รัฐบาลเสียงข้างน้อยเกิดยาก 'อนุทิน' ลั่นตั้งรัฐบาล 'ภูมิใจไทย' ยึดหลักสากล


27 มี.ค.2566 - ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ถึงกระแสข่าวพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ดีลกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ซึ่งมองกันว่าพรรคภท.จะอยู่ในสมการนี้ด้วยว่า ยังไม่รับทราบเรื่องพวกนี้เลย อ่านจากข่าวเหมือนกัน ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยใดๆเรื่องนี้

ผู้สื่อข่าวถามว่ามีโอกาสเป็นไปได้หรือไม่ นายอนุทิน บอกว่ารอเลือกตั้งดีที่สุด หลังการเลือกตั้งทิศทางจะออกมาเอง รอผลเลือกตั้ง

เมื่อถามว่าการไปทานข้าวกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. 2 รอบ มีการพูดคุยถึงการจับมือจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า คิดมากไปหรือเปล่า ทำงานมาด้วยกัน 4 ปี กินข้าวกันมันแปลกตรงไหน และตนก็ไม่ได้ข้ามฟากไปกินกับอีกฟากหนึ่งเสียเมื่อไหร่ ก็กินกันอยู่ในนี้มันเป็นเรื่องปกติมากกว่า หากจะพูดคุยความลับกันจริงๆพูดคุยเรื่องที่มีการวิเคราะห์ออกมาตามสื่อที่ไปตั้งรัฐบาลให้ใครเป็นนายกฯ ถ้าจริงคงไม่คุยกันแค่ 8 คนมั่ง อันนั้นไม่มีความลับอะไรเป็นการไปกินข้าวกันธรรมดา

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่านอกเหนือจากการคุยเรื่องทางการเมืองแล้วมีข่าวว่าไปคุยเรื่องคดีของ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ หลังหยุดปฏิบัติหน้าที่รมว.คมนาคม นายอนุทิน ยืนยันว่า ไม่มีเลย นายศักดิ์สยามมั่นใจในข้อกล่าวหา สามารถเตรียมเอกสารไปแก้ข้อกล่าวหาได้ การไปกินข้าวเป็นเรื่องส่วนตัวไม่ใช่เรื่องของราชการ และไม่ใช่เรื่องของคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ส่วนพรรคภูมิใจไทย เตรียมเปิดตัวส.ส.ทั่วประเทศเมื่อไหร่นั้น หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย บอกว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เริ่มรับสมัครส.ส.เขตวันที่ 3 เม.ย. และรับสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อวันที่ 4 เม.ย.

ถามว่าแสดงจะไม่เปิดรายชื่อก่อน แต่จะให้ไปรู้วันสมัครเลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้เปิดเรียงตามลำดับอักษรว่ามีใครบ้าง รอเอกสารให้เรียบร้อยทุกอย่าง และจะเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคอย่างเร่งด่วน

ซักว่าลงตัวหรือไม่ นายอนุทิน หัวเราะ พร้อมกล่าวว่า ภท.ลงตัวทุกเรื่องอยู่แล้ว ที่นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ออกมาโจมตีหลายๆเรื่องนั้น อย่างที่ตนเคยให้สัมภาษณ์ไว้ตอนที่มีเรื่องนี้ออกมา เราก็เร่งทำโพลในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งเมื่อวันที่ 26 มี.ค.ก็เห็นแล้วว่ามีโพลออกมาบอกว่าเราไม่ได้รับผลกระทบอะไร ตรงกันข้ามคะแนนนิยมในตัวบุคคลของ ภท.มีมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าอนาคต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะแคนดิเดตนายกฯพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้คะแนนน้อยกว่า ภท. จะหลีกทางให้พล.อ.ประยุทธ์ หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า กติกาสากลมีอยู่แล้วอย่าเพิ่งถามเลย ถามตรงนี้หากบอกคนนี้น้อยคนนี้มากคนได้น้อยจะไม่พอใจหรือเสียกำลังใจ

