22 มิ.ย. 2567 - ร.ศ.หริรักษ์ สูตะบุตร อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เฟซบุ๊กว่า ขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรเริ่มพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2568 ในวาระแรก ดูกันตามเนื้อผ้าจริงๆ บอกได้เลยว่าไม่ควรให้ผ่าน ไม่ต้องไปถึงขั้นกรรมาธิการ และขั้นแปรญัตติ ในวาระ 3 ด้วยซ้ำ
เหตุผลก็คือ รัฐบาลชุดนี้จัดทำงบประมาณขึ้นเพื่อโครงการแจกเงินตามนโยบาย digital wallet โดยแท้ เริ่มตั้งแต่การตั้งงบกลางถึงกว่า 8 แสนล้านบาท สูงที่สุดเป็นอันดับ 1 สูงกว่างบของกระทรวงต่างๆทุกกระทรวง ซึ่งยังไม่เคยเห็นรัฐบาลไหนทำเช่นนี้
พูดอย่างง่ายๆ งบกลางก็คือ งบรายจ่ายที่ตั้งขึ้นสำรองไว้ ในกรณีที่ไม่สามารถกำหนดรายละเอียดล่วงหน้าได้ และทุกหน่วยราชการมีโอกาสต้องใช้ รัฐสภาเพียงอนุมัติกรอบวงเงินของการใช้จ่ายเท่านั้น เช่นงบค่ารักษาพยาบาลสำหรับข้าราชการ ซึ่งทุกหน่วยราชการต้องใช้แต่ไม่สามารถทราบได้แน่นอนว่าต้องใช้เท่าใด จึงต้องตั้งเป็นงบกลาง นอกจากนั้นยังมีไว้สำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น เรียกว่า รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น แต่รัฐบาลนี้จัดเงินส่วนหนึ่งในงบกลางเพื่อใช้กับ digital wallet ทำให้ปี 2568 มีจำนวนเงินสูงเป็นอันดับ 1 สูงกว่าทุกกระทรวง ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลไหนทำแบบนี้มาก่อน ปัญหาคือหากมีกรณีฉุกเฉินที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน งบกลางจะมีเงินพอหรือไม่
นอกจากงบกลางแล้ว ตามที่คุณศิริกัญญา ตันสกุล แห่งพรรคก้าวไกลอภิปรายในสภา รัฐบาลตั้งใจนำงบประมาณที่จะใช้กับ digital wallet มาแฝงไว้ในงบลงทุน ทั้งที่เป็นการแจกเงินไม่ใช่การลงทุน ทำให้สัดส่วนของงบลงทุนดูสูง แต่ความจริงไม่ได้สูงแต่กลับต่ำกว่าปีที่แล้วด้วยซ้ำ
งบประมาณปี 2568 จึงเป็นงบประมาณที่ขาดดุลมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ และเป็นงบประมาณที่ต้องกู้เงินจนเกือบเต็มเพดาน
ชัดเจนว่า นอกจากรัฐบาลจะชะลอการลงทุน และเปลี่ยนแปลงรายการงบประมาณปี 2567 เพื่อให้มีเงินเหลือจ่ายสำหรับโครงการ digital wallet แล้ว ยังตั้งงบประมาณปี 2568 โดยใช้โครงการ digital wallet เป็นตัวตั้ง ทำทุกอย่างเพื่อแจกเงินให้ได้ แม้ยังไม่มีเงินสักบาทเดียวก็ตาม
นายกรัฐมนตรีกล่าวชี้แจงยืนยันในสภาว่า เงิน digital wallet จะเริ่มแจกได้ตามกำหนดคือประมาณเดือนตุลาคมแน่นอน เพื่อให้เกิดพายุหมุนทางเศรษฐกิจ รัฐบาลก็จะไดัเงินกลับมาจากการเก็บภาษี เพื่อจะได้นำเงินนั้นมาลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศต่อไป ฟังแล้วก็ต้องมีคำถามคำโตว่า หากต้องการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ทำไมจึงต้องนำเงินที่กู้มาไปแจกเสียก่อน แล้วจึงรอให้ได้กลับมาจากการเก็บภาษี ซึ่งจะได้กลับมาเท่าใดก็ยังไม่ทราบ ทำไมไม่นำเงินที่กู้มาไปลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันโดยตรงแทนที่จะนำไปแจกก่อน ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นก็จะทำได้สะดวกและไม่มีใครค้านแน่ๆ
