'นักเศรษฐศาสตร์' ค้านเปิดด่าน ชี้ความแข็งแกร่งจากภายใน จะทำให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ

12ก.ย. 2568- รศ.ดร.ชิดตะวัน ชนะกุล อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เผยแพร่บทความ เรื่อง แผ่นดิน VS ปากท้อง : มายาคติของนักการเมืองไทย! มีเนื้อหาดังนี้

ในระยะ 2-3 วันที่ผ่านมา มีการให้สัมภาษณ์ของนักการเมืองในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการรักษาอธิปไตยของชาติ อาทิ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคประชาชน ระบุให้เร่งเปิดด่านเนื่องจาก “ปากท้องสำคัญกว่าแผ่นดิน”

ในขณะที่การประชุม GBC ระหว่างไทยกับกัมพูชาเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 มีมติหลายประเด็น หนึ่งในนั้นคือการเปิดด่าน เริ่มต้นด้วยพื้นที่จันทบุรี-ตราด โดยพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ระบุว่าการเปิดด่านมาจากการกดดันของประเทศที่สาม อีกทั้งให้สัมภาษณ์ว่า “ไทยกับกัมพูชา ไม่อาจย้ายหนีจากกันไปได้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ทั้ง 2 ประเทศ จะต้องแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างสันติวิธี”

ในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ การรักษาดินแดน ปกป้องเอกราช เป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่ไม่สามารถยกเว้นได้ โดยประเทศทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับการป้องกันประเทศ เพื่อรักษาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ เมื่อพิจารณาในภูมิภาคอาเซียน ลีกวนยู ผู้ได้รับการขนานนามว่าเป็นบิดาแห่งสิงคโปร์เชื่อว่า การมีแสนยานุภาพในการรบมีความจำเป็นต่อการอยู่รอดและความเจริญรุ่งเรืองของประเทศ

ดังนั้น นับแต่แยกออกจากมาเลเซียและประกาศเอกราชในปี 1965 จวบจนปัจจุบัน แต่ละปี รัฐบาลสิงคโปร์ได้จัดสรรงบประมาณแผ่นดินเพื่อใช้ในการป้องกันประเทศสูงที่สุดเป็นอันดับ 1 เมื่อเทียบกับงบประมาณด้านอื่น ๆ โดยในปี 2022 สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีงบประมาณด้านการป้องกันประเทศต่อหัวประชากรสูงที่สุดในโลก นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายบังคับให้มีการเกณฑ์ทหาร เพื่อให้มีกําลังคนพร้อมรบเพื่อปกป้องอธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของประเทศ

การที่พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบางพรรค ระบุว่าต้องแก้ปัญหาต่าง ๆ อย่างสันติวิธี โดยเริ่มต้นด้วยการเปิดด่าน จะทำให้ประเทศไทยเกิดความเสียหายในองค์รวม

ประการแรก กัมพูชาได้รุกราน เข่นฆ่าทหารไทยและคนไทย การปิดด่าน หรือการกดดันทางการค้า จึงเป็นหนึ่งในมาตรการที่รัฐบาลจำเป็นต้องทำ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ อันจะนำมาซึ่งความมั่นคงของประเทศ

ประการต่อมา การยอมเปิดด่านในขณะที่ไทยและกัมพูชามีข้อพิพาททางดินแดน ย่อมเป็นการแสดงให้กัมพูชาเห็นว่า ประเทศไทยมีรัฐบาลที่ไม่ใส่ใจว่าประเทศไทยจะสูญเสียดินแดนหรือไม่ ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลไทยสนใจเพียงผลประโยชน์ในระยะสั้นของกลุ่มทุนบางกลุ่มเป็นหลัก ซึ่งทั้งหมดนี้จะทำลายความมั่นคง จนนำมาซึ่งหายนะทางเศรษฐกิจ

กล่าวคือ สันติวิธีโดยการเปิดด่านในเวลาที่ไม่เหมาะสม ย่อมทำให้ไทยมีภาพลักษณ์เป็นประเทศที่ไม่มีแสนยานุภาพ และตกเป็นเบี้ยล่างประเทศอื่นในที่สุด

นอกจากนี้ การที่พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และว่าที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล ให้สัมภาษณ์ว่า ต้นเหตุของการมีมติเปิดด่านเกิดจากประเทศที่สาม แสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่รัฐมนตรีของพลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ ในการตัดสินใจเปิดด่าน เป็นไปเพื่อประโยชน์ของต่างชาติ ซึ่งย่อมเป็นกรณีที่รัฐมนตรีกระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่ระบุว่า รัฐมนตรีต้องปฏิบัติหน้าที่เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม

ผู้บริหารประเทศที่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจากการออกนโยบาย จะคำนึงถึงการปกป้องอธิปไตยของชาติเป็นสำคัญ เพราะความแข็งแกร่งจากภายในจะนำมาซึ่งความยำเกรง จนทำให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ…นั่นเอง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เหนื่อยแทนทหารแนวหน้า! 'บิ๊กเล็ก' ไฟเขียวกฎการใช้กำลัง ให้เจรจา-เตือน-ยิงตรง หากเขมรรุกล้ำ

"บิ๊กเล็ก" ไฟเขียวกฎการใช้กำลังสามขั้น เจรจา-เตือน-ยิงตรง หากเขมรรุกล้ำหลังมีคลิปเผชิญหน้าที่ช่องอ่านม้า

'บิ๊กเล็ก' ย้ำกองทัพเตรียมพร้อมสูงสุดรับมือเหตุรุกล้ำอธิปไตย!

'บิ๊กเล็ก' ย้ำกองทัพเตรียมความพร้อมสูงสุดรับมือกับเหตุการณ์การรุกล้ำอธิปไตย ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา พัