บุกอัยการสูงสุด! มัด ’ฮวด-คนสนิทฮุนเซน‘ พัวพันอุ้มหายวันเฉลิม

รูปภาพจาก มูลนิธิผสานวัฒนธรรม

พี่สาววันเฉลิม–มูลนิธิผสานฯ ยื่นคลิปเสียง-ภาพถ่าย มัด “เคลียง ฮวด” คนสนิทฮุนเซน เชื่อมีเอี่ยวไล่ล่าผู้เห็นต่างในไทย–กัมพูชา จี้รัฐหยุดนิ่งเฉย พร้อมสอบสัญชาติไทย หากพบเกี่ยวข้อง ต้องดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ

25 มิถุนายน 2568 - เวลา 14.00 น. ทนายความจากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม พร้อมด้วยสิตานัน สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมชาวไทยที่ถูกบังคับสูญหายในประเทศกัมพูชา เมื่อปี 2563 เข้ายื่นหลักฐานเพิ่มเติมต่อสำนักงานอัยการสูงสุด เกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวข้องกับนายเคลียง ฮวด ล่ามคนสำคัญของสมเด็จฮุนเซ็น เพื่อให้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนข้อเท็จจริง และนำไปสู่การแสวงหาข้อเท็จจริงกรณีการบังคับสูญหายวันเฉลิม

หลักฐานดังกล่าว ประกอบด้วยบันทึกคลิปเสียงจากสำนักข่าว Al Jazeera ที่ระบุว่านายเคลียง ฮวด นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบปรามผู้เห็นต่างจากรัฐบาลกัมพูชาในประเทศไทย ซึ่งอาจถือเป็นเบาะแสสำคัญในการระบุตัวผู้สั่งการและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มฆ่าหรืออุ้มเพื่อแลกเปลี่ยนผู้เห็นต่างทางการเมือง ที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา รวมทั้งบันทึกภาพถ่ายที่เป็นภาพคู่ของวันเฉลิมและเคลียง ฮวด ขณะอยู่ในประเทศกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏว่ามีตัวแทนจากสำนักงานอัยการสูงสุดมารับเอกสารหลักฐานแต่อย่างใด วันนี้นางสาวสิตานันและทนายความจึงยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติมแก่งานรับเรื่อง สำนักงานอัยการสูงสุด

“วันเฉลิมเป็นคนไทย ความรับผิดชอบไม่พ้นไปจากรัฐบาลไทย แม้ว่ากัมพูชาจะปฏิเสธขนาดไหน คุณไม่มีสิทธิที่จะไม่รับจดหมาย คุณไม่มีสิทธิที่จะโยนจดหมายนี้ออกไปข้างนอก หรือให้ส่งระบบสารบรรณ ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดเดินทางลงมาจากข้างบน เพื่อรับฟังเสียงของผู้สูญหาย” นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ ผู้อำนวยการมูลนิธิผสานวัฒนธรรมกล่าวกับสื่อมวลชน

นางสาวสิตานัน พี่สาวของวันเฉลิม กล่าวว่า ตลอดระยะเวลา 5 ปี ที่วันเฉลิม ผู้เป็นน้องชาย หายตัวไป รัฐบาลไทยกลับปฏิเสธการดำเนินคดี ทั้งยังนิ่งเฉยต่อการช่วยเหลือผู้เสียหาย แม้ว่าประเทศไทยจะมีพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 รวมทั้งลงนามในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองบุคคลทุกคนจากการหายสาบสูญโดยถูกบังคับ (CED) แต่รัฐไทยกลับไม่ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ค้นหาความจริง หรือมีความคืบหน้าในเรื่องคดีแต่อย่างใด

นอกจากนี้ นางสาวสิตานันยังกล่าวถึงคลิปเสียงที่มีการพูดคุยระหว่างนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร กับสมเด็จฮุนเซน ซึ่งเผยให้เห็นความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชา โดยเคลียง ฮวด มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น รัฐบาลต้องรับผิดชอบต่อการดำเนินการเกี่ยวกับคดีของวันเฉลิม

ด้านนางสาวประกายดาว พฤกษาเกษมสุข ผู้ใกล้ชิดกับวันเฉลิม และได้รู้จักกับเคลียง ฮวด ขณะที่อาศัยอยู่ในประเทศกัมพูชา ก็ยืนยันว่า เคลียง ฮวด เป็นบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลี้ภัยของคนไทยในต่างแดนอย่างมาก โดยในช่วงแรกที่มีการลี้ภัยหลังรัฐประหาร ปี 2557 เคลียง ฮวด เป็นบุคคลแรกๆ ที่เข้ามาช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวไทยในกัมพูชา ซึ่งรวมถึงวันเฉลิมด้วย

”กับคนใกล้ชิดกันขนาดนี้ (พี่ฮวด) ไม่เข้าใจว่าทำกันได้อย่างไร ถ้าหากยังเหลือความเป็นคนอยู่และพี่ไม่เกี่ยวข้องกับการอุ้มหายวันเฉลิมในครั้งนี้ อยากให้พี่ฮวดมาให้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่รัฐไทย เพื่อให้ครอบครัวของวันเฉลิมสามารถไปติดตามตัวผู้กระทำความผิดที่แท้จริงต่อไปได้" ประกายดาวกล่าว

