกระแสแลนด์สไลด์มาแรงมาก ย่อมถูกหย่อนเบ็ดให้กินเหยื่อเป็นระยะ โดยกรณี ส.ว.เสนอแก้ รธน. มาตราเป็นนายกฯ ไม่เกิน 8 ปี ทั้งที่ความจริงเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่อาจได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมือง แต่ปรากฎการณ์เช่นนี้จะถูกนำมาปั่นให้เกิดความขัดแย้ง แล้วถูกนำไปขยายผลให้เรื่องอื่นจะเข้ามาเสริมปะปนจนเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้
นายจตุพร ถอดบทเรียนเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2544 ว่า ทุกครั้งที่มีการเลือกตั้ง เพื่อไทยชนะถล่มทลาย แต่จากนั้นก็ดำรงความขัดแย้งในทุกครั้งเช่นกัน เนื่องจากเป็นพรรคมักลืมตัวในชัยชนะ และที่สำคัญไม่ยึดมั่นความมุ่งหมายของประชาชน กลับมองเสียงประชาชนเป็นของตาย ดังนั้นจึงคิดจะทำอะไรก็ได้ ยิ่งทุกกระทรวงจะมีรัฐมนโทไม่ต้องเซ็นหนังสือรับผิดชอบ คอยกำกับและมีอำนาจใหญ่กว่ารัฐมนตรีเจ้ากระทรวง
สิ่งสำคัญเหนืออื่นใด แม้ชนะด้วยเสียงท่วมท้น แต่ไม่มีภูมิต้านทานจากประชาชน คอยคุ้มครองความมั่นคงพรรคและประชาธิปไตย สะท้อนถึงการไม่ใส่ใจเสียงของประชาชน ไม่เพียงเท่านั้นกลับไปมุ่งหวังเชื่อมั่นกับ พล.อ.ประยุทธ์ แล้วประชาชนก็กลายเป็นเหยื่อล่อการยึดอำนาจเมื่อ 22 พ.ค. 2557
“ดังนั้น วันนี้ถ้าประชาชนยังคิดแบบเดิม เราจะเปลี่ยนประเทศนี้ไม่ได้เลย เพราะนักการเมือง นักเลือกตั้งก็คิดแบบเดิมตลอดเวลา โดยหลอกและแบ่งประโยชน์เศษเสี้ยวให้ประชาชน ส่วนนักการเมืองเอามากกว่า จึงกลายเป็นปัญหาหมักหมมมาทุกสมัยเลือกตั้ง”
นายจตุพร กล่าวว่า ปัญหาของนักการเมือมัวแต่บูชาบุคคลมากกว่าศรัทธาประชาชน เมื่อมีการยึดอำนาจประชาชนจึงไม่ออกมาปกป้อง เพราะนักเลือกตั้งทำแค่ความสัมพันธ์แบบคะแนนเสียง ไม่มั่นคงทางจิตวิญญาณของการเมืองแบบประชาธิปไตยที่ยึดประชาชนเป็นหลักในการบริหารอำนาจ
ส่วนสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน กรณี 3 ป. ในส่วนของ พล.อ.ประวิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ กำลังเล่นบทตบตีกัน ส่วนอีก ป. คือ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กลับเล่นเป็นนักพรตราวบำเพ็ญศีล ละทางโลก ว่างมือการเมือง แต่นั่นเป็นเพียงแค่การหยั่งเชิงและจับตาการเคลื่อนไหวของข้าราชการมหาดไทยจะไปทางไหน และมีใครไปวิ่งหาอำนาจใหม่ที่เป็นคู่แข่งขันของ 3 ป. ซึ่งในกระบวนการนี้มีเวลาจัดการได้ก่อนมี พรฎ.เลือกตั้ง ดังนั้น พฤติกรรมของ พล.อ.อนุพงษ์ จึงเท่ากับการตกเบ็ดด้วยเหยื่อนักพรต เพื่อควานหาคนทรยศตัวเองท่ามกลางความเพลี่ยงพล้ำในยุดปลายของอำนาจ จึงอย่าปรามาส พล.อ.อนุพงษ์ เด็ดขาด
กรณีจดหมาย พล.อ.ประวิตร ประกาศตัดญาติขาดมิตรนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เป็นเพียงกลเกมแบ่งบทกันเล่น แม้การยึดอำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ ทำคนเดียว แต่พวก 3 ป.อยู่ในอำนาจด้วยกันมา 8 ปี ดังนั้น การแสดงอาการบาดหมางกันหวังให้เสียงที่รับ พล.อ.ประวติร ไม่ได้ก็ไปลงเลือกหนุน พล.อ.ประยุทธ์ เช่นเดียวกันคนไม่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ ก็มาลงเสียงให้ พล.อ.ประวิตร เสียงจึงอยู่กับ 3 ป. พฤติกรรมจดหมายประชดตัดพ้อแย่งชิงอำนาจ จึงเป็นแค่ลีลาทางการเมือง ซึ่งเชื่อว่า ยังตัดกันไม่ขาดเบ็ดเสร็จ
"เพียงแต่จดหมายของ พล.อ.ประวิตร เป็นการเปิดประตูไปถึงเพื่อไทยว่าจะจับมือร่วมงานกับ พล.อ.ประวิตร หรือไม่ ขณะนี้รอแค่เพื่อไทยประกาศออกมาให้ชัด ไม่ใช่เบียงบิดอ้างถึงพรรคแนวทางประชาธิปไตย ดังนั้น จึงต้องถามประชาชนว่า ถ้าวันข้างหน้าเพื่อไทยจับมือกับ พล.อ.ประวิตร สามารถทนเห็นภาพนี้ได้หรือไม่ ทั้งที่รู้กันว่า พล.อ.ประวิตร เป็นผู้ทรงบารมีในสายงานเบจญภาคี (พวก 5 องค์กรอิสระ)”
นายจตุพร ตั้งคำถามว่า แม้เพื่อไทยประกาศไม่จับมือใครก่อนก็ตาม แต่กล้าทำสัญญาประชาคมหรือไม่ว่า หลังเลือกตั้งจะไม่จับมือกับ พล.อ.ประวิตร ถ้ายึดมั่นแนวทางประชาธิปไตยจริงควรประกาศเลยนับแต่บัดนี้ อีกทั้งเชื่อมั่นจะได้เสียงแลนด์สไลด์แล้วไปแคร์อะไรกับ พล.อ.ประวิตร
"บอกมาเลยว่า ไม่ว่าผลเลือกตั้งออกมาอย่างไร จะไม่มีวันจับมือกับ พล.อ.ประวิตรและพลังประชารัฐเด็ดขาด แฟร์กับประชาชนไปเลย เขาอยากรู้เหมือนกันว่า จะจับมือกับใคร เพราะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจ เมื่อจดหมายเปิดทางให้พร้อมจับมือกันแล้ว กล้ามั้ยละ”
นายจตุพร ย้ำว่า วันนี้ประชาชนมีทางเลือกจำกัดและต้องรอรู้อนาคตหลังเลือกตั้งเท่านั้น แม้ทางให้เลือกตัดสินใจกับ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เป็นต่อก็รับไม่ไหว เพราะรู้ถึงความย่อยยับมาตลอดช่วง 8 ปี แต่หากให้อีกฝ่ายเป็นรัฐบาล ถ้ายังไม่ปรับตัวก็จะเจอกับการยึดอำนาจอีกด้วยปัญหาโกง และสิ่งสำคัญเมื่อไม่ยึดเอาประชาชนเป็นศูนย์กลางแท้จริงแล้ว ย่อมไม่มีประชาชนออกมาเป็นเกราะกำบังต้าน รปห. ดังนั้น นักการเมืองต้องรู้ตัวเองว่า เป็นต้นเหตุหลักที่ถูกอ้างให้ยึดอำนาจทุกครั้งไป
“สิ่งสำคัญ การซื่อสัตย์กับยึดมั่นประชาชน จะเป็นหลักประกันการยึดอำนาจได้ในที่สุด ยิ่ง 8 ปีของ พล.อ.ประยุทธ์ กฎหมายเอาผิดการโกงได้ยากยิ่ง จึงไม่แสดงความโกงออกมาให้ชัดเจน ซึ่งนักการเมืองย่อมพอใจจะอยู่ใต้อำนาจ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะโกงแล้วมีกฎหมายคุ้มครองและไม่ต้องถูกจับติดคุก” อ่านต้นฉบับ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ทวี' ยันไม่เคยได้ยิน เพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภาฯ
พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีกระแสว่าพรรคเพื่อไทยจะขอเก้าอี้ประธานสภา ว่า รัฐธรรมนูญได้มีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งประธานสภาว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วนเรื่องคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี
'เสี่ยหนู' ลั่นพรรคเพื่อไทยปรับเก้าอี้ รมต.เกี่ยวอะไรกับพรรคร่วมรัฐบาล!
'อนุทิน' ถามเกี่ยวอะไรกับพรรคร่วม หลังมีสัญญาณปรับ ครม. ยันเป็นดุลพินิจนายกฯตัดสินใจ
'พิชัย' เซ็ง 'แบงก์ชาติ' ไม่ลดดอกเบี้ยถามสังคมแบบนี้ควรมีอิสระไหม!
'พิชัย' ผิดหวัง 'แบงก์ชาติ' ไม่ลดดอกเบี้ย ทั้งที่ภาพรวมเศรษฐกิจแย่ แต่กลับไม่เดือดร้อน ชี้ไม่ใช่หน้าที่แบงก์ชาติมากำหนดอัตราการเติบโต แนะอย่าอ้างว่าต้องอิสระบนความเดือนร้อนของประชาชน
'เศรษฐา' ไม่ติดใจ 'ทักษิณ' มีบารมีมากกว่า
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษที่อยู่ระหว่างการพักโทษ เพื่อรดน้ำขอพรวันสงกรานต์
ลดความเสี่ยง‘ดิจิทัลวอลเล็ต’ ปรับ ครม.เค้นผลงานรัฐบาล
เรือธง ล้มไม่ได้ เพราะมีผลต่อเครดิตของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะในปัจจุบันหรืออนาคต สำหรับโครงการแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 1 หมื่นบาท
'ทักษิณ' จ้อสื่อ ตอบได้ทุกเรื่อง แต่เงียบกริบปมพิธาคุยข่มกวาดสส.เชียงใหม่
หลังจากที่นายทักษิณรับประทานอาหารเสร็จ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง นายทักษิณได้ลงมาเพื่อเดินทางไปทำภารกิจอื่นต่อ มีประชาชนเข้าไปทักทายและสวมกอดนายทักษิณพร้อมกล่าวว่า