สอบตกทุกข้อ! ยก 10 นโยบายประเมินผลงาน 6 เดือน 'รัฐบาลเศรษฐา'

10 มี.ค.2567-นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา(สว.) โพสต์เฟซบุ๊ก Somchai Swangkarn เรื่อง “6เดือนรัฐบาลเศรษฐา  #สอบตกทุกข้อ” ระบุว่า นับแต่วันที่11กันยายน 2566 ที่ นายเศรษฐา นำคณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา บัดนี้ครบ6เดือนแล้ว คำมั่นสัญญาที่แถลงเป็นสัญญาประชาคมต่อประชาชนไทยว่า จะใช้ความรู้ความสามารถ ตามหน้าที่และอำนาจที่ได้รับมอบไปทำงานอย่างหนักทุ่มเพื่อให้เกิดผลสำเร็จต่อประเทศชาติ หากถามว่า ครบ6เดือนแล้วมีนโยบายใดบ้างที่ประสพความสำเร็จลุล่วงบ้าง ความเห็นส่วนตัวคิดว่า น่าจะไม่มีโดยมีเหตุผลสนับสนุนดังนี้

1.นโยบายกู้5แสนล้านมาแจกเป็นเงินดิจิทัลคนละ1หมื่น คงเป็นไปไม่ได้ เพราะทั้งเสี่ยงผิดกฎหมาย และไม่กระตุ้นเศรษฐกิจได้จริงจัง เป็นความเสี่ยงที่ได้ไม่คุ้มเสีย ท้ายที่สุดคงต้องยก#เลิกโครงการ 2.การแก้ไขปัญหาหนี้สินให้เกษตรกรและประชาชนซึ่งเป็นปัญหาสะสมและซับซ้อนเป็นเรื่องยาก ต้องใช้เวลานาน แม้จะริเริ่มดี แต่คงใช้เวลานานมาก และอาจประสพสำเร็จเฉพาะบางรายบางกลุ่มเท่านั้น 3.การแก้ปัญหาพลังงานเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าชั่วคราว  ด้วยการควบคุมราคา ลดการเก็บภาษีสรรพสามิต ยืดชำระหนี้ค้างจ่ายกว่า1แสนล้านแก่กฟผ.ไปก่อน : ยังไม่ได้แก้ปัญหาโครงสร้างพลังงานทั้งระบบ

4.การยกเลิกวีซ่ากับหลายประเทศ เช่นจีน เป็นเรื่องที่ดี ประสพความสำเร็จต่อยอดงานกิจการด้านต่างประเทศ ที่มีการเจรจากันมาแต่เดิม. แต่มีปัญหาเรื่องที่รัฐบาลอยากได้นักท่องเที่ยวเข้าเมืองมาก จนละเลยปัญหาคุณภาพนักท่องเที่ยว ละเลยปัญหาเรื่องความปลอดภัยและความมั่นคง  โดยเฉพาะระบบลงทะเบียนอิเลคโทรนิคส์ล่วงหน้า เพื่อตรวจสอบข้อมูลบุคคล อาชีพ การลงทะเบียน ถิ่นพำนักในไทย และอื่นๆ  ทำให้ขาดระบบตรวจสอบก่อนอนุญาตเข้าเมือง ต่างจากบางประเทศแม้จะอนุญาตฟรีวีซ่าในกับคนไทยแต่ยังใช้ระบบตรวจสอบนี้อยู่ เช่นเกาหลี ญี่ปุ่น จีน ฯลฯ 5.ความร่วมมือกับภาคธุรกิจจัดแสดงสินค้าและงานเทศกาลระดับโลก น่าจะพอจะมีความหวังกระตุ้นการท่องเที่ยว เช่นงานเทศกาลสงกรานต์ไทย ที่นักท่องเที่ยวชื่นชอบและรู้จักเป็นอย่างดี  แต่การจัดอีเว้นท์ต่อเนื่องทั้งเดือนและหลายพื้นที่ทั่วประเทศมากไป  ทำให้ขาดจุดเด่นเฉพาะที่น่าสนใจและอาจสิ้นเปลืองงบประมาณที่หมดไปกับงานจัดอีเวนท์ในโครงการซอฟท์พาวเวอร์กว่า5พันล้านหรือไม่ เป็นเรื่องที่ต้องรอติดตามตรวจสอบต่อไป

6.การปรับปรุงสนามบินและสายการบิน.   :ยังไม่เห็นการแก้ไขปรับปรุงที่เป็นรูปธรรม 7.การแก้ไขปัญหาทุจริตคอรัปชั่น        :ไม่เห็นความตั้งใจและความพยายามอย่างจริงจังใดๆ 8.การปราบปรามการเอาเปรียบนักท่องเที่ยวต่างชาติ   : ยังไม่เห็นรูปธรรมชัดเจน 9.การแก้ไขปัญหารความเห็นต่างเรื่องรัฐธรรมนูญ :ไม่มี ความคืบหน้าอย่างแท้จริง 10.การฟื้นฟูหลักนิติธรรม ที่เข้มแข็งมีประสิทธิภาพ โปร่งใส เป็นที่ยอมรับจากนานาชาติ :ข้อนี้เห็นผลเป็นภาพลบที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมมากที่สุด ในกรณีใช้อำนาจบริหาโทษ ของกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม และโรงพยาบาลตำรวจ กรณีนักโทษเด็ดขาดนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี จนประชาชนเสื่อมศรัทธาและขาดความเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมไทย

สรุปจากการประเมินผลงานรัฐบาล6เดือนโดยพิจารณาตรวจดูจากการทำงานในประเทศ การเดินทางไปราชการในประเทศและ การเดินทางไปต่างประเทศมากที่สุดในบรรดานายกรัฐมนตรีไทยที่เคยมีมา 6เดือน16ประเทศ โดยเทียบจากคำแถลงนโยบายเร่งด่วนทั้ง10ข้อนี้ แล้ว

ท่านใดจะประเมินผลงานอย่างไรนั้นไม่ขอก้าวล่วง  แต่ความเห็นส่วนตัวนั้น ได้พิจารณาแล้ว ขอให้คะแนนสอบตกทุกข้อครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

พนัส อดีตสว.-อดีตสสร. คัดเลือกสภาสูง 2567 ฝ่ายประชาธิปไตยมีสิทธิลุ้น

ความเคลื่อนไหวการได้มาซึ่ง"สมาชิกวุฒิสภา"(สว.) ชุดใหม่ ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ล่าสุดที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันอังคารที่ 23 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้อนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. ....

'ช่อ' ฟาดกลับ กกต. เอาอำนาจอะไรมาห้ามรณรงค์ประชาชนสมัคร สว. บอกมาให้ชัดผิดระเบียบข้อไหน

นางสาวพรรณิการ์ วานิช อดีต สส.พรรคบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และโฆษกคณะก้าวหน้า กล่าวถึงกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกประกาศว่าไม่สามารถจูงใจหรือชี้ชวนบุคคลให้สมัครเป็น สว. ได้ ว่า เรื่องนี้ต้องแยกให้ชัดว่า กกต. กำลังทำอะไรอยู่กันแน่

แฉเล่ห์ 'พท.' วางยาแก้ รธน. ล็อกคำถามประชามติครั้งแรก

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า พรรคเพื่อไทยจริงใจแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่

รัฐบาลตีปี๊บ ประกวด 'ข้าวหอมมะลิไทย' ช่วยยกคุณภาพชีวิตเกษตรกร

รัฐบาลหนุนเกษตรกรและโรงสี จัดประกวดข้าวหอมมะลิไทยปี 2566 เฟ้นหาและอนุรักษ์พันธุ์ข้าวไทยคุณภาพชั้นเลิศ พร้อมขยายช่องทางการจำหน่าย