'วิโรจน์' จี้ปมนายกฯ ใช้ตั๋ว P/N 'จุลพันธ์' โต้เร่งรัดไม่ได้เหมือนคดีพรรคส้มโอนเงินให้ม็อบ

'วิโรจน์' จี้ไม่เลิกปม 'นายกฯ' ใช้ตั๋ว P/N ซื้อหุ้น โวยผ่านมา 5 เดือนยังไม่คืบ 'จุลพันธ์' ยันไม่นิ่งนอนใจ แต่เร่งรัดกระบวนการไม่ได้ เหน็บฝั่ง 'พรรคส้ม' ก็มีคดีโอนเงินให้ม็อบ

28 ส.ค.2568 - ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานการประชุม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ตั้งกระทู้ถามสดด้วยวาจากรณีการใช้ตั๋ว P/N ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้มอบหมาย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ตอบ

นายวิโรจน์ ระบุว่า กรณีนายกรัฐมนตรีได้เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช. ว่าได้ซื้อหุ้นจาก แม่ พี่ชาย พี่สาว ลุง และป้าสะใภ้ เป็นเงิน 4,434.5 ล้านบาท โดยชำระเงินด้วยตั๋วสัญญาใช้เงินหรือตั๋ว P/N ที่ไม่มีกำหนดการชำระเงินและไม่มีดอกเบี้ย ซึ่งตั๋ว P/N ของนายกรัฐมนตรี มี 4 ฉบับ ออกเมื่อปี 2559 และอีก 5 ฉบับ ออกเมื่อปี 2566 จนถึงปัจจุบันก็ไม่มีการชำระเงิน จนกระทั่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายกรัฐมนตรีจึงรับสารภาพว่าจะเริ่มจ่ายในปี 2569

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า กรณีดังกล่าวทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยว่า นี่อาจไม่ใช่การซื้อขายหุ้น แต่เป็นการทำนิติกรรมอำพรางเพื่อหลีกเลี่ยงภาษี ที่ผ่านมาอธิบดีกรมสรรพากรก็พยายามแก้ต่าง แต่ประชาชนไม่เชื่อ ซึ่งตามมาตรา 42 (26) (27) และ (28) ของประมวลรัษฎากร นายกรัฐมนตรีต้องจ่ายภาษีรับให้เป็นมูลค่า 218.7 ล้านบาท

“จากกรณีการใช้ตั๋ว P/N ประเทศชาติได้เงินจากนายกรัฐมนตรีเพียง 27 บาท เป็นค่าอากรแสตมป์ที่ติดไว้ในตั๋ว P/N 3 ฉบับ ฉบับละ 9 บาท” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ ยกตัวอย่าง เปรียบเทียบกรณี นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โอนหุ้นแสนศิริให้ลูกสาว ซึ่งลูกสาวนายเศรษฐาก็สำแดงอย่างตรงไปตรงมา และจ่ายภาษีการรับให้ ไม่เห็นใช้ตั๋ว P/N ตรงไหน ต้องชื่นชมนายเศรษฐาที่สอนลูกมาดี ซึ่งเรื่องนี้ตนเองจะติดตามอย่างไม่ลดละ และได้ยื่นหนังสือไปยังกรมสรรพากรวินิจฉัยแล้ว แต่ผ่านมา 5 เดือน ยังไม่มีความคืบหน้าที่เป็นรูปธรรม

“จนเส้นทางการเงินของสีกากอล์ฟเขาสืบกันจนสิ้นไส้แล้ว แต่ตั๋ว P/N ของนายกรัฐมนตรียังไม่ถึงไหน ยังตั้งคณะกรรมการอยู่เลย” นายวิโรจน์กล่าว