เพราะเหตุใด รัฐบาลจึงต้องทำเช่นนี้ และทำไมจึงกล้านำประเทศชาติไปเดิมพัน ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของต่างประเทศที่มีต่อประเทศไทย เพื่อแจกเงิน digital wallet ให้ได้ เหตุผลของการนำประเทศชาติไปเดิมพัน คงไม่ใช่เพียงเพราะต้องการรักษาหน้า อย่างที่พรรคก้าวไกลเสียดสีว่า "เจ๊งไม่ว่า เสียหน้าไม่ได้ " เท่านั้น แต่อาจเป็นเพราะว่า หากทำแล้วประเทศชาติเจ๊งก็ไม่ใช่เงินตัวเอง แต่ถ้าไม่ทำ ประเทศชาติไม่เจ๊งแต่อาจมีบางคนต้องเจ๊งอย่างมหาศาลก็ได้ จึงต้องดันทุรัง ดิ้นรนทุกวิถีทางเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ตามเนื้อผ้าแม้พ.ร.บ.งบประมาณ 2567 จะไม่ควรผ่านสภาได้ เพราะมีความไม่ปกติมากเกินไป แต่ในความเป็นจริงก็เชื่อได้เลยว่า จะผ่านไปได้ทั้ง 3 วาระ นั่นเพราะรัฐบาลมีเสียงข้างมาก ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดี ควรหรือไม่ควร ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลก็คงจะยกมือให้ แม้ว่า นโยบายแจกเงิน digital wallet จะทำให้ประเทศชาติเป็นหนี้อย่างมหาศาล ไม่ใช่เพื่อการลงทุน แต่เพื่อนำมาแจกตามนโยบายของพรรคแกนนำ และอาจนำประเทศชาติลงเหวได้ในอนาคตหากทำให้ต้องผิดนัดชำระหนี้
อยากถามว่า สส.พรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ยังจะยอมโหวตให้ พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่าย ประจำปี 2568 ที่มีความเสี่ยงสูงเช่นนี้ผ่านสภาผู้แทนราษฎรอีกหรือ พวกท่านนึกถึงประเทศชาติกันบ้างหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'แจกเงินหมื่น' เฟส 3 ไม่ใช้แอปเป๋าตัง กำลังจัดซื้อจัดจ้างพัฒนาระบบ คาดเสร็จ มี.ค.68
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดทำแอปพลิเคชันที่ใช้ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เงิน 10,000 บาท เฟส 3 หลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกมนตรี
'สนธิญา' ยื่นหลักฐานเพิ่ม ร้องศาลรธน. สั่ง 'อิ๊งค์' หยุดปฏิบัติหน้าที่ แจกเงินหมื่นไม่ตรงปก
นายสนธิญา สวัสดี นำเอกสารหลักฐานไปยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยรัฐบาลดำเนินโครงการแจกเงินหมื่นแตกต่างจากนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต 10,000 บาท
รัฐบาลโต้ถังแตก ขึ้นภาษีแวต 15% โยนคลังสรุปให้ชัดก่อน
'ภูมิธรรม' บอกรอคลังสรุปให้ชัดเจน ปมขึ้นภาษีแวต 15% ปัดถังแตกจากโครงการแจกหมื่น ยันทำให้ประชาชนเดือดร้อนน้อยที่สุด
'สุริยะใส' เขย่า 'แจกเงินหมื่น' หอกทิ่มแทง วัดใจจุดเปลี่ยนรัฐบาลแพทองธาร
“สุริยะใส” ชี้จุดสลบใหญ่เรื่องเศรษฐกิจ นโยบายเรือธงอย่างดิจิทัล แจกเงินหมื่นเป็นหอกทิ่มแทง วัดใจจุดเปลี่ยนของรัฐบาลแพทองธาร
'นิพนธ์' ซัดรัฐบาลแจกเงินหมื่น เฟส 2 หวังผลการเมือง ไม่ใช่กระตุ้นเศรษฐกิจ
นายนิพนธ์ บุญญามณี อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย-อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และอดีตนายก อบจ. พรรคประชาธิปัตย์ ได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ เฟส 2 ของรัฐบาล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยมีการแจกเงินสด 10,000 บาท ให้แก่ผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่ลงทะเบียนในระบบและยืนยันตัวตนแล้ว รวมกว่า 4 ล้านคน