มันผู้ใด! นำไทยเสี่ยงสงคราม เสนอตั้งฐานทัพเรือพังงาเจรจาต่อรองแลกลดภาษีทรัมป์

ภาพ:เพจกองทัพเรือ-AFP


15 ก.ค.2568- นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน เมื่อ 14 ก.ค. 2568 โดยคาดการณ์อนาคตการเมืองของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ภายใต้การนำของนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร ที่มีทักษิณ ชินวัตร ผู้พ่อคอย สทร.กำกับสั่งการ คงประคองตัวจากมรสุมโถมชัดและอยู่ไม่พ้นเดือนสิงหาคมนี้

สิ่งสำคัญ มรสุมใหญ่ที่มีข่าวว่า รัฐบาลวางแผนนำไทยไปเสี่ยงกับสงครามนิวเคลียร์ของประเทศมหาอำนาจ โดยนำฐานทัพเรือสหรัฐที่เกาะพังงา ไปเจรจาต่อรองให้ไทยรอดพ้นกับกำแพงกับภาษีทรัมป์ 36% ซึ่งนายภูมิธรรม เวชยชัย รมว.มหาดไทย และอดีต รมว.กลาโหม ยอมรับว่าฐานทัพเรือสหรัฐที่เกาะพังงามีอยู่จริงในแผนของกองทัพเรือไทย แต่ไม่เกี่ยวกับภาษีทรัมป์

อย่างไรก็ตาม การให้มีฐานทัพเรือสหรัฐในไทยเท่ากับเป็นการชักน้ำเข้าลึก ชักศึกเข้าบ้าน โดยไม่เข็ดหลาบกับอดีตที่ไทยเคยเป็นฐานทัพอากาศให้สหรัฐขนระเบิดไปถล่มลาว เขมร ตั้งแต่สงครามเวียดนามมาแล้ว ดังนั้นในเรื่องนี้ รัฐบาลไม่ควรเอาประเทศไทยไปเสี่ยงด้วย

“ถ้าไทยเอาการตั้งฐานทัพเรือสหรัฐไปใช้ในการต่อรองภาษีทรัมป์ หรืออาจมีมนุษย์เส็งเคร็งจำนวนหนึ่งเห็นด้วยกับฐานทัพนี้ แต่ผมบอกได้ว่า ไม่มีวันจะคุ้มค่ากับความหายนะของชาติ และถ้าทางการไทยได้ตัดสินใจเอาเรื่องนี้ไปแลก เกิดเรื่องกันอย่างแน่นอน ไม่ต้องรอถึงสิงหาคมหรอก ตัดสินใจกรกฎาก็ไปกรกฎากัน”
พร้อมย้ำว่า ฐานทัพเรืองสหรัฐที่พังงานั้น เป็นยุทธภูมิต้องการดักและควบคุมการเดินเรือช่องแคบมะระกา ดังนั้น แม้สงครามต่างๆ ไทยไม่ได้เกี่ยวข้อง แต่มหาอำนาจทั้งหลายล้วนมีอาวุธหนักคือระเบิดนิวเคลียร์ทั้งสิ้น ถ้ารัฐบาลเปิดประตูให้ไทยกลายเป็นสมรภูมิสงครามแล้ว หัวจรวดนิวเคลียร์จะพุ่งถล่มประเทศที่มีฐานทัพ ซึ่งไทยยิ่งเสี่ยงถูกทำลาย

นายจตุพร เชื่อว่า การเจรจาภาษีทรัมป์ที่ไทยยากจะยุติด้วยอัตราภาษีต่ำกว่า 36% นั้น ส่วนหนึ่งของปัญหามาจากไทยส่ง 40 ชาวอุยกูร์ให้จีน ทำให้สหรัฐตรึงภาษีทรัมป์อยู่ที่เดิม คือ 36% ซึ่งมากกว่าเวียดนามที่ได้ 20% และเก็บมาเลเซีย 25% อีกส่วนหนึ่งที่สำคัญเช่นกัน เกิดจากรายสินค้าประเภทเดียวกันที่ไทยสวมสิทธิ์ให้ประเทศอื่นส่งผ่าน ทั้งที่สินค้าจากแหล่งผลิตจากไทยจริงๆ ได้รับผลกระทบเพียง 5.5 หมื่นล้านเท่านั้น