นางสาวพรเพ็ญกล่าวว่า นอกเหนือจากกรณีของวันเฉลิม ยังมีผู้ลี้ภัยชาวกัมพูชาอีกเป็นจำนวนมาก ที่ถูกทางการไทยส่งตัวกลับไปยังกัมพูชา หลายคนถูกควบคุมตัวในที่คุมขัง ขณะที่อีกหลายคนยังไม่ทราบชะตากรรม สิ่งนี้เรียกว่าเป็น “การปราบปรามข้ามชาติ” (Transnational Repression) ซึ่งมักเกิดจากความร่วมมือระหว่างรัฐในการไล่ล่าปราบปรามผู้เห็นต่างทางการเมือง และหลักฐานที่นำมายื่นต่อสำนักงานอัยการสูงสุดในวันนี้ จะเป็นหลักฐานที่รัฐไทยควรนำมาพิจารณาและดำเนินการ เพื่อยับยั้งการละเมิดสิทธิมนุษยชนโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าระดับใดก็ตาม

“เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ และเรา ในฐานะคนทำงานด้านสิทธิมนุษยชน เราอาจจะถูกดำเนินการในลักษณะเดียวกันก็ได้ เราถึงอยากให้หน้าที่นี้เป็นของหน่วยงานที่สำคัญที่สุดในกระบวนการยุติธรรมไทยตาม พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทรมาน ก็คือสืบสวนสอบสวนให้ทราบชะตากรรมว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายไหนดำเนินการ และนำผู้กระทำผิดทุกระดับมาลงโทษ” พรเพ็ญกล่าว

นอกจากนี้ นางสาวพรเพ็ญยังชี้ให้เห็นอีกประเด็นหนึ่ง นั่นคือการถือสัญชาติของเคลียง ฮวด ที่มีกระแสข่าวว่าเขามีสัญชาติไทย และมีที่พักอาศัยอยู่ในประเทศไทย ซึ่งรัฐไทยมีอำนาจหน้าที่ในการติดตามสืบสวน เพื่อนำตัวมาเป็นพยานในกรณีของวันเฉลิม และหากเคลียง ฮวด มีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชนใดก็ตาม ก็อาจจะต้องมีการออกหมายเรียกหรือหมายจับต่อไป

”การที่รัฐไทยให้ความร่วมมือโดยการไม่รู้ไม่เห็น นิ่งเฉย เป็นอันตรายต่อทุกคน รวมทั้งพวกเราด้วย” นางสาวพรเพ็ญ ระบุ

สำหรับ “เคลียง ฮวด” มีรายงานจากสำนักข่าวเนชั่นว่า มีตำแหน่งเป็น นายกเทศมนตรีของเขตจรอย จองวา และเป็นรองผู้ว่าราชการกรุงพนมเปญ รวมถึงเป็นผู้ช่วยของฮุนเซน สมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกัมพูชาด้วย

เคลียง ฮวด เป็นบุคคลที่ตระกูลชินวัตร และคนที่ทำงานใกล้ชิดอดีตนายกฯทักษิณ รู้จักกันดี เรียกกันอย่างสนิทสนมว่า “ผอ.ฮวด” สถานะเป็นเหมือนเลขาฯส่วนตัว เป็นผู้ช่วยใกล้ชิดของสมเด็จ ฮุน เซน ตั้งแต่สมัยเป็นนายกฯ และรับหน้าที่ติดต่อประสานงานในเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย เนื่องจากพูดและฟังภาษาไทยได้คล่องแคล่วมาก

ผอ.ฮวด รู้จักและสนิทกับอดีตนายกฯทักษิณ ด้วย เคยช่วยอดีตนายกฯของไทย ขณะหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ คอยประสานงานเรื่องต่างๆ ให้อย่างใกล้ชิด และเป็นล่ามให้ทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายของ สมเด็จฮุน เซน และฝ่ายของตระกูลชินวัตร

เคลียง ฮวด หรือ ผอ.ฮวด เป็นบุคคลที่ สมเด็จฮุน เซน ใกล้ชิดและไว้ใจมาก มักจะปรึกษาหารือและสอบถามหลายเรื่องๆ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับประเทศไทย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

ทรงพลัง! สื่อกัมพูชาทำโพลล์ ‘คนเขมร’ สนับสนุนคว่ำบาตรสินค้าไทยอย่างล้มหลาม

เปืดผลสำรวจของ Khmer Times สื่อภาษาอังกฤษ ภายใต้การกับของรัฐบาลกัมพูชา แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนอย่างล้นหลามต่อการคว่ำบาตรสินค้าไทย หลังจากเหตุการณ์รุ

อัยการวัชรินทร์ ตั้งทีมงานชุดใหญ่สอบคดีกัมพูชายิงถล่มไทย เอาผิดฮุนเซน-ฮุนมาเนต

ผบช.ภ.3 ส่งสำนวนเขมรยิงระเบิดใส่ไทย ให้ อสส.เเล้ว "วัชรินทร์" อธ.อัยการสอบสวน เตรียมตั้งคณะทำงานเกือบยกสำนักงาน ลุยคดีให้ 2 พ่อลูกตระกูลฮุนรับผิดชอบความสูญเสีย

เปิดรายงาน AOT ชี้ชัดเขมรซุกทุ่นระเบิดใหม่ ทำทหารไทยขาขาดรายที่ 7

กองทัพไทยเปิดรายงาน ผลตรวจสอบของ AOT ยันทุ่นระเบิด PMN-2 ห้วยตามาเรีย- ภูมะเขือ ทำทหารขาขาดรายที่ 7 ถูกฝังใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดเก่าตามที่กองทัพกัมพูชาอ้าง