'รองอสส.' เเจงยิบปมถูกกล่าวหาลวนลามอัยการสาว แฉถูกจัดฉากสางปมแค้น

กระผมได้รับมอบหมายให้ทำคดีสำคัญ ตรวจสอบอำนาจการสั่งไม่ฟ้องคดีของอดีตอัยการสูงสุดท่านหนึ่งและตรวจสอบพบว่าการสั่งคดีของพนักงานอัยการชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จนเป็นเหตุให้กระผมเสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุดเห็นควรให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรงกับพนักงานอัยการชั้นผู้ใหญ่หลายท่านที่เกี่ยวข้องกับการสั่งไม่ฟ้องคดีบุกรุกป่า 6 พันไร่เศษเรื่องนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการจัดฉาก เพื่อทำให้กระผมเสื่อมเสียชื่อเสียง ลดทอนความ น่าเชื่อถือในตัวกระผมหรือไม่

5 มี.ค.2567- เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา นายศักดา ช่วงรังษี รองอัยการสูงสุด ได้ส่งเอกสารชี้เเจงเหตุการณ์ลงในไลน์ของอัยการ เเละกลุ่มอัยการถึงเหตุการณ์ที่ถูกพากพิงในข่าว รอง อสส.ละเมิดทางเพศอัยการสาว โดยในหนังสือระบุวันที่ 29 ก.พ.2567 โดยเอกสารระบุวว่า

เรื่อง ขี้แจงกรณีที่เป็นข่าว

เรียน พี่ๆ เพื่อนๆ น้องๆ ชาวอัยการที่รักและเคารพทุกท่าน รวมทั้งท่านสื่อมวลชนที่เคารพทุกแขนงตามที่ได้มีข่าวปรากฎออกไปว่ามีรองอัยการสูงสุดปริศนาลวนลามอัยการหญิงจนเป็นข่าวแพร่หลายออกไปในวงกว้าง กระผมขอเรียนชี้แจงและขอตั้งข้อสังเกตให้ทุกท่านทราบ ดังนี้

1.ในองค์กรอัยการมีรองอัยการสูงสุดทั้งหมด 8คน กระผมเป็น 1 ในรองอัยการสูงสุด ที่มีบ้านอยู่ย่านรามคำแหง จึงไม่อาจหลีกเลี่ยงหรือปฏิเสธได้ว่า รองอัยการสูงสุดคนดังกล่าวไม่ใช่กระผม

2.กระผมไปทานข้าวกับอัยการหญิงคนดังกล่าวที่ร้านอาหารตามข่าวจริง แต่ไม่มีอะไรเกินเลยตามที่ปรากฏในข่าว

3.ในการปฏิบัติหน้าที่ มีท่านอัยการหลายท่านมาพบผม อัยการหญิงในข่าวก็เป็นหนึ่งในท่าน อัยการหลายๆ ท่านที่มาพบกระผม โดยมากกระผมก็มีน้ำใจพาไปรับประทานอาหารหลังจากที่ น้องๆ มาหาหรือมาพบ ซึ่งก็เป็นร้านอาหารละแวกบ้านตามปกติตามประสาคนรู้จัก คุ้นเคยเคยร่วมงานกัน เป็นเรื่องปกติธรรมดาไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือแตกต่างไปจากท่านอัยการท่านอื่นๆ เหมือนมีมิตรสหายมาหา มาเยี่ยมเยียน กระผมในฐานะเจ้าของบ้านที่ดีก็ดูแลต้อนรับตามปกติ ดังเหตุการณ์เมื่อวันที่ 19 ก.พ.2567 ก็เช่นเดียวกัน

4.คณะกรรมการอัยการผู้มีหน้าที่พิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายมีมากมายหลายท่าน แต่ทำไม อัยการหญิงในข่าวจึงเลือกมาพบกระผม แสดงว่าท่านก็ต้องรู้จัก คุ้นเคยกับกระผมเป็นอย่างดี จึงกล้าที่จะเดินทางมาพบกระผมเพียงคนเดียว หากท่านกล่าวอ้างว่าถูกกระผมบังคับ ขอให้ทุกท่านลองพิจารณาดูว่า อัยการหญิงท่านนี้เป็นถึงอัยการ อายุ 37 ปีแล้ว ถือว่าเป็นผู้ใหญ่มากพอสมควร ควรมีความคิด มีวุฒิภาวะพอที่จะตัดสินใจอะไรได้ด้วยตัวเอง ไม่ควรถูกใครบังคับ ชี้นำ หรือชักจูงได้โดยง่าย โดยเฉพาะการทำหน้าที่พนักงานอัยการ ซึ่งถือว่าเป็นทนาย ของแผ่นดิน หากถูกใครบังคับ ชี้นำ หรือชักจูงได้โดยง่าย ในการทำงานก็จะเกิดความเสียหายต่อประชาชน และประเทศชาติบ้านเมืองได้

5.กระผมมีความปรารถนาดีต่อท่านอัยการทุกท่าน และที่ผ่านมากระผมได้พยายามทำทุกทางเพื่อรักษาองค์กรอัยการที่เป็นบ้านที่ผมรักและภูมิใจให้กลับมามีความน่าเชื่อถือและมีภาพลักษณ์ที่ดีขึ้น ด้วยการปกป้องคนดีในองค์กรที่มีจำนวนมาก และกวาดขยะที่ซุกอยู่ใต้พรมของบ้านหลังนี้ออกมาตีแผ่ อันอาจเป็นสาเหตุให้ผู้ที่ไม่หวังดีและจ้องทำลายความน่าเชื่อถือของกระผม

6.ในวันเกิดเหตุตามรายงานประจำวันที่ปรากฏ แจ้งว่า เหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 ก.พ.2567หากมีการลวนลาม หรือกระทำอนาจารจริง เหตุใดถึงไม่รีบแจ้งความดำเนินคดีกับกระผมในวันดังกล่าวหรือในวันรุ่งขึ้นซึ่งใกล้เคียงกัน เพื่อให้พนักงานสอบสวนจากท้องที่เกิดเหตุตรวจสอบพยานบุคคล สถานที่เกิดเหตุ และกล้องวงจรปิดว่ากระผมได้กระทำอย่างที่กล่าวอ้างหรือไม่ ซึ่งกระผมก็เห็นด้วยอย่างยิ่ง ที่ลูกผู้หญิงต้องปกป้องสิทธิ เกียรติยศ ชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของตนเอง ไม่ควรให้ใครมาลบหลู่ ดูหมิ่น หรือรังแกได้โดยง่าย

7.ในทางกลับกัน กลับปรากฎรายงานประจำวันดังกล่าวว่า มีการไปแจ้งความเมื่อวันที่ 23 ก.พ.2567ที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งห่างไกลจากสถานที่เกิดเหตุเหลือเกิน หากมีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริง สถานีตำรวจที่ใกล้สถานที่เกิดเหตุที่สุด คือ สถานีตำรวจนครบาลวังทองหลาง ถ้าหากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นกับอัยการหญิงท่านดังกล่าวจริงควรแจ้งความต่อพนักงานเจ้าหน้าที่โดยเร็วที่สุดใช่หรือไม่ ทำไมถึงนิ่งนอนใจปล่อยเวลาให้เนิ่นนาน ล่วงเลยมาถึง 4-5วัน หลังจากเกิดเหตุ

8.ไปกว่านั้น ต่อมาหลังเกิดเหตุ วันที่ 20 ก.พ.2567 อัยการหญิงท่านนี้ก็ยังส่งข้อความทางโทรศัพท์มาพูดคุยกับกระผมตามปกติ เหมือนไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นเป็นการผิดวิสัยของสุภาพสตรีที่ต้องการจะปกป้องเกียรติยศ หรือชื่อเสียงของตนเองหากถูกลวนลาม หรือถูกกระทำอนาจารจริง

