จากคำว่าปล่อยวาง สู่การยื้อกาสิโนของ 'เฒ่าการเมือง' ที่หายใจด้วยอำนาจ!

การปรากฏตัวของ ทักษิณ ชินวัตร บนเวทีศูนย์ประชุมนานาชาติเอ็มเพรส จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ 27 เมษายนที่ผ่านมา อาจดูเผิน ๆ เหมือนเป็นเพียงการหาเสียงสนับสนุนผู้สมัครท้องถิ่นของพรรคเพื่อไทย

แต่สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับ เกมการเมืองไทย ดี ย่อมรู้ได้ในทันทีว่า การขยับตัวของชายผู้นี้ไม่เคยเกิดขึ้นอย่างไร้จุดประสงค์

แม้คำพูดจะพรั่งพรูถึงการ “ปล่อยวาง” และความไม่รู้ร้อนรู้หนาวต่อเสียงนกเสียงกา แต่ พฤติกรรมจริงกลับบอกเล่าเรื่องราวที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง

ภายใต้รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ มีการเดินเกมทางเศรษฐกิจและการเมืองขนาดใหญ่เกี่ยวกับ กาสิโน ที่เปิดเผยอย่างไม่ปิดบัง เพียงแต่ถูกเลื่อนออกไปตาม แรงเสียดทานทางการเมือง

เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่มีหัวใจเป็น กาสิโน ถูกหยิบยกขึ้นมาในจังหวะที่กระแสสังคมเริ่มซาลงจากเดิม

ในการปราศรัยที่เชียงใหม่ ทักษิณ ชินวัตร กล่าวด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ ว่า “กาสิโนเป็นเพียง 10% ของพื้นที่ทั้งหมด” ของโครงการเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

แต่ในความเป็นจริง กาสิโนคือหัวใจของทั้งโครงการ เป็นแม่เหล็กที่ดึงดูดทุนข้ามชาติ ทุนในประเทศ และขับเคลื่อนเม็ดเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ

สิ่งที่หลายคนมองข้าม คือ การจัดวางจังหวะอย่างประณีต เพื่อรอเวลาที่เหมาะสมในการขยับหมากบนกระดานใหม่

หลังการปราศรัย กระแสคัดค้านแม้จะโหมแรงอยู่ช่วงหนึ่ง แต่เชื่อว่าก็ค่อย ๆ คลี่คลายลงในเดือนมิถุนายน เมื่อข้อถกเถียงใหม่ๆ เบนความสนใจของสังคมออกไปยังเรื่องอื่น

ขณะเดียวกัน ฝ่ายค้านอ่อนแรงลง กลุ่มต่อต้านซาลง และเสียงคัดค้านในสังคมเริ่มเบาบางลงตามลำดับ ท่ามกลางบรรยากาศเช่นนี้ วาระของกาสิโนที่เคยถูกเลื่อนออกไป จึงมีโอกาสถูกนำกลับเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาอีกครั้ง เมื่อการเปิดสมัยประชุมใหม่เริ่มต้นในวันที่ 3 กรกฎาคม 2568

ในสถานการณ์ที่ดูเหมือนสงบนิ่ง นักวิเคราะห์การเมือง และผู้รู้เท่าทันเกมอำนาจ ย่อมไม่วางใจในถ้อยคำ “ปล่อยวาง” ที่เอ่ยขึ้นบนเวที

ไม่มีอะไรในเกมการเมืองที่เป็นเรื่องบังเอิญ หากไม่ผ่านการคำนวณและวางแผนมาอย่างดี

การอธิบายว่า เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์คือโครงการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่เป็นฉากหน้าที่ปั้นแต่งขึ้น เพื่อกลบเกลื่อนความจริงที่ว่า แก่นกลางคือการเปิดประตูให้ธุรกิจพนันขนาดมหึมาเข้ามาปักหลักในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

สนามที่กำลังถูกขยายใหม่นี้ มีขนาดใหญ่เกินกว่าการแข่งขันในสภาหรือการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น

มันคือ การวางรากฐานอำนาจทางเศรษฐกิจในระยะยาว ที่ผู้กุมทิศทางสามารถใช้เป็นฐานขับเคลื่อนอิทธิพลในทุกยุคทุกสมัย

ทักษิณ ชินวัตร อ้างว่าตัวเองปล่อยวางแล้ว แต่การเดินเกมขยายขุมกำลังผ่านกาสิโน กลับแสดงให้เห็นว่าเขายังคง หายใจออกเป็นอำนาจ ยึดแน่นกับ เส้นเลือดใหญ่ของการเมืองไทย อย่างไม่ลดละ

