‘ภูมิธรรม’ ลั่นประกาศลดราคาสินค้าพร้อมกันทั้งประเทศ ภายใน 15 วัน

“ภูมิธรรม”แถลงนโยบายเร่งด่วน ประกาศลดราคาสินค้าพร้อมกันทั้งประเทศ ภายใน 15 วัน พร้อมเดินหน้าดูแลต้นทุน เพิ่มช่องทางตลาดให้เกษตรกร

14 ก.ย. 2566 – นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงนโยบายและทิศทางการทำงานสำคัญของกระทรวงพาณิชย์ ภายหลังร่วมประชุมหารือกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ พาณิชย์จังหวัด และทูตพาณิชย์ทั่วโลก ว่า ได้เข้าทำงานอย่างเป็นทางการเป็นวันแรก หลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และได้แจ้งกับผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์ว่ารัฐบาลมีนโยบายหลักให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง และกำหนดให้เป็นเป้าสำคัญในการทำงานของทุกกระทรวง รวมทั้งกระทรวงพาณิชย์ จึงได้มอบนโยบายการทำงานเน้นให้เกิดประโยชน์กับประชาชน โดยยึดหลักการสร้างสมดุลให้เกิดขึ้นทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนงาน ทั้งเกษตรกร ผู้บริโภค และผู้ประกอบการ

โดยเรื่องเร่งด่วนที่จะดำเนินการ จะเร่งดูแลและลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน เพราะคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการลดภาระต้นทุน ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ลงมาแล้ว ซึ่งมีผลให้ต้นทุนสินค้าลดลง ถือเป็นต้นทางนำไปสู่การพูดคุยกับผู้ประกอบการ ซึ่งได้มอบหมายให้กรมการค้าภายในไปหารือ และทำความเข้าใจในสิ่งที่ประชาชนต้องการแล้ว มีระยะเวลา 15 วัน ที่จะมาแจ้งว่าอะไรได้ อะไรไม่ได้ มีสินค้าอะไรบ้าง โดยตั้งเป้าต้องทำให้ได้

สำหรับการดูแลสินค้าเกษตร จะบริหารจัดการสินค้าเกษตรให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยสร้างหลักประกันว่าผลผลิตจะต้องขายได้ในราคาที่เหมาะสม มีการจัดช่องทางการจำหน่ายและกระจายผลผลิตที่มีประสิทธิภาพ ส่งเสริมการลดต้นทุน เช่น ปุ๋ยเคมี ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าเครื่องจักร และผลักดันให้มีการแปรรูป ใช้นวัตกรรม และนำเทคโนโลยีมาใช้ในการผลิต เพื่อเพิ่มมูลค่าสินค้า ลดต้นทุน และเพิ่มผลผลิต ส่วนประชาชน

ทั้งนี้ ในเรื่องเงินดิจิทัล วอลเล็ต ที่รัฐบาลมีเป้าหมายในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ได้มอบหมายให้หน่วยงานในกระทรวงพาณิชย์นำไปคิดว่าจะเชื่อมโยงกับนโยบายได้อย่างไร เพราะมีข้อท้วงติงจากประชาชนว่ารัศมี 4 กิโลเมตร อาจจะไม่เข้าถึงในบางพื้นที่ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์สามารถเข้าไปช่วยได้ เช่น เชื่อมโยงฐานข้อมูลช่องทางการตลาดที่กระทรวงพาณิชย์ส่งเสริม เช่น ร้านค้าธงฟ้า ร้านอาหารธงฟ้า ตลาดต้องชม Farm Outlet หมู่บ้านทำมาค้าขาย เพื่อให้การใช้งานของประชาชนสะดวกมากยิ่งขึ้น และให้เตรียมอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงสินค้าของประชาชนซึ่งอยู่ในพื้นที่ห่างไกลที่มีเงื่อนไขข้อจำกัดในการใช้งาน เช่น จัดรถพุ่มพวงเข้าไปจำหน่ายสินค้า เป็นต้น

นายภูมิธรรมกล่าวว่า เรื่องการส่งออก ขอให้เร่งขยายและผลักดันการส่งออกให้เปลี่ยนจากตัวเลขติดลบเป็นบวก โดยมีนโยบายอย่างน้อยที่สุดให้รักษาเป้าการส่งออกที่ตั้งไว้ 1-2% ให้ได้ และมีนโยบายให้สร้างกระแส โดยใช้ประโยชน์จาก Soft Power ของไทย และสร้างเรื่องราวให้กับสินค้าและบริการไทยเชื่อมโยงกับภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร วัฒนธรรม ภาพยนตร์ แอนิเมชั่น และการท่องเที่ยว และได้ขอให้วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกพฤติกรรมผู้บริโภคของตลาดทั่วโลกในแต่ละกลุ่มเป้าหมาย เพื่อนำมาพัฒนาสินค้าให้ตอบสนองความต้องการและการทำกลยุทธ์ส่งเสริม รวมทั้งแก้ไขปัญหา อุปสรรคการค้าชายแดน การแก้ไขปัญหาคอขวดที่เป็นอุปสรรคต่อสินค้าไทย ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ โดยคัดสินค้าที่มีปัญหาไม่ซับซ้อนทำเป็นตัวอย่างนำร่อง และยกระดับผู้ให้บริการโลจิสติกส์ไทยให้เป็นผู้ให้บริการระดับภูมิภาค