"กติกาสากลมีอยู่แล้ว คะแนนมากจะต้องทำตัวอย่างไร คะแนนน้อยจะต้องทำตัวอย่างไร เรื่องการเมืองไม่พ้นกติกาสากลเหล่านี้หรอก อย่าไปกังวล รอผลการเลือกตั้งออกมาให้นิ่งและชัดเจนก่อนไม่ต้องไปรอรับรองอย่างเป็นทางการหรอก อย่างที่ผมเรียนเย็นวันที่ 14 พ.ค. 22.00 น. -23.00 น. มันก็พอเห็นเค้าลางแล้ว แล้วเราค่อยดำเนินการอะไรจากนั้นไป ตอนนี้พูดอะไรไปสิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือมันจะเหมือนกับว่าไม่ให้เกียรติพี่น้องประชาชน ซึ่งตรงนี้ผมกลัวมาก ฉะนั้นคงจะไม่ให้สัมภาษณ์ในเรื่องทิศทางใดๆ จนกว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาแล้ว" นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทิน ย้ำว่าการไปเจอคนนั้นคนนี้ รับประทานอาหารกับคนนั้นคนนี้เป็นเรื่องปกติอย่าไปคิดว่าเป็นเรื่องแปลก หรือเป็นการปล่อยทิศทางการเมืองอะไรออกมา ไม่ใช่เลย แต่ละพรรคการเมืองมีนโยบายของตัวเอง เป็นผู้บริหารพรรคการเมืองในความเป็นปัจเจกบุคคลไม่ได้มีปัญหาอะไรกับใครเลย สมมุติว่าเราจะไปทานข้าวอะไรกับใครเราก็ไปอัปเดตกัน ในวงการธุรกิจคู่แข่งเขายังมีนัดกินข้าวกันเพื่ออัปเดตสถานการณ์ อัปเดตตลาด อัปเดตปัญหาความต้องการหลายๆเรื่อง

ฉะนั้นถ้าเราอยู่ในองค์กรแบบนี้เราก็ไปอัปเดตสถานการณ์กัน มันไม่ใช่ความลับอะไรมากมาย พรรคตนส่งกี่คนกี่เขต ใครมีแนวโน้มเป็นปาร์ตี้ลิสต์บ้าง เราไม่ได้บอกว่าคนนี้เบอร์หนึ่งสองสาม เป็นเรื่องที่เราพูดจาบนโต๊ะอาหารซึ่งเป็นเรื่องปกติ และเรื่องอื่นๆก็พูดเยอะ มันไม่ใช่เป็นการรับประทานอาหารอย่างเป็นทางการและถ้าเกิดมันจะลับจริงๆทำไมจะลับไม่ได้ อันนี้แสดงว่าไม่ได้มีความลับอะไร รูปถึงออกมา และไม่ได้มีการโวยวายอะไร ปกติ การสื่อสารข้อมูลทางโทรศัพท์มันเร็วมาก เผลอๆไลฟ์สดด้วยซ้ำเราอย่าไปซีเรียสอะไรมาก ทางการเมืองทุกอย่างโดยเฉพาะยิ่งใกล้เลือกตั้งทุกอย่างต้องรอผลเลือกตั้ง ผมยืนยันตรงนี้”นายอนุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามต่อไปอีก ว่าผลการเลือกตั้งออกมาอย่างไรแล้วจะมีกติกาแปลกๆออกมาหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มีหรอก และไม่มีใครรับกติกาแปลกๆหรอก กติกาสากลทราบกันอยู่คนได้คะแนนสูงสุดก็ต้องได้สิทธิ์จัดตั้งรัฐบาลก่อน อันนี้เราพูดถึงการเลือกตั้งในระบอบประชาธิปไตย ถ้าจัดตั้งไม่สำเร็จก็รายถัดไป และสุดท้ายไปตกอยู่ที่ว่าใครจะได้เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ตรงนั้นแหละ ซึ่งก็เป็นอย่างนี้มาโดยตลอด อย่าไปกลัวรัฐบาลเสียงข้างน้อยเลย เกิดยาก และมันยังมีเวลาอีกตั้ง 45-60 วันหลังเลือกตั้งแล้ว ในการรับรองผลของการเลือกตั้ง ยังมีโอกาสที่จะเจรจาจัดตั้งรัฐบาล หารือเปลี่ยนแปลงอะไรทุกอย่างได้หมด ดังนั้นสิ่งที่พรรคการเมืองอย่างภท.วันนี้ไม่ได้คิดที่จะไปจับกับใคร คิดว่าทำอย่างไรจะให้เข้ามาเยอะๆมากที่สุดตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ ตอนนี้คิดอย่างนี้จริงๆ

สำหรับตนตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 13 -14 พ.ค. เวลาเดือนครึ่งตนไม่อยู่กรุงเทพฯเลย ก็ยังหาวิธีอย่างไรจะลาราชการแบบยาวๆได้หรือไม่

เมื่อถามว่าพรรคภท.เสนอแคนนดิเดตนายกฯคนเดียวใช่หรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่าพรรคภูมิใจไทยเสนอคนเดียวมาตลอด

ซักว่าหากพรรคภูมิใจไทยได้ส.ส.มาเป็นอันดับ 2 หากอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ภท.มั่นใจหรือไม่ว่าจะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ หัวหน้าพรรคภูมิใขไทย กล่าวว่ามีแนวทางวิธีการตามกติกาอยู่แล้ว พรรคลำดับ 1 ต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ก่อน ถ้าไม่ได้ก็มาอันดับ 2 และถ้าอันดับ 2 จัดไม่ได้ก็อันดับ 3 แต่สุดท้ายจะมาจบที่เสียงข้างมากในสภาดีที่สุด นั่นคือความใฝ่ฝันที่สุดที่ทุกคนอยากเห็นให้มันเกิดขึ้น เพราะจะนำไปสู่ความมีเสถียรภาพของรัฐบาล และการมีเสถียรภาพของการเป็นนายกฯ

เมื่อถามว่าเกรงว่าจะมีสูตรที่นายกฯมาจากพรรคเสียงน้อย แต่ได้เป็นนายกฯเพราะเลือกกันในสภา แต่พรรคของตัวเองไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล นายอนุทิน กล่าวว่า “โอ้โห มันตายทั้งเป็นนะ ก็คงไม่มีใครกล้าหรอกที่จะทำอย่างนั้น อย่าลืมว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่เราใช้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ในการกำหนดว่าสมาชิกวุฒิสภามีส่วนร่วมในการเลือกนายกฯ แต่ในที่สุดนายกฯก็ต้องอยู่ได้เพราะส.ส. แต่ท่าน สว.พายเรือมาส่งแต่จะอยู่คอยประคับประคองไม่ได้ มีปัญหามานั่งเรือสว.ไม่ได้ พายเรือมาแล้วต้องมาส่งทอดเข้าไปในเรือส.ส. สุดท้ายถ้าส.ส.พวกไม่มากพอก็อยู่ไม่ได้ แล้วใครเขาอยากจะไปอยู่ในสภาพนั้น

ผมไม่กังวลตรงนั้นเลย ถ้ารวบรวมเสียงสนับสนุนไม่ถึงกึ่งหนึ่งของส.ส.จัดตั้งรัฐบาลยาก ลำบากแน่นอน นี่คือเหตุผลที่ผมถึงบอกว่ายังไม่ไปคิดถึงเรื่องนั้นหรอก คิดในส่วนที่ตัวเองรับผิดชอบก่อนคือพรรคภูมิใจไทย ต้องพยายามทำให้ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรจากประชาชนให้ได้มากที่สุด มันจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้การบริหารจัดการสถานการณ์ทางการเมืองเป็นไปได้ในทางเรียบร้อยมากยิ่งขึ้น ต้องช่วยกัน”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุทิน' ร่ายยาวครั้งแรกหลังมีชื่อพ้นครม. แจงดราม่า 'ทักษิณ' เมินมาลัย

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความพอใจผลงาน 6-7 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงกระแสข่าวจะถูกปรับออกจากรัฐมนตรี

นายกฯ ยัน ร่วมโต๊ะอาหารเที่ยงกับ 'เอกนัฏ'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีและคณะ

'ทวี' ยันไม่เคยได้ยิน เพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภาฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีกระแสว่าพรรคเพื่อไทยจะขอเก้าอี้ประธานสภา ว่า รัฐธรรมนูญได้มีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งประธานสภาว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วนเรื่องคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

'ไชยา' ลั่นปรับครม.กี่ครั้งก็ตาม ก.เกษตรฯต้องอยู่กับเพื่อไทย

นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายชื่อถูกปรับออก ว่าตนทราบตามข่าว ไม่ได้หวั่นไหวอะไร และ 7 เดือนที่ผ่านมา ทำหน้าที่ในกรอบในข้อจำกัดของงบประมาณ ถ้าหากเป็นไปตามนโยบายของผู้ใหญ่ตนก็ไม่ขัดข้อง ก็แล้วแต่

'เศรษฐา' เผยไต๋นั่งควบกลาโหม ทุกอย่างมีโอกาสขึ้นอยู่กับเงื่อนเวลา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในที่ประชุมได้มีรัฐมนตรีซักถามถึงกระแสข่าวการปรับ ครม.หรือไม่ ว่า ไม่มีใครถามอะไรเลย ทุกคนยังทำงานอย่างต่อเนื่อง