
30 ก.ย.2567-นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เปิดเผยว่า วันที่ 1 ต.ค.67 ประมาณ 9.09 น. ตนจะไปยื่นหนังสือเพื่อขอให้ กกต. ตรวจสอบนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) กรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ตั้งแต่เป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 ส.ค.2567 จนถึงวันที่ 3 ก.ย.2567 ว่าเข้าข่ายมีความไม่ซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) หรือไม่ และการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ข้อ 8 หรือไม่ และเข้าข่ายเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามความในรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่
กรณี บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด เพิ่งมีการโอนหุ้นจากนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ไปให้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เมื่อต้นเดือนกันยายน ซึ่งเมื่อใช้เวลาตรวจสอบสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและหมายเหตุประกอบงบการเงินและเอกสารที่เกี่ยวข้องแล้ว มีเหตุอันควรขอให้ กกต. ตรวจสอบต่อไป ดังนี้
1. หมายเหตุประกอบงบการเงินบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2566 หมายเหตุ 8 ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ – สุทธิ (ต่อ) ระบุว่า “ที่ดินส่วนใหญ่ของบริษัทพื้นที่ประมาณ 444 ไร่ มีมูลค่าจำนวนเงินรวม 286.29 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้รับการจดทะเบียนการโอนขายที่ดินมรดกจากมูลนิธิมหากุฎราชวิทยาลัยในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยกรมที่ดิน จังหวัดปทุมธานี ตั้งแต่ปี 2533 ต่อมาในปี 2544 อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 2308/2544 ให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินแปลงดังกล่าวของบริษัท และในปี 2545 บริษัทอุทธรณ์คำสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนทั้งในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายต่ออธิบดีกรมที่ดิน และผู้รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทยได้มีคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน แต่ว่าวันที่ 17 ก.พ.2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางได้อ่านคำสั่งศาลฎีกายืนคำพิพากษาให้ลงโทษอาญากับผู้รักษาราชการแทนปลัดกระทรวงมหาดไทยสำหรับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินดังกล่าว
ซึ่งในระหว่างปี 2562 จนถึงวันที่ 31 ธ.ค.2562 บริษัทยังไม่ได้รับข้อมูลหรือการประสานงานเกี่ยวกับประเด็นกรรมสิทธิ์ที่ดินสนามกอล์ฟจากหน่วยงานของรัฐแต่อย่างไร ฝ่ายบริหารของบริษัทได้พิจารณาประเมินความเสี่ยง ระบุผลกระทบอันอาจเกิดขึ้นและแนวทางในการบริหารความเสี่ยงเกี่ยวกับประเด็นกรรมสิทธิ์ในที่ดินสนามกอล์ฟส่วนใหญ่ของบริษัทดังกล่าว และคาดว่าจะยังไม่มีผลกระทบต่อการใช้ประโยชน์ในที่ดินสนามกอล์ฟสำหรับการดำเนินการให้บริการสนามกอล์ฟต่อสมาชิกของบริษัทในอนาคต”
2. ตามหลักฐานที่ขอคัดจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 2567 บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ได้ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ซึ่งเป็นการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 และมีการอนุมัติงบการเงิน รอบปีปัญชี 31 ธันวาคม 2566 ด้วย
3. สำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 ลำดับที่ 4 ปรากฏชื่อนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถือหุ้นจำนวน 22,410,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 74,700,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ระบุเลขหมายใบหุ้น 5229001-74700000 ลงวันที่ 08/09/2559 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 11/01/2544
4. ต่อมา ตามหลักฐานที่ขอคัดจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า พบว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย.2567 บริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ได้ส่งสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (บอจ.5) ซึ่งคัดจากสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 ลำดับที่ 1 ปรากฏชื่อคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ถือหุ้น 2 จำนวน คือ 1.จำนวน 7,470,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 74,700,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 10 ระบุเลขหมายใบหุ้น 17430028-24900027 ลงวันที่ 8/9/2559 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 11/1/2544 และ 2.จำนวน 22,410,000 หุ้น จากจำนวนหุ้นทั้งหมด 74,700,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ระบุเลขหมายใบหุ้น 52290001-74700000 ลงวันที่ 3/9/2567 วันลงทะเบียนผู้ถือหุ้น 3/9/2567