“ไทยต้องเจรจาด้วยการนำสินค้าส่งออกและนำเข้าสินค้าอื่นๆ มาต่อรอง และไม่ควรเล่นละเลงเงินจ้างล็อบบี้ลิสต์ อย่างไรก็ตาม ถ้าการเจรจาต่อรองจบลงด้วยการยกฐานทัพเรือที่พังงาให้สหรัฐแล้ว จำปากผมไว้เลย แผ่นดินลุกเป็นไฟ และเรื่องนี้เราคาดไม่ถึงว่า จะถูกหยิบยกมาใช้กับสงครามภาษีทรัมป์”

การเจรจาภาษีทรัมป์นั้น ช่วงแรกออกตัวกันใหญ่โต ส่งทีมไทยแลนด์ไปเจรจาแต่ถูกเลื่อนอย่างไม่ไว้หน้าและไม่เห็นหัวมิตรประเทศ เมื่อไปเจรจาครั้งที่สอง สหรัฐไม่มีรัฐมนตรีคลังเข้าร่วม โดยเอาระดับเจ้าหน้าที่มาเจรจา กระทั่งนัดใหม่เพื่อเจรจาครั้งที่สามพร้อมๆ กับมีข่าวการแลกกับตั้งฐานทัพเรือสหรัฐที่เกาะพังงา ซึ่งสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง ขอให้คิดกันดีๆ ในเรื่องนี้

“ปรากฎการณ์ สทร.เข้าประชุมกรรีภาษีทรัมป์ที่บ้านพิษณุโลก ถ้ามันผู้ใดเอาประเทศไทยไปแลกในเรื่องนี้ ต้องเกิดเรื่องและนัดหมายกันล้วงหน้าได้เลย เพราะเราจะพาคนไทยเกือบ 70 ล้านไปสุ่มเสี่ยงสงครามที่ไม่ใช่สงครามของเราไม่ได้ เราจะมีสภาพเหมือนสงครามยูเครน หรือฉนวนกาซา ที่เขามาถล่มกันในประเทศไทย เราจะหาเรื่องทำไม”

อีกทั้งย้ำว่า ถ้ามีฐานทัพเรือสหรัฐแล้ว นักท่องเที่ยวคงไม่ไปที่พังงา แหล่งท่องเที่ยวกระบี่ พังงา ภูเก็ต สตูลและระนองคงหมดเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยว ดังนั้น จะหาเรื่องนี้กันทำไม และเรื่องนี้จะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวก็ตาม แต่ถ้าตั้งฐานทัพเรือสหรัฐที่พังงา อย่างไรก็มีเรื่องแน่

ส่วนกรณีสมเด็จฮุนเซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ตอบโต้ สทร.ทักษิณ นั้น นายจตุพร กล่าวว่า ถ้าตราบใดรัฐบาลยังอยู่ภายใต้อาณัติของคลิปฮุนเซนแล้ว ยิ่งการแฉครั้งล่าสุดโยงเปิดหัวถึงการพูดที่ไม่สมควรกับการหมิ่นสถาบันทั้งสองแผ่นดิน ถ้าเป็นจริงแล้ว คงเป็นเรื่องใหญ่ที่มิบังควรเลย

สิ่งสำคัญนั้น ทั้งทักษิณ และน้องสาวคือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ล้วนถือหนังสือเดินทางของกัมพูชาทั้งสิ้น และถึงขนาดมีห้องนอนเฉพาะในบ้านฮุนเซนกันแล้ว ดังนั้น เวลา 30 ปีที่มีสัมพันธ์สนิทกันนั้น โดยทักษิณ สร้างเรื่องเล่าขึ้นใหม่เพื่อตอบโต้ คงไม่มีอะไรจะไว้วางใจกันต่อไปได้ และละครบทนี้ทำให้คนทั้งสองชาติไม่มีความสุขกันด้วยหรอก

“ฮุนเซนยังประกาศพร้อมภายใน 3 ชั่วโมงเพื่อแฉทักษิณ และการรำดาบให้ดูเป็นตัวอย่างในช่วงสองวัน (13-14 ก.ค.) แต่ทักษิณยังไม่ตอบโต้อะไรออกมา ดังนั้น ในวันที่ 17 ก.ค.ที่จะไปพูดเรื่องการปลดล็อกประเทศไทย คงจะได้เห็นความกล้าตอบโต้ฮุนเซนก็ได้”

นอกจากนี้ เมื่อ 14 ก.ค. นี้ เกิดปรากฎการณ์ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ยิ่งทำให้เข้าใจได้ว่า ปัญหาทุกอย่างเร่งกระชับเข้ามาถึงทักษิณและนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ลูกสาว ในกรณีคลิปเสียงเสียง

โดยข่าวที่ปรากฎนั้น ปปช.ได้ตั้งกรรมการชุดใหญ่สอบสวนคลิปเสียงเพื่อเอาผิดตามโทษอาญาซึ่งเป็นโทษจำคุกสถานหนัก และดำเนินการไปคู่ขนานไปกับศาล รธน.ไต่สวนด้านจริยธรรม ถอดถอนออกจากตำแหน่ง ดังนั้น แม้อุ๊งอิ๊ง ลาออกนายกฯ แต่การสอบสวนเรื่องนี้ของ ปปช. ยังดำเนินต่อไป และอาจถึงขั้นส่งศาลฎีกานักการเมืองวินิจฉัยจึงจะยุติก็ได้

อย่างไรก็ตาม แต่ละเรื่องที่ปรากฎขึ้นในช่วงนี้ ย่อมทำให้รู้ว่า เป็นคุณกับใครและฝ่ายไหน ไม่ว่ากรณีที่ดินเขากระโดนที่ศาลปกครองยกคำร้องของการรถไฟฯ และการปล่อยข่าว กกต.สอบฮั้ว สว.ก็โอละพ่อออกมาปัดกันพัลวัน ส่วนข่าวยื่นยุบ 6 พรรคการเมือง ที่ปล่อยให้ทักษิณ สทร.ครอบงำนั้น ควรจับตาดูกันดีๆ ไว้

“การออกมาพูดของทักษิณทั้งผ่าทางตันประเทศ และโชว์วิสัยทัศน์ช่วยลูกสาวผลักดันซอฟพาวเวอร์ คงไม่แน่ใจกับสถานการณ์คดีของตัวเองและลูก เพราะกลไกรัฐเริ่มสั่นคลอน ไม่กล้าเอาชีวิตอนาคตไปสุ่มเสี่ยงได้ด้วย ดังนั้นทุกเรื่องจะมีคำตอบในเดือนสิงหาคม”

นายจตุพร กล่าวว่า ศาล รธน. ขยายเวลาให้นายกฯ อุ๊งอิ๊งทำความชี้แจงกรณีคลิปเสียงเพิ่มอีก 15 วัน แต่การใช้บริการเนติบริกร นายวิษณุ เครืองาม มาช่วยเป็นหลักนั้น ตัวอย่างคดีนายเศรษฐา ทวีสิน ถูกถอนจากตำแหน่งนายกฯ คงเป็นประสบการณ์ความสำเร็จที่ตราตรึงมาแล้วก็ได้

อย่างไรก็ตาม ตนเคยเตือนมาแล้วว่า การบริหารประเทศของพรรคเพื่อไทยช่วง 2 ปี ทำงานกันอย่างไรให้คนคิดถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ จากการยึดอำนาจพรรคเพื่อไทย แม้ความนิยมผ่านโพลล่าสุด ยังมีชื่อติดอันดับสองที่ประชาชนอยากให้เป็นนายกฯ

ดังนั้น ประชาชนคิดถึง พล.อ.ประยุทธ์ ย่อมแสดงว่าความนิยมในตัวนายกฯ อุ๊งอิ๊ง อยู่ในสภาพสั่นคลอนหนักมาก เมื่อมากรณีคลิปเสียงกับฮุนเซน กลับผลักดันรัฐบาลไปอยู่ภายใต้อาณัติกัมพูชา รัฐบาลยิ่งไม่มีความแข็งแกร่ง โดยดูจากการแสดงอาการอ่อนแอออกมาให้เห็นในความไม่แน่นอนของสถานการณ์ทางการเมืองของตัวเองขณะนี้

นอกจากนี้ ในส่วนภาคประชาชนเริ่มขยายการตื่นตัวออกไปกว้างขวางขึ้น เพราะการปล่อยให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำกรณีกัมพูชา แล้วยังมาผิดพลาดซ้ำเติมกับภาษีทรัมป์ และการเจรจาต่อรองให้ตั้งฐานทัพเรือสหรัฐที่พังงาอีก ส่อให้แผ่นดินลุกเป้นไฟได้ง่ายๆ

อีกทั้งที่เศรษฐกิจปากท้องและอุตสาหกรรมส่งออกยับเยินไปนานแล้ว ขณะที่สังคมมากด้วยความคลุ้มคลั่ง หลอนด้วยฤทธิ์ยาเสพเกลื่อนกลาด ศาสนาพังเสื่อมทรุด ย่อยยับด้วยน้ำมือนารีพิฆาตพระสีกากอล์ฟ ปรากฎการณ์เช่นนี้ ล้วนอยู่ภายใต้การบืหารงานของรัฐบาลที่มี สทร.คุมสั่งการทั้งสิ้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จบไม่สวยสักคน 'จตุพร' เตือนการเมืองแบบเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียนอย่างที่เห็น

'จตุพร' เตือนการเมืองแบบวงศ์วานเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียน รู้ผลลัพธ์จบไม่สวย มาแบบไหน ไปแบบนั้น ลั่นประเทศไม่ใช่ห้องทดลองการบริหารบ้านเมือง

'จตุพร' ฟาด กกต.ขี้โม้ อวดจัดเลือกตั้งกลางสนามรบ แนะเลื่อนรับสมัครสส. ไปปีหน้า

'จตุพร' เตือนการเมืองแบบวงศ์วานเครือญาติ 'ชินดาวงศ์' มีบทเรียน รู้ผลลัพธ์จบไม่สวย ลั่นประเทศไม่ใช่ห้องทดลองการบริหารบ้านเมือง

‘ศุภจี’ ยํ้า ดีลเจรจาภาษีทรัมป์ ยังไม่เปลี่ยนแปลง  สหรัฐฯยังไม่ปรับเงื่อนไข

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าการเจรจาภาษีการค้าสหรัฐฯ ว่า ยัง

'จตุพร' เตือน 'อนุทิน' ถ้าตามใจ 'ทรัมป์' กดดันไทยหยุดยิง ระวังจะถูกประชาชนขับไล่

ชายแดนไทย-เขมร ต้องไม่ปล่อยค้างคาใจอีก หนุนสู้รบให้จบก่อนเจรจาสันติภาพ ฟาด "อันวาร์" อย่าเผือก ชี้คนไทยแสดงความเห็น

'หมอนทองวิทยา'ล่องใต้ ดวล'พังงา-ภูเก็ต'10,13ธ.ค.นี้ สร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชน

เตรียมตัวให้พร้อมกล้องถ่ายรูปต้องชัดเมื่อ 2 จังหวัดภาคใต้ “ภูเก็ต-พังงา” ประสานมือจัดฟุตบอลกระชับมิตรนัดพิเศษ “ทีมรถขนฝัน” หมอนทองวิทยา ปะทะ ทีมนักเรียน รร.กีฬา อบจ.พังงา วันพุธที่ 10 ธ.ค. สนามกีฬาองค์การบริหารส่วนจังหวัดพังงา เวลา 15.30 น. ต่อด้วยนัดที่ 2 วันเสาร์ที่ 13 ธ.ค.ดวลแข้ง ภูเก็ตวิทยาลัย และ VIP ภูเก็ต เวลา 14.30 น. ที่ สนามฟุตบอลสะพานหิน เปิดให้ชมฟรีทั้ง 2 นัดเพื่อหวังสร้างแรงบันดาลใจให้กับเยาวชนใน 2 จังหวัดภาคใต้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง