'มท.1' แย้ม มี.ค. ได้ฤกษ์เคาะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. คาดหย่อนบัตร พ.ค.นี้

‘มท.1’ แจงกระทู้สด ส.ว. แย้มชงเคาะเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.-นายกเมืองพัทยา มี.ค. คาดหย่อนบัตรได้เดือน พ.ค. ปัดมีลับลมคมใน ชี้ทุกอย่างมีขั้นมีตอน

31 ม.ค. 2565 – เมื่อเวลา 10.40 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ตั้งกระทู้ถามด้วยวาจา ถาม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เรื่องกำหนดวันเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ว่า ที่ตนต้องตั้งกระทู้ถามด้วยวาจานี้ เพื่อสอบถามรัฐบาล เพราะแม้แต่รองนายกรัฐมนตรีที่เป็นพรรคร่วมรัฐบาลก็ยังสงสัยว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และ ส.ก.ยังงึมงำมีลับลมคมในเหมือนมีอะไรซ่อนเร้น การพูดจาลักษณะอย่างนี้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อรัฐบาล และก่อให้เกิดความสับสนต่อคน กทม. ตนหวังว่าคำตอบในวันนี้จะเกิดความชัดเจนต่อคน กทม. ส.ส.ใน กทม.ทุกเขตก็มีการเลือกตั้งไปแล้วและเห็นว่ามีความเรียบร้อย โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่เขตหลักสี่-จตุจักรก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แปลว่ามีการเลือกตั้งได้

ที่ผ่านมาเมื่อหมดวาระเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดการเลือกตั้ง แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่บทเฉพาะกาลกำหนดว่าหากจะมีการเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) รวมถึง กทม. และพัทยา ต้องให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้ประกาศกำหนด ซึ่งจะเห็นว่าองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และเทศบาลก็ได้จัดให้มีการเลือกตั้งไปแล้วหลายจังหวัด ทั้งจังหวัดรอบๆกทม. อาทิ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ สมุทรสาคร และ ส.ส.หลายจังหวัดก็จัดให้มีการเลือกตั้งไปแล้ว กทม. เป็นเมืองหลวงมีประชากร และมีปัญหามากกว่าจังหวัดอื่น เชื่อว่ามีความตื่นตัวทางการเมืองมากด้วย จากสถานการณ์รอบๆ คน กทม. รวมถึงพรรคการเมืองต่างๆ อยากให้มีการเลือกตั้งจนประกาศตัวหลายพรรคไปแล้ว

“ถามว่ารัฐบาลรออะไร มีเหตุผลอะไรพิเศษหรือไม่จึงยังไม่ประกาศให้ชัดเจนว่าจะมีการเลือกตั้งเมื่อไหร่ เพราะไม่อยากให้ใครมากล่าวหารัฐบาลว่ากำลังคิดจะส่งใครลงแล้วจะเอาเปรียบเขาหรือไม่ พรรคร่วมรัฐบาลบางพรรคที่เป็นแกนนำรัฐบาลเล่นเงื่อนซ่อนกลอะไรหรือไม่ จึงขอให้รัฐบาลตอบให้ชัดเจน” นายวันชัย ระบุ

ทั้งนี้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงแทนนายกรัฐมนตรีว่า การเลือกตั้งองค์กรปกครองส่วนท้งถิ่น (อปท.) รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้กำหนดไว้ว่าถ้าจะมีการเลือกตั้ง อปท. รูปแบบใดให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้กำหนด หลังจากรัฐธรรมนูญประกาศบังคับใช้มีการออกกฎหมายที่เกี่ยวข้องตามลำดับ โดยกระทรวงมหาดไทย และ กกต. ได้หารือเรื่องความพร้อม ทั้งเรื่องการประกาศจำนวนราษฎร ถ้าเป็นบางรูปแบบจะต้องรวมหมู่บ้านและจัดเตรียมงบประมาณ และนำเรื่องเข้า ครม. เพื่อกำหนดว่าจะกำหนดเลือกตั้ง อปท. รูปแบบใด ซึ่งที่ผ่านมีการเลือกตั้ง อบจ. จากนั้นเลือกตั้งเทศบาล และ อบต. เรียบร้อย คงเหลือ กทม. และพัทยา ในขณะนี้ โดยกำลังประสานงานระหว่างกระทรวงมหาดไทยกับ กกต.อยู่ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยโดยสำนักทะเบียนกลางได้ประกาศจำนวนราษฎร ณ วันที่ 31 ธ.ค. 64 ปกติจะประกาศวันที่ 31 มี.ค. โดยลงราชกิจจานุเบกษาเรียบแล้วเมื่อวันที่ 18 ม.ค. 65 เราได้เตรียมการเรื่องราษฎรที่จำเป็นต้องนำไปใช้แบ่งเขตจำนวนสมาชิกของ อปท. เขาไม่ได้อยู่เฉยๆ แต่กำลังดำเนินการกันอยู่ เพื่อให้พร้อมเลือกตั้งได้ ไม่ได้มีลับลมคมในอะไร

รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขณะที่เรื่องงบประมาณเตรียมพร้อมแล้ว คาดว่าหลังวันที่ 21 ก.พ.เป็นต้นไปกระทรวงมหาดไทย และ กกต.จะหารือร่วมกัน เพื่อนำเข้าครม. ในช่วงต้นมี.ค. จากนั้นครม.จะมีมติอย่างไร สัปดาห์ถัดไปจะแจ้ง กกต.ให้ประกาศ เบื้องต้นที่คาดการณ์ได้คือปลายเดือนมี.ค.ที่จะทราบว่า กกต.จะประกาศให้มีการเลือกตั้งในวันใด ส่วนจะเป็นการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พร้อมกับนายกเมืองพัทยา หรือแยกกันนั้นต้องขึ้นอยู่กับมติครม. ตนตอบแทนไม่ได้

“จากที่มีมติครม. ต้องประกาศ และหลังจากประกาศเลือกตั้งต้องจัดเลือกตั้งภายใน 60 วัน เบื้องต้นคาดการณ์ว่าในเดือนพ.ค. จะเหมาะสม เพราะไม่ติดวันหยุดสงกรานต์ หรือเทศกาลของบางศาสนา อย่างไรก็ตามการทำงานมีขั้นมีตอน ไม่ได้นิ่งเฉย ไม่ได้ยื้อ และทำตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่เกี่ยวกับการมีเงื่อนงำหรือการดึงการเลือกตั้ง เพื่อประโยชน์กับพรรคการเมืองใด ทั้งนี้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และส.ก. คาดว่าจะจัดการเลือกตั้งไปในคราวเดียวกัน ส่วนกทม.และพัทยา ไม่มีปัญหาซ้ำซ้อน หรือปัญหาทับซ้อนพื้นที่ ดังนั้น การหารือจะเสนอให้จัดการเลือกตั้งไปพร้อมกัน” รมว.มหาดไทย ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' สวน พท. ใครทำงานห่วย ยุครัฐบาลนิด-อิ๊งค์ ติดโพลอันดับ 2

'อนุทิน' สวนเพื่อไทย ถ้าทำงานห่วย คนตั้งก็แย่สิ ยุครัฐบาล 'อิ๊งค์ - เศรษฐา' ผลโพลชี้ชัดนั่งแท่นอันดับ 2 ทิ้งห่าง พท. หัวเราะให้คะแนนตัวเอง 'เดี๋ยวจะหาว่าคุย'

นายกฯ ประธานพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตร ถวายพระราชกุศล 'ร.9'

นายกฯ เป็นประธานในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ 'ในหลวง ร.9' วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค. 2568

กกต.ขยับรับสมัครอบต.ใต้เป็น 8-12 ธ.ค. เหตุอุทกภัยกระทบหลายจังหวัด

กกต.ปรับรอบรับสมัครเฉพาะ 5 จังหวัดน้ำท่วม ส่วนจำนวน อบต.ทั่วประเทศลดเหลือ 4,985 แห่งจากการยกฐานะเป็นเทศบาล ต้องแบ่งเขตใหม่ก่อนจัดเลือกตั้งช่วงเมษายน 2569 หลายพื้นที่เปิดรับสมัครวันแรกคึกคัก

กกต. แจงนักการเมือง-พรรค บริจาคช่วยน้ำท่วมได้เต็มที่ แต่ระดับท้องถิ่นต้องระวังช่วง 180 วันก่อนครบวาระ

กกต. ชี้ "บริจาคช่วยภัยพิบัติ" สส.-สมาชิกพรรคทำได้เต็มที่ไม่เกินครั้งละ 3 แสนบาท แต่จะบริจาคกี่ครั้งก็ได้ ส่วนพรรคการเมืองไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อเหตุการณ์ ย้ำโปร่งใส–โฆษณาได้ 

กกต. ขอเชิญชวนสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภา อบต. และนายก อบต. ระหว่างวันที่ 1 - 5 ธันวาคม 2568

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอเชิญชวนผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสมาชิก สภาองค์การบริหารส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ระหว่างวันที่ 1 – 5 ธันวาคม 2568 เวลา 08.30 – 16.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดราชการ) ณ สถานที่ที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ขอประชาสัมพันธ์ผู้ที่สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถตรวจสอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม และเตรียมหลักฐานและเอกสารประกอบการ ยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมทั้งค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1. คุณสมบัติของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 1.1 มีสัญชาติไทยโดยการเกิด 1.2 ผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุ ไม่ต่ำกว่า 25 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง สำหรับผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 35 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 1.3 มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในเขตองค์การบริหารส่วนตำบลที่สมัครรับเลือกตั้ง ในวันสมัครรับเลือกตั้ง เป็นเวลาติดต่อกันไม่น้อยกว่า 1 ปี นับถึงวันสมัครรับเลือกตั้ง 1.4 วุฒิการศึกษา • สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล ไม่ได้กำหนดวุฒิการศึกษา • ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ต้องสำเร็จการศึกษาไม่ต่ำกว่ามัธยมศึกษาตอนปลายหรือเทียบเท่า หรือเคยเป็นสมาชิกสภาตำบล สมาชิกสภาท้องถิ่น ผู้บริหารท้องถิ่น หรือสมาชิกรัฐสภา 2. ลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.1 ติดยาเสพติดให้โทษ 2.2 เป็นบุคคลล้มละลายหรือเคยเป็นบุคคลล้มละลายทุจริต 2.3 เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ 2.4 เป็นบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้งตามพระราชบัญญัติ การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 มาตรา 39 (1) เป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวช (2) อยู่ในระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งไม่ว่าคดีนั้นจะถึงที่สุดแล้วหรือไม่ หรือ (4) วิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ 2.5 อยู่ระหว่างถูกระงับการใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นการชั่วคราวหรือ ถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง 2.6 ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล 2.7 เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึง 5 ปี นับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ 2.8 เคยถูกสั่งให้พ้นจากราชการ หน่วยงานของรัฐ หรือรัฐวิสาหกิจเพราะทุจริต ต่อหน้าที่หรือถือว่ากระทำการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในวงราชการ 2.9 เคยต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลอันถึงที่สุดให้ทรัพย์สินตกเป็น ของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติ หรือเคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุกเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต 2.10 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงาน ในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ หรือความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่กระทำโดยทุจริตตามประมวลกฎหมายอาญา ความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน กฎหมายว่าด้วยยาเสพติด ในความผิดฐานเป็นผู้ผลิต นำเข้า ส่งออก หรือผู้ค้า กฎหมายว่าด้วยการพนันในความผิดฐานเป็นเจ้ามือหรือเจ้าสำนัก กฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือกฎหมายว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินในความผิดฐานฟอกเงิน 2.11 เคยต้องคำพิพากษาอันถึงที่สุดว่ากระทำการอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง 2.12 เป็นข้าราชการซึ่งมีตำแหน่งหรือเงินเดือนประจำ 2.13 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น 2.14 เป็นพนักงานหรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือราชการส่วนท้องถิ่น หรือเป็นเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ 2.15 เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ 2.16 อยู่ในระหว่างต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 2.17 เคยพ้นจากตำแหน่งเพราะศาลฎีกาหรือศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาว่าเป็นผู้มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ หรือกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือจงใจปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย หรือฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2.18 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดว่ากระทำความผิดตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้ง สมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 ไม่ว่าจะได้รับโทษหรือไม่ โดยได้พ้นโทษหรือ ต้องคำพิพากษามายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง แล้วแต่กรณี 2.19 เคยถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมาชิกวุฒิสภา สมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หรือกฎหมายว่าด้วยการลงคะแนนเสียงเพื่อถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น แล้วแต่กรณี มายังไม่ถึง 5 ปีนับถึงวันเลือกตั้ง 2.20 อยู่ในระหว่างถูกจำกัดสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น ตามมาตรา 42 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 หรือตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2.21 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรหรือรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา หรือเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเดียวกันหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น 2.22 เคยพ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะเหตุมี ส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการที่กระทำหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น หรือมีส่วนได้เสียไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมในสัญญาหรือกิจการ ที่กระทำกับหรือจะกระทำกับหรือให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่น โดยมีพฤติการณ์แสดงให้เห็นว่าเป็นการต่างตอบแทน หรือเอื้อประโยชน์ส่วนตนระหว่างกัน และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.23 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพราะจงใจไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบของทางราชการ หรือมติคณะรัฐมนตรี อันเป็นเหตุให้เสียหาย แก่ราชการอย่างร้ายแรง และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.24 เคยถูกสั่งให้พ้นจากตำแหน่งใด ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เพราะทอดทิ้งหรือละเลยไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่และอำนาจ หรือปฏิบัติการไม่ชอบด้วยหน้าที่ และอำนาจ หรือประพฤติตนฝ่าฝืนต่อความสงบเรียบร้อยหรือสวัสดิภาพของประชาชน หรือมีความประพฤติในทางที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียแก่ศักดิ์ตำแหน่ง หรือแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือแก่ราชการ และยังไม่พ้น 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่งจนถึงวันเลือกตั้ง 2.25 ลักษณะอื่นตามที่กฎหมายว่าด้วยการจัดตั้งองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3. หลักฐานและเอกสารประกอบการยื่นใบสมัครรับเลือกตั้ง ให้ผู้สมัครยื่นใบสมัครต่อผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลพร้อมทั้งหลักฐานการสมัคร ดังนี้ 3.1 ใบสมัครรับเลือกตั้งตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/1 3.2 รูปถ่ายหน้าตรงไม่สวมหมวก หรือ รูปภาพที่พิมพ์ชัดเจนเหมือนรูปถ่ายของตนเอง ขนาดกว้างประมาณ 8.5 เซนติเมตร ยาวประมาณ 13.5 เซนติเมตร จำนวนตามที่ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์การบริหารส่วนตำบลกำหนด 3.3 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน 3.4 สำเนาทะเบียนบ้าน 3.5 ใบรับรองแพทย์ 3.6 หลักฐานการศึกษา 3.7 หลักฐานการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นเวลาติดต่อกัน 3 ปี (2565, 2566, 2567) นับถึงปีที่สมัครรับเลือกตั้ง เว้นแต่เป็นผู้ไม่ได้เสียภาษีเงินได้ ให้ทำหนังสือยืนยัน การไม่ได้เสียภาษี พร้อมทั้งสาเหตุแห่งการไม่ได้เสียภาษีตามแบบ ส.ถ./ผ.ถ. 4/2 4. ค่าธรรมเนียมการสมัครรับเลือกตั้ง 4.1 นายกองค์การบริหารส่วนตำบล 2,500 บาท 4.2 สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนตำบล 1,000 บาท ทั้งนี้ ผู้ใดลงสมัครรับเลือกตั้งโดยรู้อยู่แล้วว่าตนเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้ง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 - 10 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 – 200,000 บาท และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกำหนด 20 ปี ตามมาตรา 120 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ. 2562 และที่แก้ไขเพิ่มเติม สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาองค์การบริหาร ส่วนตำบลและนายกองค์การบริหารส่วนตำบลได้ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง www.ect.go.th หรือ Application Smart Vote หรือสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ประจำจังหวัดทุกจังหวัด หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่บริการสายด่วน 1444