9.สำหรับบุคคลที่นำรายงานประจำวันและเรื่องราวดังกล่าวไปเผยแพร่ทางสื่อมวลชนและ สื่ออิเล็กทรอนิกส์ ระบบคอมพิวเตอร์ต่างๆ ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาทำให้กระผมได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง เสื่อมเสียชื่อเสียง และเป็นการนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือน โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย ซึ่งอยู่ระหว่างตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดให้ถึงที่สุด

10.ก่อนเหตุการณ์นี้ กระผมได้รับมอบหมายให้ทำคดีสำคัญ ตรวจสอบอำนาจการสั่งไม่ฟ้องคดีของอดีตอัยการสูงสุดท่านหนึ่งและตรวจสอบพบว่าการสั่งคดีของพนักงานอัยการชั้นผู้ใหญ่หลายท่าน ไม่เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง จนเป็นเหตุให้กระผมเสนอความเห็นต่ออัยการสูงสุดเห็นควรให้ดำเนินการทางวินัยร้ายแรงกับพนักงานอัยการชั้นผู้ใหญ่หลายท่านที่เกี่ยวข้องกับการสั่งไม่ฟ้องคดีบุกรุกป่า 6 พันไร่เศษเรื่องนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการจัดฉาก เพื่อทำให้กระผมเสื่อมเสียชื่อเสียง ลดทอนความ น่าเชื่อถือในตัวกระผมหรือไม่

11.บางสำนักข่าว รายงานข่าวว่า กระผมไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอภิปรายคัดค้าน มติ ก.อ. ที่เห็นควรให้อัยการหญิงคนดังกล่าวย้ายไปประจำที่สำนักงานอัยการจังหวัดภูเก็ตตามคำขอ กระผมขอเรียนชี้แจงว่า ในการประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการแต่งตั้ง(โต๊ะเล็ก)ครั้งก่อน กระผมได้อภิปรายและมีความเห็นไปแล้ว ว่าท่านไม่เหมาะสมอย่างไรเพราะเหตุผลอะไร จึงเชื่อว่าเป็นเหตุให้อัยการหญิงในข่าวไม่พอใจ โดยเป็นการนำมาสู่การไปแจ้งความกระผมในภายหลัง หลังจากทราบมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการแต่งตั้ง (โต๊ะเล็ก)ตามที่กระผมเสนอแล้ว ในครั้งนี้เป็นการลงมติแบบลงคะแนนรายบุคคล ซึ่งกระผมมีเพียงเสียงเดียว จึงไม่มีประโยชน์ที่จะไปทัดทานความเห็นของเสียงส่วนมากได้

12.ตามข่าวที่บางสำนักแจ้งว่า อัยการหญิงมาร้องขอความเป็นธรรมกรณีโยกย้ายไม่เป็นธรรม โดยไม่มีประเด็นตามข่าวกรณีที่กล่าวหาว่ากระผมกระทำอนาจาร จึงเป็นที่น่าสงสัยว่าเพราะเหตุใดจึงไม่มีประเด็นดังกล่าว หากมีเรื่องเสื่อมเสียแบบนั้นจริง และต่อมาคณะกรรมการอัยการก็พิจารณาให้อัยการหญิงได้โยกย้ายตามคำขอ ถือเป็นเรื่องปกติใช่หรือไม่ อย่างไร หรือมีบุคคลใดวางแผนให้อัยการหญิงแจ้งความกระผม ให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง เพื่อแลกกับการได้ย้ายตามคำขอ

13.บางสำนักข่าว เสนอข่าวว่า กระผมตัดสายทิ้ง ต้องขอเรียนว่า กระผมไม่ทราบจริงๆว่าผู้ใดโทรมาบ้าง เกรงว่าจะเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วยซ้ำ กระผมต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่ไม่ได้รับสายเบอโทรฯ แปลกๆ ดังนั้น กระผมขอถือโอกาสชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านข้อความตามเอกสารฉบับนี้

14.ประการสุดท้าย มีบางสำนักข่าว ลงข่าวว่า กระผมมีสีหน้าเคร่งเครียด กระผมขอเรียนชี้แจงว่า จะให้กระผมทำหน้าตายิ้มแย้มได้อย่างไร กระผมรับราชการอัยการมากว่า 37ปี ไปทานข้าวกับอัยการมากหน้าหลายตา ทั้งผู้หญิงและผู้ชายนับครั้งไม่ถ้วน ไม่เคยมีข่าวเสื่อมเสียเลย เหตุใดเพิ่งจะมาเป็นข่าวหลังจากกระผมเป็นคณะทำงนคดีใหญ่คดีสำคัญคดีหนึ่ง และที่กระผมมีสีหน้าไม่สบายใจ เหตุเพราะว่าการแสดงความคิดเห็นของกระผมในที่ประชุม ก.อ. ควรเป็นความลับ เพื่อความเป็นมืออาชีพ ในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้ายให้คุณให้โทษพนักงานอัยการ เหตุใดความเห็นของกระผมถึงหลุดรอดออกไปนอกห้องประชุมได้จนเป็นเหตุให้อัยการหญิงท่านดังกล่าวไม่พอใจ จึงเป็นที่มาของข่าวที่เกิดขึ้นนี้

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จตุพร' แฉยับ 'ทักษิณ' จัดฉาก สร้างดราม่าไปบ้านจันทร์ส่องหล้า อีก 1-2 เดือนประเทศเสียหาย

นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ว่า การออกจาก รพ.ตำรวจ ไปพักโทษที่บ้านจันทร์ส่องหล้าของทักษิ

ทบ. ลงโทษ 'สิบเอก' บุกลวนลามทหารหญิง งดบำเหน็จ จำขัง และให้ย้ายออกจากบ้านพัก

พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวถีงกรณีที่มีอาสาสมัครทหารพรานหญิงได้มายื่นหนังสือเอกสารร้องเรียนที่ ศูนย์รับเรื่องร้องเรียนกองทัพบก ที่กองบัญชาการกองทัพบก กรณีถูกนายสิบทหารบุกรุกเข้าบ้านพักในค่ายทหาร พยายามลวนลามในผู้เสียหาย

'นก จริยา' เปิดใจหลังลูกสาวถูกคุกคามบนเครื่องบิน ขอบคุณฮีโร่ชาวลาวที่ช่วย

ก่อนหน้านี้นักแสดงมากความสามารถ นก-จริยา แอนโฟเน่ ได้โพสต์ลงอินสตราแกรมเล่าเหตุการณ์ลูกสาวถูกคุกคามบนเครื่องบิน จนโรคแพนิกที่เคยดีขึ้นแล้วกลับมาแย่ลง ล่าสุดเจ้าตัวเปิดใจครั้งแรกถึงเหตุการณ์ดังกล่าว ในรายการคุยแซ่บ SHOW

ตั้งกก.สอบ 'สารวัตรฉาว' ลวนลามนางเอกดัง ชี้โทษหนักถึงให้ออกจากราชการ

พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รองผบช.น.ในฐานะโฆษก บช.น.เปิดเผยถึงกรณีที่ น.ส.ใจบัว ฮิดดิง นางเอกสาวเข้าแจ้งความเอาผิดกับตำรวจตำแหน่ง “สารวัตรสอบสวน”

'นางเอกดัง' แจ้งความถูกสารวัตรลวนลาม 'ทนายตั้ม' ร้อง บช.น.ตั้งกก.สอบ

น.ส.ใจบัว ฮิดดิง อายุ 26 ปี นักแสดงชาวไทยลูกครึ่งฮอลแลนด์ สังกัดช่องหลายสี พร้อมด้วย ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.นเรนทร์ เครื่องสนุก ผกก.สน.คันนายาว