นอกจากนี้ ได้มอบหมายให้พาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ วางแผนยุทธศาสตร์หรือแผนบริหารจัดการสินค้าอย่างครบวงจรร่วมกัน ทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อ “รักษาตลาดเดิม เสริมตลาดใหม่” และเพิ่มบทบาท “พาณิชย์คู่คิด SME” ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเล็กให้สามารถส่งออกได้ เช่น การให้คำปรึกษา ในด้านกฎระเบียบการนำเข้าของตลาดต่างประเทศเชิงลึก เช่น การจัดตั้งบริษัท การจดทะเบียนทรัพย์สินทางปัญญาในตลาดเป้าหมายและสร้างเครือข่ายพันธมิตร การจัดทำคู่มือภาษาไทยที่เข้าใจง่าย รวมไปถึงการพัฒนาแพลตฟอร์มที่มีข้อมูลทั้งในด้านสินค้าศักยภาพของไทยและความต้องการสินค้าจากต่างประเทศที่ครบวงจรและเป็นปัจจุบัน

ส่วนการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ผลักดันให้มีการเจรจา FTA ที่อยู่ระหว่างการเจรจาให้สำเร็จโดยเร็ว และเริ่มเจรจา FTA ฉบับใหม่ เพื่อสร้างโอกาสทางการค้าให้กับไทย และผลักดันการใช้ประโยชน์จาก FTA และช่วยในการปรับตัว โดยสร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการ โดยเฉพาะรายเล็ก และเตรียมความพร้อมให้ดำเนินธุรกิจสอดรับกับกฎกติกาใหม่ ๆ ของโลก เช่น Carbon Credit / BCG / SDGs

ขณะเดียวกัน ให้หน่วยงานต่าง ๆ พิจารณาแก้ไข ปรับปรุงกฎหมายเก่าที่ล้าสมัย เป็นอุปสรรคทางการค้า เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการประกอบธุรกิจ โดยสร้าง และบัญญัติกฎหมายใหม่ ๆ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก เช่น ด้านการผลิตการค้าในรูปแบบใหม่ ๆ โดยเฉพาะกฎหมายเพื่อให้เท่าทันกับการเติบโตและการเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจดิจิทัล รวมทั้งการพัฒนาของเทคโนโลยี AI

“รวม ๆ แล้ว มีนโยบายเร่งด่วนที่จะดำเนินการรวม 7 เรื่อง หลายเรื่องเป็นเรื่องเร่งเด่วน ที่จะต้องทำให้ได้ภายใน 100 วันแรกตามนโยบายรัฐบาล แต่บางเรื่องถ้าทำได้เร็ว ก็จะทำทันที ส่วนการวัดผลความสำเร็จ หรือ KPI คือ ความพึ่งพอใจของพี่น้องประชาชน”นายภูมิธรรมกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พาณิชย์ หารือ สตช. ร่วมมือเร่งปราบปรามนอมินี และบัญชีม้านิติบุคคล

“พาณิชย์” เข้าพบ “บิ๊กต่าย” หารือแนวทาง มาตรการ ข้อกฎหมาย และความร่วมมือ 2 หน่วยงาน เร่งปราบปรามนอมินี และบัญชีม้านิติบุคคล เตรียมร่วมมือทุกรูปแบบ ทั้งประสานข้อมูล ตรวจค้น บังคับใช้กฎหมาย นำตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ เพื่อกำจัดอาชญากรทางเศรษฐกิจ ลดความสูญเสียทรัพย์สินของประชาชน และสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการไทย

ปลุกรุมบี้ 'รัฐบาลอิ๊งค์' ส่งศาล รธน. ชี้ขาด 'MOU 44'

รศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดีฝ่ายบริหารบุคคล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ท่านที่ได้อ่านโพสต์ที่แล้วของผม คงจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับที่มาที่ไป

รัฐมนตรีกลาโหมมีไว้ทำไม! รอคำตอบ 18 ธ.ค. ขีดเส้นตาย 'ว้าแดง' ต้องพ้นแผ่นดินไทย

นายนพนันท์ อรุณวงศ์ ณ อยุธยา อาจารย์มหาวิทยาลัยจิงเม่า หรือ University of International Business and Economics (UIBE) ที่ประเทศจีน โพสต์เฟซบุ๊กว่า

รัฐบาลตีปี๊บเยียวยาเอกชนใน 8 จังหวัดน้ำท่วมภาคใต้

รัฐบาลเดินหน้าเยียวยานิติบุคคลใน 8 จังหวัดอุทกภัยภาคใต้ สั่งออกมาตรการขยายระยะเวลาจดทะเบียนนิติบุคคล แจ้งบัญชีและเอกสารสูญหาย การนำส่งงบการเงินได้ หลังสถานการณ์สิ้นสุดลง