ด้านนายจุลพันธ์ ชี้แจงว่า ทางกรมสรรพากรไม่ได้นิ่งนอนใจ ตั้งแต่ได้รับเรื่องเมื่อ 28 มีนาคม 2568 ได้ดำเนินการพิจารณาว่ามีมูลตามที่สงสัยหรือไม่ และมีการหาข้อมูลภายในและภายนอก รวมถึง ป.ป.ช. และกรมธุรกิจการค้า ได้ข้อมูลมาค่อนข้างครบถ้วน ซึ่งช่วงนี้จะสืบหาข้อเท็จจริง โดยเชิญ 7 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับการโอนหุ้น เพื่อตรวจสอบอยู่ ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น

นายจุลพันธ์ บอกด้วยว่า จะเร่งรัดไม่ได้ เพราะกระบวนการเรื่องภาษีไม่ได้มีแค่เรื่องนี้ ยังมีทั้งเรื่องภาคเอกชนและภาคการเมือง แม้นายเศรษฐาเองก็มีคดีเรื่องภาษีร้องเรียนเข้ามา ซึ่งกรมสรรพากรก็ได้ให้ความเป็นธรรม ผ่านมา 2 ปี ก็ยังดำเนินการต่อ

“ยกตัวอย่างอีกคดีหนึ่ง เช่น การโอนเงินเพื่อสนับสนุนม็อบ นี่เป็นกลุ่มของท่านเอง ด้วยความเคารพ เราก็ดำเนินการอย่างถูกต้อง ไม่มีการเร่งรัด ไม่นิ่งนอนใจ แต่ต้องดำเนินการให้ครบถ้วน เพราะเรื่องนี้มีการให้คุณให้โทษกับประชาชนได้ ดังนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้ความเป็นธรรมทุกฝ่ายอย่างเท่าเทียม” นายจุลพันธ์กล่าว

นายจุลพันธ์ กล่าวอีกว่า ต่อจากนี้จะเป็นการสืบสวนสอบสวน โดยจะเชิญนายกรัฐมนตรี และญาติพี่น้องต่างๆ มาสอบถามข้อเท็จจริง จะตอบว่าเสร็จกระบวนการเมื่อไรคงตอบไม่ได้ หากรวบรวมข้อเท็จจริงครบแล้วก็จะส่งให้กรมสรรพากรวินิจฉัยว่ามีมูลหรือไม่

ส่วนคำถามที่ว่า เหตุใดนายพิชัยจึงยังไม่ตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการวินิจฉัยให้ครบถ้วน เพราะตั้งแต่มีคณะกรรมการวินิจฉัยมา 40 ปี มีกรณีที่ต้องเข้าสู่คณะกรรมการไม่เยอะ มีเพียง 42 กรณี ครั้งล่าสุดที่ประชุมก็ปี 2563 มาแล้ว ซึ่งหากกรมสรรพากรพิจารณาว่าเรื่องนี้มีมูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังก็สามารถเร่งรัดตั้งบุคลากรเข้าไปได้ไม่ยาก

นายวิโรจน์ กล่าวอีกว่า เพียงแค่จะประเมินว่าเสร็จเมื่อไร อย่างช้าก็ไม่ได้เลยหรือ ส่วนตัวมองว่า การดำเนินการโดยขาดกำหนดเวลา เป็นการบริหารที่ใช้ไม่ได้ ก่อนตั้งคำถามต่อไปว่า อธิบดีกรมสรรพากรชี้แจงเมื่อวานนี้ (27 สิงหาคม) ว่า มีคณะกรรมการอีกชุดตั้งขึ้นมาเพื่อพิจารณาความเหมาะสมของตั๋ว P/N ทั้งระบบ

“เรื่องนี้แนะนำอธิบดีกรมสรรพากรนิดหนึ่ง คณะกรรมการนี้ ท่านควรเชิญบิดานายกรัฐมนตรี มาเป็นเสมียนประจำคณะกรรมการ เพราะบิดานายกรัฐมนตรี ท่านใช้ตั๋ว P/N บ่อยที่สุด คล่องที่ เก่งที่สุดกว่าใครบนแผ่นดินนี้แล้ว” นายวิโรจน์กล่าว