เฒ่าการเมืองผู้มากประสบการณ์ ย่อมรู้ดีว่าพลังทางการเมืองไม่จำเป็นต้องยึดเก้าอี้นายกรัฐมนตรี แต่สามารถสร้างตัวเองให้เป็น “เจ้าของสนาม” ผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจและผลประโยชน์ที่กว้างขวางยิ่งกว่า

การดันโครงการขนาดมหึมาเช่นนี้ จึงไม่ใช่เพียงการคิดเพื่อเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ

แต่เป็นการ วางหมากระยะยาว เพื่อให้เครือข่ายเดิมยังคงมีบทบาทชี้นำทิศทางเศรษฐกิจ การเมือง และอำนาจในทุกรัฐบาลถัดไป

ในโลกของความจริง การสร้างฮอลล์คอนเสิร์ตหรือศูนย์ประชุม ไม่ได้ดึงดูดทุนระดับแสนล้าน

แต่ การอนุญาตให้กาสิโนถูกกฎหมาย พร้อมสิทธิพิเศษทางภาษีและโอกาสในการลงทุนมหาศาลต่างหาก ที่สามารถสร้าง การโยกย้ายผลประโยชน์ครั้งใหม่ได้อย่างเป็นระบบ

แม้เวลาจะเปลี่ยน แต่ สันดานทางการเมืองของผู้คร่ำหวอดย่อมไม่เปลี่ยนตาม

ในการปราศรัยเดียวกัน ทักษิณ ชินวัตร ยังกล่าวในทำนองด้อยค่าผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ตนว่า “พวกขาประจำ พูดอะไรก็ด่า ด่าไปเครียดไป เดี๋ยวจะติดเตียง” พร้อมบอกว่า “ตนแก่แล้ว ปล่อยวางได้ ไม่รู้ร้อนรู้หนาว” และประชดว่าถ้าใครล้มหมอนนอนเสื่อ “ขี้เกียจจะไปเยี่ยม”

น้ำเสียงเช่นนี้ แม้แฝงด้วยอารมณ์ขัน แต่สะท้อนชัดว่า เฒ่าการเมืองผู้ไม่ยอมวางมือ ยังไม่สามารถตัดขาดจากสนามอำนาจได้อย่างแท้จริง

แพทองธาร ชินวัตร อาจเป็นภาพตัวแทนของความหวังและความสดใหม่ทางการเมือง

แต่ในความเป็นจริง เป็นเพียง “ใบหน้าทางการเมือง” บนโครงสร้างเดิมที่เฒ่าการเมืองวางไว้ตั้งแต่ต้น และยังคง  หายใจออกเป็นอำนาจ ผ่านทุกเส้นเลือดใหม่ที่กำลังถูกปักลงในระบบเศรษฐกิจการเมืองไทย

หากกาสิโนถูกผลักดันจนสำเร็จโดยไร้แรงต้านขนาดใหญ่ นั่นไม่ใช่เพียงชัยชนะของนโยบายเศรษฐกิจ

แต่มันคือ การสถาปนาเส้นเลือดใหม่ของอำนาจ ที่ยากจะรื้อถอนในอนาคต

และหากวันหนึ่งเส้นเลือดนี้พัวพันกับ ปัญหาสังคม ความเหลื่อมล้ำ หรือการฟอกเงิน ตามที่หลายฝ่ายกังวล ความเสียหายที่จะตามมา ไม่ได้จำกัดแค่เศรษฐกิจหรือการเมือง แต่จะ  กัดกร่อนโครงสร้างสังคมไทยทั้งระบบอย่างยากจะเยียวยา

เมื่อวันนั้นมาถึง สังคมไทยจะได้รู้เสียทีว่า คนที่หัวเราะเย้ยคนอื่นว่า “เครียดจนติดเตียง” นั่นแหละ คือผู้ที่ปลูกเชื้อโรคร้ายลงในหัวใจของประเทศด้วยมือตัวเอง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โฆษกรัฐบาล ตีปาก อดีตสว.สมชาย วิจารณ์นายกฯอิ๊งค์ผลาญเงินไปอังกฤษ

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่นายสมชาย แสวงการ อดีตสว. เจ้าประจำออกมาวิพากษ์วิจารณ์ว่านายกรัฐมนตรีเดินทางไปอังกฤษไม่ได้พบกับนายกรัฐมนตรีอังกฤษและไม่มีการเชิญสื่อมวลชนไปนั้น

ฟันธง! สมศักดิ์รอดแน่ แต่ทักษิณไม่รอด

“นันทเดช เมฆสวัสดิ์” ฟันธง “สมศักดิ์จำเป็นต้องดิ้นถึงจะรอด” แต่เตือน “ทักษิณ” หมดทางเลี่ยง ชี้ข้อเท็จจริงเชิงประจักษ์มากมายปิดไม่มิด โยงชั้น 14 รพ.ตำรวจเป็นปริศนาประชาชนจับตา พร้อมย้ำ