'แรมโบ้' ท้าเดิมพันตำแหน่ง หากขับไล่ 'แอมเนสตี้' ออกนอกประเทศไม่ได้

'แรมโบ้' ประกาศ ท้าเดิมพันตำแหน่ง หากไล่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกจากประเทศไม่ได้ พร้อมลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี เพื่อขับเคลื่อนร่วมกับภาคประชาชนที่จงรักภักดีปกป้องสถาบัน

25 พ.ย.2564 - นายนพดล พรหมภาสิต กลุ่มพสกนิกรปกป้องสถาบันและเครือข่ายปกป้องสถาบัน 6 องค์กร ได้มายื่นหนังสือถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล ขอให้รัฐบาลดำเนินการตรวจสอบการทำงานขององค์กร แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย (Amnesty International Thailand ) มีพฤติกรรมการกระทำเข้าข่ายกระทบต่อความมั่นคงของประเทศและสถาบันพระมหากษัตริย์

เนื่องจากปรากฏเหตุการณ์ว่า แอมเนสตี้ไทยได้ประกาศแคมเปญเขียนจดหมายล้านฉบับถึงทั่วโลก จี้ทางการไทยให้หยุดดำเนินคดีกับ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ถือว่าองค์กรดังกล่าวเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในประเทศ จงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศไทย เนื่องจากคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 2564 นั้น ผูกพันทุกองค์กร ซึ่งการกระทำขององค์กรดังกล่าวอาจถือได้ว่า อยู่เบื้องหลังการสนับสนุนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลกระทำการจาบจ้วงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทั้งนี้หากพบข้อมูลหลักฐานอันเชื่อได้ว่าองค์กรดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายแทรกแซงกิจการความมั่นคงของประเทศ ขอให้มีมาตรการทางกฎหมายจัดการกับองค์กรนี้ให้พ้นออกไปจากประเทศไทย

นายเสกสกล กล่าวว่า ตนได้ประกาศเปิดแคมเปญลงชื่อขับไล่แอมเนสตี้ 1 ล้านชื่อ ขณะนี้มีประชาชนมาลงรายชื่อแล้วมากกว่า 5 แสนรายชื่อ และมีเครือข่ายของภาคประชาชนที่ออกมาปกป้องสถาบัน ทั่วประเทศได้ออกมาเคลื่อนไหวตามแต่ละจังหวัด ทั้งนี้ตนเองจะเดินสายไปรับรายชื่อ ในทุกภาคทุกจังหวัด พร้อมกับล่ารายชื่อประชาชนขับไล่ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เห็นว่าประชาชนคนไทยไม่เอาองค์กรที่มาชังชาติทำลายความสงบสุข ทำลายบ้านเมือง และคิดร้ายต่อสถาบัน ปล่อยเอาไว้ไม่ได้เด็ดขาด

ขณะเดียวกันตนจะดำเนินการ 2 แนวทางควบคู่กันไปคือดำเนินการตามกฎหมาย เพราะหากไม่รักษากฎหมายอยู่ภายใต้กฎหมายของไทย จะต้องเอาเข้าคุกเข้าตาราง หรือไล่ออกนอกประเทศให้ได้ รวมถึงจะต้องกดดันด้วยพลังคนไทยที่จงรักภักดี ให้ได้มากกว่า 1 ล้านรายชื่อ หรือหลายล้านคนให้ได้

นายเสกสกลยังระบุว่าตนเองจะยื่นหนังสือให้หน่วยงานที่รับผิดชอบได้ตรวจสอบเส้นทางธุรกรรมการเงินขององค์กรนี้ว่าใช้เงินจากต่างประเทศจ้างคนไทยที่หัวชังชาติ ไม่รักบ้านเมือง รักแผ่นดินเกิดให้มาทำลายประเทศทำลายสถาบัน โดยตนเองจะส่งให้กับฝ่ายกฎหมายของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทยเรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้การที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกมาเคลื่อนไหว สร้างความแตกแยกให้กับคนไทย และละเมิดจาบจ้วงสถาบัน ถือว่าเป็นองค์กรที่ไม่เป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้จดทะเบียน ดังนั้นขอเรียกร้องให้กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นนายทะเบียน เพิกถอนองค์กรนี้ไปด้วย เพราะทำผิดเงื่อนไขระเบียบข้อกฎหมายชัดเจน

"ผมขอสัญญากับพี่น้องคนไทยที่รักและปกป้องสถาบันว่า จะยืนหยัดต่อสู้เคียงข้างประชาชนที่รักชาติ รักบ้านเมือง รักสถาบัน ผมขอเดิมพันด้วยชีวิตและไม่ยึดติดกับตำแหน่ง ถึงแม้ว่าขณะนี้จะดำรงตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี แต่ตนเองมีความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งหากไล่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ออกไปจากประเทศไทยไม่ได้ ผมพร้อมที่จะลาออกจากตำแหน่ง เพื่อไปเคลื่อนไหวร่วมกับพี่น้องประชาชนผู้รักสถาบัน ขับไล่องค์กรนอกรีตนี้ออกไปพ้นแผ่นดินไทยให้จงได้” นายเสกสกล กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'บิ๊กรอย' ประเดิมทำงานวันแรก ถกผู้บริหาร สมช. พบผู้ใหญ่ทำเนียบฯ

'บิ๊กรอย​' เข้าปฏิบัติหน้าที่​ 'เลขาฯ ​สมช.' วันแรก​ เรียกประชุมผู้บริหาร​ เดินสายพบผู้ใหญ่ในทำเนียบฯ ก่อนหลบสื่อฯ​ ไปสภา

ยก 9 ปัจจัยหนุน 'เศรษฐา' นั่งเก้าอี้นายกฯอย่างมั่นคง-อยู่ยาว

ที่มีกระแสข่าวจากคว่ำร่างพรบ.งบประมาณรายจ่าย ปี 67 เพื่อเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี เป็นข่าวโคมลอย หรือการปล่อยข่าวทั้งสิ้น

นายกฯร่ายยาวเหตุเด้ง 'ต่อ-โจ๊ก' ขีดเส้น 60 วันรู้เรื่อง!

นายกฯ ระบุ 'บิ๊กต่อ-บิ๊กโจ๊ก' ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ ยันไม่ได้ลงโทษ แค่กันออกจากความขัดแย้ง พร้อมตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ใน 60 วัน หากปราศจากมลทิน ก็จะกลับมาได้อย่างสง่า

'เศรษฐา' กลับทำเนียบฯ ทักสื่อ 'อย่าเพิ่งเหยียบสนามหญ้า'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาลทันที ภายหลังจากเดินทางกลับจากต่างประเทศ โดยทันทีที่มาถึง นายเศรษฐา ได้ลดกระจกรถยนต์และทักทายสื่อมวลชน เมื่อผู้ส่งข่าว

ซวยแล้ว 'เรืองไกร' พบพิรุธงบฯปรับปรุงทำเนียบฯ ส่อขัดรธน.-ครม.พ้นทั้งคณะ

นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า หลังจากส่งหนังสือขอให้นายกรัฐมนตรี ตรวจสอบงบ 138 ล้านบาท รวม 12