นายวิโรจน์ ถามอีกว่า ในเมื่อยังไม่ทราบว่ากระบวนการจะแล้วเสร็จเมื่อไร ตั้งคำถามว่าจะมีการให้ความเป็นธรรมกับประชาชนคนอื่น ที่โอนหุ้นและจ่ายภาษีอย่างถูกต้องไปแล้วอย่างไร มีมาตรการชั่วคราวคุ้มครองหรือไม่

“หากในอนาคตมีคำวินิจฉัยออกมาว่า แพทองธารโมเดล เป็นการวางแผนภาษีแบบดุดันไม่เกรงใจใคร แพทองธาร เรนเจอร์ แรปเตอร์ ทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วจะให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่สำแดงการโอนหุ้นอย่างถูกต้อง และจ่ายภาษีรับให้อย่างตรงไปตรงมาอย่างไร” นายวิโรจน์ระบุ

นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ไม่มีกรณีพิเศษ เพียงแต่กรณีของนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องที่นายวิโรจน์เองหยิบยกมาพูดในสภา และกรณีตั๋ว P/N ยืนยันว่ามีมากกว่า 1 กรณี และผู้เสียภาษีจะเสียจากกำไรที่เกิดขึ้น และตามประมวลแพ่งและพาณิชย์ มีช่องทางชำระได้ 2 ช่องทาง คือ ใช้ตั๋วและตัวแทนเงิน และอีกทางคือใช้ตั๋ว เช่น ตั๋ว P/N ซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ว่า การใช้ตั๋ว P/N จะกำหนดวันเวลาหรือไม่ก็ได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น ก็มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุด ซึ่งตอนนี้ถึงขั้นตอนการเวียนความเห็นของหน่วยงานต่างๆ แล้ว เป็นเรื่องภายในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งให้คำมั่นสัญญาเรื่องกรอบเวลาไม่ได้ เพราะกระทบกับคนนอก แต่เรื่องคณะกรรมการศึกษาเรื่องตั๋ว P/N ยืนยันว่า เสร็จภายในสิ้นปีนี้แน่นอน ว่าตั๋ว P/N เป็นช่องโหว่หรือไม่ และควรแก้ไขหรือไม่ เพื่อในอนาคตจะได้มีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าวในสภาฯ

“ถามว่าเร่งรัดหรือไม่ ผมกล้าตอบว่า ผมไม่ได้เร่ง แต่ผมไม่ได้ช้า เป็นไปกระบวนการที่มันเป็น ผมจะไปเร่งเพื่อให้ไม่เป็นธรรมกับอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ถูกใจท่าน ผมก็ทำไม่ได้เช่นเดียวกัน” นายจุลพันธ์กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วิโรจน์' แฉธุรกิจหน้าใหม่ เปิดตัวทุบราคา 'ถูกผิดปกติ' ฟอกเงินสกปรก หวั่นเศรษฐกิจพังทั้งระบบ

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า ในหลายจังหวัด เราเริ่มเห็นธุรกิจหน้าใหม่เปิดตัวพร้อมราคาที่ “ถูกผิดปกติ” จนชวนให้สงสัย .

'วิโรจน์' ขู่ซักฟอกรัฐบาล! หากปราบแก๊ง สแกมเมอร์ไร้ผล

'วิโรจน์' ยันจะใช้กลไกสภา ตรวจสอบแก๊งสแกมเมอร์ ฮึ่ม ! พร้อมยื่นซักฟอก หากรัฐบาลเมินเฉย จี้ 'นายกฯ อนุทิน' ลากคอแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชี้หากไทยไม่ร่วมมือนานาชาติ จะถูกมองเป็นเครือข่าย

ยกมติรัฐสภาโลก เตือนรัฐบาล ลูบหน้าปะจมูก นานาชาติจะมองไทยเป็นเครือข่ายสแกมเมอร์ข้ามชาติ

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า เมื่อผู้แทนจากรัฐสภาจากทั่วโลกมากถึง 2 ใน 3 ให้ความสนใจร่วมกันในการปราบปรามขบวนการสแกมเมอร์ข้ามชาติ