5. จากข้อมูลข้างต้น จึงน่าจะเชื่อได้ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้โอนหุ้นจำนวน 22,410,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด ให้แก่คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2567 เนื่องจากเลขหมายใบหุ้น 52290001-74700000 ตรงกัน ดังนั้น จึงทำให้เข้าใจได้ว่า ในวันประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 30 เมษายน 2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ต้องรู้หรือควรรู้ว่าที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ตามที่ระบุไว้ในหมายเหตุประกอบงบการเงินบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค. 2566 หมายเหตุ 8 ที่ดิน อาคารและอุปกรณ์ – สุทธิ จำนวน 444 ไร่นั้น เป็นที่ดินที่อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 2308/2544 ให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินแปลงดังกล่าวไปแล้ว ผู้บริหารบริษัท และผู้ถือหุ้นบริษัท ซึ่งนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เคยเป็นอยู่ ย่อมต้องรู้ว่า ที่ดินสนามกอล์ฟ 444 ไร่ดังกล่าวยังคงมีปัญหาความไม่ชอบด้วยกฎหมาย
6. ดังนั้น การที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี นับตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.2567 มาจนถึงปัจจุบัน แต่ในวันที่ 3 ก.ย.2567 นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เพิ่งมาโอนหุ้นจำนวน 22,410,000 หุ้นในบริษัทดังกล่าวให้คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ กรณี จึงอาจทำให้เห็นได้ว่า นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ย่อมต้องรู้หรือควรรู้ว่า การเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าว ซึ่งมีที่ดินจำนวน 444 ไร่นั้น ที่อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 2308/2544 ให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินแปลงดังกล่าวไปแล้ว ย่อมอาจจะเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรม ทั้งนี้ ตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขแดงที่ คมจ.1/2565 วันที่ 7 เม.ย.2565 และตามแนวคำพิพากษาศาลฎีกา คดีหมายเลขแดงที่ คมจ.2/2566 วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2566 ประกอบกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 21/2567 วันที่ 14 ส.ค.2567
7. จากข้อเท็จจริงที่กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับพยานเอกสารจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้าและเอกสารข่าวที่เกี่ยวข้อง จึงน่าจะเพียงพอเพื่อให้ กกต. ใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม เพื่อส่งเรื่องกรณีที่นายกรัฐมนตรี (นางสาวแพทองธาร ชินวัตร) ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ตั้งแต่วันที่ 16 ส.ค.2567 จนถึงวันที่ 3 ก.ย.2567 ซึ่งบริษัทมีที่ดินจำนวน 444 ไร่ ที่อธิบดีกรมที่ดินได้มีคำสั่งที่ 2308/2544 ให้เพิกถอนการจดทะเบียนที่ดินแปลงดังกล่าวแล้ว ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยโดยเร็วว่า กรณีดังกล่าวจะเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลงเฉพาะตัว หรือไม่
นายเรืองไกร สรุปทิ้งท้ายว่า ได้แนบสำเนางบการเงินของบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2566 และสำเนา บอจ.5 รวมทั้งเอกสารสำเนาข่าวที่เกี่ยวข้องให้ กกต.ด้วย แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดต่อสื่อมวลชน เนื่องจากบางส่วนเป็นข้อมูลส่วนบุคคล
ทั้งนี้ แบบ บอจ.5 ณ วันที่ 30 เม.ย. 2567 นามสกุลคุณหญิงพจมาน สะกดด้วยคำว่า “ดามาพงษ์” แต่ตามแบบ บอจ.5 ณ วันที่ 4 ก.ย. 2567 นามสกุลคุณหญิงพจมาน สะกดด้วยคำว่า “ดามาพงศ์” นอกจากนี้ เลขหมายใบหุ้นของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ตามแบบบอจ.5 ณ วันที่ 30 เม.ย. 2567 ที่ระบุว่า 5229001-74700000 น่าจะตก 0 ไปหนึ่งตัว ที่ถูกควรจะเป็น 52290001-74700000
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สส.บริจาคภัยพิบัติเต็มที่ ท้องถิ่นระวังช่วง180วัน!
กกต.ไฟเขียวบริจาคช่วยภัยพิบัติ สส.-สมาชิกพรรค ทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท
กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด
กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก
กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ
กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้
กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568
สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444
ปี69เดือด!เลือกตั้งทุกระดับ 'กกต.-ประชาชน'ตัดสินอนาคต
ปี 2569 กลายเป็นปีที่ท้าทายที่สุดสำหรับประชาธิปไตยไทย ด้วยการเลือกตั้งหลายระดับที่กระชั้นชิดกันอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ที่คาดว่าจะพ่วงด้วยการลงประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบันทึกความเข้าใจ (MOU)
กกต. ไม่มีปัญหาถ้าพรุ่งนี้ยุบสภา ก็พร้อมจัดการเลือกตั้ง-ทำประชามติ
เลขาฯกกต. กล่าวถึงความพร้อมการเลือกตั้งอบต. 11 ม.ค.2569 ว่า เราได้ตื่นตัวและสื่อสารไปยังพื้นที่ และหน่วยงานองค์การบริหารส่วนตำบลที่จะทำการเลือกตั้ง รวมทั้งถ้าจะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน


