เตือนอธิบดีกรมสรรพากร ตีความตั๋วP/N นายกฯ เลี่ยงภาษีหรือไม่ อย่าให้ซ้ำรอยอดีต รมช.การคลัง 'เบญจา หลุยเจริญ' อดีตรองอธิบดีสรรพากรที่ต้องเข้าคุก ชี้เป้า 2 ปมผิดปกติ เป็นการฝากหุ้นเพื่อเลี่ยงภาษี
27 มี.ค.2568 - นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) ที่เป็นหนึ่งในทีม สส.พรรคฝ่ายค้านที่ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และเป็นอดีตประธานคณะกรรมการ ธนาคาร RHB Bank ประเทศมาเลเซียสองสมัยคือ 2552-2554, 2557-2565 กล่าวหลังถามความเห็นว่าในฐานะทำงานธนาคารมาหลายปี มีความเชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ-การเงิน-หุ้น มองกรณีเรื่อง ตั๋วP/N ของนายกรัฐมนตรีอย่างไร และคิดว่านายกฯ ชี้แจงข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านฟังขึ้นหรือไม่ ว่าชี้แจงไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ต่อไป คนก็ออกตั๋ว P/N กันหมด กรมสรรพากร จะไม่มีภาษีเงินได้ เช่น ผมซื้อที่ดินจากคุณ หรือของอะไรสักอย่างที่มีมูลค่า เช่นที่ดิน มันก็ต้องมีการเสียภาษี แต่ต่อไปบอกจะออกเป็น ตั๋ว P/N ที่ไม่มีวันถึงกำหนด หรืออาจจะเป็นอีกสิบปีข้างหน้า ก็แสดงว่า คุณที่เป็นคนขายไม่ได้เงินจากผม คุณก็ไม่ต้องเสียภาษี กรมสรรพากร จะเอาแบบนี้หรือนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.พรรคประชาชน ที่อภิปรายเรื่องนี้ถึงบอกว่าจะทำหนังสือถึงกรมสรรพากร ว่าหากกรมสรรพากรปล่อยให้ทำแบบนี้มันจะไม่ได้ คือ กรมสรรพากร เขาจะดูว่าที่ออก ตั๋ว P/N ให้กันมันมีเหตุผลหรือไม่ เช่น หนึ่งมีดอกเบี้ยหรือไม่ สองไม่มีกำหนดเวลาการชำระเงิน มันเป็นไปได้อย่างไร
ถามต่อไปว่า นายกฯชี้แจงว่า ช่วงทำธุรกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องการปรับโครงสร้างหุ้นและที่ได้รับโอนหุ้นมา ตัวเองยังไม่พร้อมในการชำระเงิน แต่จะมีการชำระเงินภายในปีหน้า นายจุลพงษ์ กล่าวว่า เรื่องปรับโครงสร้างหุ้นก็เรื่องปกติในการซื้อหุ้นทางธุรกิจ แต่การจ่ายค่าหุ้น ในแง่ของสรรพากร เขาจะดูว่า คุณเจตนาหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีหรือไม่ สมเหตุสมผลหรือไม่ที่ออกตั๋ว P/N เช่นการที่ไม่ให้มีดอกเบี้ย และอย่าลืม แม่ลูกให้กัน ก็ต้องเสียดอกเบี้ย พี่น้องให้กันก็เสียดอกเบี้ย ถ้าเกินยี่สิบล้านต้องเสีย ไม่อย่างนั้นก็อ้างว่าให้ได้หมด แทนที่จะขายก็อ้างว่าให้ ก็ต้องเสีย ก็จะดูสองเรื่องคือ หนึ่ง มีดอกเบี้ยหรือไม่ คนที่รับเงิน ไม่มีกำหนดชำระ แล้วยังไม่มีดอกเบี้ยให้อีก มันผิดปกติ ยกตัวอย่าง ผมเป็นหนี้คุณ 100 ล้านบาท ไม่มีกำหนดชำระ ไม่มีดอกเบี้ย มันผิดปกติหรือไม่ ใช่ไหม มันก็ผิดปกติ อันนี้ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งของการวางแผนภาษี แต่มันต้องมีความสมเหตุสมผล
ต่อข้อถามที่ว่าสังคมจะเชื่อมั่นกรมสรรพากรกรณีนี้ได้หรือไม่ เพราะคนที่ถูกอภิปรายเป็นนายกฯและตัวอธิบดีกรมสรรพากร ก็ถูกมองว่าเป็นลูกชายอดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (นายปลอดประสพ สุรัสวดี) นายจุลพงษ์ กล่าวว่า ก็เคยมีกรณี อธิบดีกรมสรรพากร อดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร ที่เคยไปเป็นรมช.การคลัง (นางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.การคลังยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ก็เคยติดคุกไปแล้ว ที่ไปทำหนังสือออกความเห็นด้านภาษีในทางที่ไปเอื้อประโยชน์ ถ้าจะออกมาแบบนี้อีก ก็เอา
“สรรพากร ต้องตีความกฎหมายในทางที่แผ่นดินได้ประโยชน์ ไม่ใช่ไปตีความกฎหมายในทางที่ไปเอื้อให้เอกชนได้ประโยชน์ มันต้อง มีหลักเกณฑ์ของกฎหมาย เพื่อที่จะไม่ให้ คนอาศัยช่องกฎหมาย เพราะภาษีมันวางแผนภาษีได้ อาจอาศัยช่องได้ หากว่ามันสมเหตุสมผล กฎหมายก็ยอมรับ แต่บางเรื่องมันไม่สมเหตุสมผล และเคสนี้ เงินมันจำนวนเยอะ และมีการโอนขายหุ้นมาตั้งหลายปี แล้วเพิ่งมาบอกว่าปีหน้าจะชำระเงิน แบบนี้หากฝ่ายค้านไม่เอามาอภิปราย ก็ไม่มีการชำระปีหน้านะสิ พอฝ่ายค้านนำมาอภิปราย ก็มาบอกว่าจะชำระปีหน้า”นายจุลพงษ์ระบุ
ถามถึงว่า เข้าข่ายนิติกรรมอำพรางแบบที่นายวิโรจน์อภิปรายในสภา นายจุลพงษ์กล่าวว่า ถูกครับ จริงๆคือ การฝากหุ้น จะให้หุ้นหรือฝากหุ้น แต่ฝากหุ้น มันเหมือนกับให้ มันต้องเสียภาษีทันทีเลย ก็ใช้วิธีขาย แต่ทำ ตั๋ว P/N จ่ายราคา แต่นานๆ แบบไม่มีกำหนด ไม่มีดอกเบี้ย ต้องบอกว่า ภาษี เป็นเรื่องจริยธรรม เรื่องเสียภาษีสำคัญมาก ประชาชนต่างก็เสียภาษี แม่ค้าก็เสียภาษี แล้วทำไม นายกฯจะไม่เสีย ในต่างประเทศ ใครทำผิดเรื่องภาษี กระเด็นจากตำแหน่งทันทีเลย ต่างประเทศไม่ยอมเด็ดขาดเรื่องภาษี ตามหลักมาตรฐานสากล ความผิดเรื่องหลีกเลี่ยงภาษีรุนแรงมาก ตั๋ว P/N เป็นเรื่องปกติของธุรกิจ หากมีการชำระหนี้จริงๆ เช่นมีการกำหนดเวลาการชำระหนี้ในตั๋ว P/N แต่การไม่มีการกำหนดเวลาการชำระหนี้คือสิ่งผิดปกติ และหากมีการชำระก็ควรมีดอกเบี้ย ที่จะสูงหรือมากไม่เป็นไร เพราะฉะนั้นความผิดปกติกรณีที่ฝ่ายค้านอภิปรายฯ คือมันส่อให้เห็นเหมือนกับว่า มีการหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่ก็มีการซุกหุ้น สองอย่าง นายกฯควรอธิบายให้ประชาชนเข้าใจ เพราะเรื่องภาษีไม่ใช่เรื่องส่วนตัว ยิ่งโดยเฉพาะคนที่อยู่ในการเมืองหรือบุคคลสาธารณะ
“ผมยืนยันว่า ตั๋ว P/N ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย แต่เรื่องนี้มันผิดปกติตรงที่ หนึ่งเวลาการชำระหนี้ มีการชำระหนี้ล่าช้า และสอง ไม่มีดอกเบี้ย มันผิดปกติ และระหว่างพี่น้องด้วยกัน มันก็ผิดปกติตรงที่ว่าเป็นการเลี่ยงภาษี หรือเป็นการซุกหุ้น เพราะพี่น้อง ให้หุ้นต่อกัน ก็ต้องเสียภาษี หากมูลค่ามันเกินยี่สิบล้านบาท อย่างที่วิโรจน์อภิปรายคือตอนนี้เลี่ยงภาษีได้สองร้อยกว่าล้านบาท"
นายจุลพงษ์กล่าวว่า ตอนนี้ต้องรอทางนายวิโรจน์ ทำหนังสือถามไปที่กรมสรรพากร แล้วรอสรรพากรตอบกลับมาเพราะเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายรอดูว่า สรรพากร จะตอบกลับมายังไง โดยหากตอบว่า เรื่องปกติ ก็ทำกันแบบนี้ ถ้าแบบนั้น คนอื่นก็ทำได้หมด จะเลือกปฏิบัติไม่ได้ ถ้านายกฯทำได้ คุณก็ทำได้ ผมก็ทำได้ บริษัทอื่นก็ทำได้ ทุกคนทำได้หมด มันจะเกิดการเลี่ยงภาษี
อนึ่ง ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2562 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ฟ้องนางเบญจา หลุยเจริญ อดีต รมช.คลัง สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นอดีตรองอธิบดีกรมสรรพากร น.ส.จำรัส แหยมสร้อยทอง อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร น.ส.โมรีรัตน์ บุญญาศิริ อดีต ผอ.สำนักกฎหมายกรมสรรพากร นายกริช วิปุลานุสาสน์ อดีต ผอ.สำนักกฎหมาย กรมสรรพากร และ น.ส.ปราณี เวชพฤกษ์พิทักษ์ คนใกล้ชิดเลขานุการส่วนตัวของคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ อดีตภริยานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ฐานร่วมกันเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตาม ป.อาญา ม.157
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยร่วมกันช่วยเหลือนายพานทองแท้ หรือโอ๊ค ชินวัตร และ น.ส.พินทองทา หรือเอม ชินวัตร บุตรชายและบุตรสาวของนายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี เลี่ยงเสียภาษีอากร หรือเสียภาษีน้อยกว่าที่จะต้องเสีย ในการซื้อหุ้นชินคอร์ปอเรชั่น เมื่อปี 49 คนละ 164,600,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 1 บาท ขณะที่ราคาตลาดหุ้นละ 49.25 บาท ถือเป็นผู้ได้รับเงินพึงประเมิน ตามประมวลรัษฎากร ม.39 และมีหน้าที่ต้องเสียภาษีของส่วนต่างราคาหุ้น คนละ 7,941,950,000 บาท ซึ่งศาลฎีกา มีคำตัดสิน ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1-4 ในการตอบข้อหารือประเมินภาษี การซื้อขายหุ้น ชินคอร์ปฯ ระหว่างบริษัทแอมเพิลริชกับนายพานทองแท้ และ น.ส.พินทองทา แอบแฝงเจตนาที่จะช่วยให้นายพาน-ทองแท้ และ น.ส.พินทองทา ไม่ต้องแจ้งรายได้ที่เป็นส่วนต่างการซื้อขายหุ้นที่ราคาต่ำกว่าทุน เพื่อเลี่ยงภาษีมูลค่า 15,883,900,000 บาท ของนายพานทองแท้และ น.ส.พินทองทา จำเลยมีความผิดตามฟ้อง โดยตัดสินให้จำคุก จำเลยที่ 1-4 คนละ 2 ปี ส่วนจำเลยที่ 5 คงจำคุกไว้ 2 ปี ซึ่งคดีดังกล่าว นางเบญจา เป็นจำเลยที่ 1 และปัจจุบันพ้นโทษมานานแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พปชร. เย้ยไม่บ้าลงเรือใกล้ล่ม รู้ทัน 'ทักษิณ' ห่วงลูกโดนสอย ไม่กล้าทิ้ง ภท.
'ชัยวุฒิ' เปรียบรัฐบาลเหมือนเรือใกล้ล่ม ใครคิดจะไปลงก็บ้าแล้ว ย้ำ พปชร. ชัดเจนไม่เอากาสิโน 'ทักษิณ' ห่วงลูกโดนสอย ยังไม่กล้าทิ้ง ภท. รอจับมือพรรคส้มเลือกตั้งครั้งหน้า
นายกฯ มอบ 'ชูศักดิ์' ผู้แทนรัฐบาลไทย ร่วมพิธีพระศพ 'โป๊ปฟรานซิส'
นายกฯ มอบหมาย 'ชูศักดิ์' เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย เข้าร่วมพิธีพระศพของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส วันเสาร์ที่ 26 เม.ย. ณ นครรัฐวาติกัน
เตือนไม่ฟัง! สามีโพสต์ภาพ 'อิ๊งค์' นอน รพ. ให้น้ำเกลือ
นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้โพสต์สตอรี่ไอจีเป็นภาพนายกฯ ที่พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลจากอาการป่วยไข้สูง โดยนายกฯนอนอยู่บนเตียง
โวยรัฐบาล 2 ปี ไร้น้ำยาแก้ปากท้อง ขายปาล์ม 1 กิโล ซื้อขายไข่ไม่ได้สักฟอง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อนิจจา!!! คนจนจะอดตาย ขายปาล์ม 1 โล ซื้อไข่ไม่ได้สักฟอง
นายกฯ ลั่นกลางปีนี้เปิดสะพานมิตรภาพไทย-กัมพูชาแห่งแรก
'อิ๊งค์' เผยกลางปีนี้ 'ไทย-กัมพูชา' ร่วมเปิดสะพานมิตรภาพไทย – กัมพูชาแห่งแรก พร้อมจัดประชุมJCR ที่ชายแดนไทย จ.สระแก้ว