
กรรมการกระจายอำนาจท้องถิ่นชุดวิษณุ บอร์ดใหญ่อปท. ขวางขึ้นเงินเดือนอบต.ทั่วประเทศ 5,300 แห่ง เตือนหากทำ ท้องถิ่นขนาดเล็กบักโกรก มีแต่งบเงินเดือน ไม่มีเงินพัฒนาพื้นที่
11 ก.พ.2566 - นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่มีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน กล่าวถึงความเคลื่อนไหวเพื่อให้มีการขึ้นเงินเดือน-ค่าตอบแทน ให้กับองค์การบริหารส่วนตำบลหรืออบต.ทั่วประเทศว่าเรื่องนี้เป็นกระแสที่เข้าใจว่าฝ่ายการเมืองไปจุดพลุ โยนหินถามทาง จะหาเสียงมากกว่า เพราะการจะให้ขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนให้กับคนที่ทำงานให้กับภาครัฐ ซึ่งคนที่อยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐกลุ่มหนึ่ง มันต้องมองเทียบกับกลุ่มข้าราชการกลุ่มอื่นๆด้วยทั้งหมด มองแบบเทียบกระดาน รวมถึงปัจจัยอื่นเช่น อัตราเงินเฟ้อ เรื่องเกี่ยวกับการคลังของภาครัฐและท้องถิ่น รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศแต่ละช่วงด้วย ว่ามันมีโอกาส มันมีความเหมาะสมหรือไม่
หากดูจากข้อเท็จจริงวันนี้จะพบว่า ยังไม่เห็นเลยว่าอัตราเงินเดือนของท้องถิ่นมันต่ำจนกระทั่งอยู่ไม่ได้ อยู่ไม่ไหว เพราะได้รับผลกระทบจากเงินเฟ้อ ยังไม่เห็นสัญญาณแบบนั้น โดยเฉพาะหากเทียบกับคนกลุ่มอื่นๆ ที่ไม่ได้ทำงานในภาครัฐ ก็ยังมองว่าคนที่อยู่ภาคราชการ ยังไงก็ยังอยู่อย่างมั่นคง สบายกว่าเยอะ ยิ่งข้าราชการท้องถิ่น ก็ยังมีโบนัสด้วย แต่ข้าราชการประเภทอื่นเขาไม่มี
"องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในความเห็นผม ยังไม่มีข้อมูล ไม่มีหลักฐานอะไร ที่จะให้ขึ้นเงินเดือน แต่เท่าที่ได้ยินข่าวมาประปรายกลายเป็นว่าเป็นเรื่องการให้สัญญาทางการเมืองอะไรมากกว่า ที่ก็อาจไม่ได้ผลอะไรเพราะของแบบนี้มันต้องมองทั้งระบบ ที่สำคัญองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด ที่มีร่วม 7,800 แห่งทั่วประเทศ จะพบว่า ท้องถิ่นแต่ละแห่งจะมีความสามารถทางการเงินการคลังแตกต่างกัน การจะให้ไปขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนเขาแล้วแบบนี้ ท้องถิ่นเล็กๆ ที่ไม่ได้มีเงินงบประมาณเยอะ จะทำอย่างไร เพราะหากขึ้นเงินเดือน เขาก็ต้องนำเงินของท้องถิ่นมาจ่ายให้ หากทำท้องถิ่นจะเหลือเงินแต่ละปีสักเท่าไหร่ในการนำงบมาพัฒนาบ้านเมือง ถ้าเป็นอบต.ราชาเทวะ รวยจนซื้อเสาไฟฟ้ามาปักจนไม่รูัจะปักที่ไหนแล้ว แบบนั้นก็ขึ้นเงินเดือนกันได้ แต่หากเป็นอบต. ห้วยปูลิง ที่แม่ฮ่องสอน เงินยังไม่มีทำงบราดถนน ต้องราดทีละข้าง ปีนี้ราดข้างซ้าย ปีหน้าราดข้างขวา แล้วเขาจะเงินที่ไหนมาขึ้นเงินเดือนให้อบต. “นายชาติชายกล่าว
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมา แม้จะมีเรื่องของวินัยการเงินการคลังของท้องถิ่นคือ เงินเดือนค่าจ้างของท้องถิ่นต้องไม่เกินร้อยละสี่สิบของงบประมาณในการจ่ายแต่ละปี แต่ปัจจุบัน ก็ใช้งบเกินกันอยู่โดยใช้วิธีนำไปแฝงไว้ในการจ้างลูกจ้างหรือพนักงานโครงการของท้องถิ่น เรื่องการขึ้นเงินเดือนที่พูดกัน เห็นว่า ต้องดูให้ดี ในความเห็นผม จึงเห็นว่ามันยังไม่ถึงเวลาต้องขึ้นเงินเดือนให้อบต. เพราะหากไปขึ้นเงินเดือนโดยไม่ดูให้รอบคอบ ต่อไปจะไม่มีงบทำงานกัน จะมีแต่เงินเดือนคอยจ่ายให้แต่ละเดือน
นายชาติชาย กล่าวด้วยว่า กระบวนการขึ้นเงินเดือนให้ท้องถิ่น หากจะทำมีขั้นตอนอีกเยอะ เพื่อรองรับการขึ้นเงินเดือนดังกล่าว ต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องในกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น โดยจะต้องมีการถามความเห็นกระทรวงการคลังด้วยว่าเห็นด้วยหรือไม่ รวมถึงท่าทีของฝ่ายรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัจจุบัน อัตราเงินเดือนและค่าตอบแทนของนายก อบต. และสมาชิกสภา อบต.ทั่วประเทศ ที่มีร่วม 5,300 แห่ง โดยมีสมาชิกอบต.ทั่วประเทศร่วมสี่แสนคน พบว่าอัตราเงินเดือนดังกล่าว อยู่ใน ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยเงินค่าตอบแทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล รองนายกองค์การบริหารตำบล ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล รองประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบล สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนตำบล และเลขานุการสภาองค์การบริหารส่วนตำบล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2557 โดยมีการวางเกณฑ์ไว้โดยใช้ฐานเรื่องของรายได้ที่จัดเก็บได้แต่ละปีของอบต.แต่ละแห่งเป็นเกณฑ์
ทั้งนี้หากอบต.ที่มีรายได้เกิน 50 ล้านบาท นายกฯอบต.มีเงินเดือนและค่าประจำตำแหน่งรวม 26,080 บาทต่อเดือน สมาชิกอบต.มีเงินเดือน 7,920 บาท
อบต.ที่มีรายได้ระหว่าง25-50 ล้านบาท ตัวนายกฯอบต.ได้ เงินเดือนรวมค่าประจำตำแหน่ง เดือนละ 24,920 บาท ส่วนสมาชิกอบต.ได้ 7,560 บาทต่อเดือน
สำหรับ อบต. ที่มีรายได้น้อยสุดคือ มีรายได้ไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อปี ตัวนายกฯอบต.ได้เงินเดือน 21,860 บาท ส่วนสมาชิกอบต.ได้ 6,630 บาทต่อเดือน เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปภ. ยืนยันผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา ยื่นขอรับเงินเยียวยา 9,000 บาทโดยไม่ใช้เอกสาร
ปภ. ยืนยัน เยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมสงขลา 9,000 บาท ยื่นคำร้องโดยไม่ต้องใช้เอกสาร รัฐอำนวยความสะดวก ลดขั้นตอนปฏิบัติ ท้องถิ่นจะใช้ฐานข้อมูลทะเบียนราษฎร์และการยืนยันจากพื้นที่
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
'อนุทิน' นำ 'ราชสีห์-สมาชิกราชสกุลดิศกุล' วางพวงมาลา เนื่องในวันดำรงราชานุภาพ
นายกรัฐมนตรี นำราชสีห์ และสมาชิกราชสกุลดิศกุล วางพวงมาลาถวายสักการะพระอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ องค์ปฐมเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย เนื่องในวันดำรงราชานุภาพ พร้อมมอบรางวัลนายอำเภอแหวนเพชร ปลัดอำเภอแหวนทองคำ ประจำปี 2568
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดนิยาม ผู้สมัคร อบต. ต้องนับตั้งแต่ ‘เสนอตัว’ ไม่ใช่วันได้สมัครต่อ กกต.
“ดร.ณัฏฐ์ วงศ์เนียม” ผ่าปมกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น หลังนักการเมือง อบต.ฮือฮาแจกของช่วยน้ำท่วมหาดใหญ่ ระบุชัด สถานะ ผู้สมัคร เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ประกาศตัวลงสนาม ไม่ใช่วันที่ยื่นใบสมัครต่อ กกต. พร้อมเตือ
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444
'อดีตนอภ.หาดใหญ่' แจงอยู่พื้นที่ทุกวัน น้ำท่วมหนักกว่า 3 เมตร ไม่มีเนต โทรไม่ได้
นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Eak Youngapai Na Songkhla ระบุว่า


