
“เรืองไกร” ร้อง “ป.ป.ช.”สอบระนาว 47 ส.ส. ฝ่าฝืนจริยธรรม หรือไม่ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องแปรญัติงบเอื้อบริษัท พร้อมเรียกคำร้องมาเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาด้วย
2 เม.ย.2566 – นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เปิดเผยว่า วันนี้ตนเองได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS เพื่อขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบตามข่าวศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 10/2566 ว่า กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้องของ ส.ส. 47 คน เนื่องจากยื่นคำร้องโดยอ้างใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ไม่ได้แล้วนั้น การยื่นคำร้องดังกล่าวของ ส.ส. ทั้ง 47 คน จะเข้าข่ายฝ่าฝืนจริยธรรม หรือไม่
นายเรืองไกร ระบุว่า ในข่าวศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 10/2566 ลงวันที่ 31 มี.ค. 66 ซึ่งเป็นกรณีตามคำร้องของนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล และ ส.ส. รวม 47 คน(ผู้ร้อง) ศาลรัฐธรรมนูญ ระบุผลการพิจารณาไว้ดังนี้ ผลการพิจารณา ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาข้อเท็จจริงตามคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้วเห็นว่า การยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ต้องอยู่ในระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณของสภาผู้แทนราษฎร หรือวุฒิสภา เนื่องจากบทบัญญัติดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญมีหน้าที่และอำนาจในการตรวจสอบระหว่างการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา และคณะกรรมาธิการ เสนอ แปรญัตติ หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันมีส่วนไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในการใช้งบประมาณรายจ่าย หรือไม่ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ได้รับการพิจารณาเสร็จสิ้น และเป็นกฎหมาย ใช้บังคับแล้ว กรณีไม่ต้องด้วยหลักเกณฑ์และเงื่อนไขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม ประกอบ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 7 (7) ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย
นายเรืองไกร กล่าวว่า กรณีดังกล่าว เมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติเป็นเอกฉันท์มีคำสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย จึงมีเหตุที่ควรตรวจสอบตามมาว่า ผู้ร้องอ้างใช้สิทธิโดยไม่สุจริต หรือไม่ เพราะผู้ร้องเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ จะอ้างว่าไม่รู้กฎหมายหรือบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ หาได้ไม่ กรณีจึงมีเหตุที่ควรขอให้ ป.ป.ช.ตรวจสอบตามมาว่า ส.ส. ทั้ง 47 คน มีการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ มาตรา 234 (1) ในเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ข้อ 17 ข้อ 21 หรือไม่
“มาตรฐานทางจริยธรรมฯ ข้อ 8 ข้อ 17 ข้อ 21 ในส่วนที่เกี่ยวข้อง คือ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต หรือไม่ การกระทำดังกล่าวก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์ของการดำรงตำแหน่ง หรือไม่ และเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยไม่ยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรคสาม หรือไม่” นายเรืองไกร ระบุ
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ตนเองได้ขอให้ ป.ป.ช. เรียกคำร้องของนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล และ ส.ส. รวม 47 คน (ผู้ร้อง) จากศาลรัฐธรรมนูญ และคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ มาเป็นพยานหลักฐานประกอบการพิจารณาด้วย.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิกร' หวัง 29 มี.ค.2569 เลือกตั้งพร้อมทำประชามติ
'นิกร' เชื่อลงล็อก 29 มี.ค.69 เลือกตั้งพร้อมทำประชามติ ประหยัดงบ 5 พันล้าน รับ วาระสามล่อแหลมเหตุใช้เสียง 1 ใน 3 มอง สส.-สว. ต้องคุยทำความเข้าใจ
ประธาน กมธ.แก้รัฐธรรมนูญคาด 2 ปีได้เห็นการเปลี่ยนผ่านประเทศ!
ปธ.กมธ.แก้รัฐธรรมนูญยันหลักการปรับกลไกทำรัฐธรรมนูญ เพื่อปลดล็อกสู่ รธน.ฉบับใหม่ คาด 2 ปีเศษจะได้เห็นการเปลี่ยนผ่านประเทศ
ศาลรธน.ยังไม่นัดวินิจฉัยสถานะ 'ภูมิธรรม-ทวี' ปมแทรกแซงคดีฮั้วสว. รอความเห็นพยาน
ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคำร้องที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาที่ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 42
ป.ป.ช. ฟันจริยธรรมร้ายแรง 'จิรพงษ์' อดีต สส.เพื่อไทย
ป.ป.ช. ชี้มูล 'จิรพงษ์ ทรงวัชราภรณ์' อดีต สส.นนทบุรี พรรคเพื่อไทย ผิดจริยธรรมร้ายแรง ถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ตราด ส่งศาลฎีกาวินิจฉัย
มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง
‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม
เด้งจนท.สรรพากรรีดเงิน1แสน
สรรพากรเด้งเจ้าหน้าที่เอี่ยวรีดเงินผู้ประกอบการ 1 แสน

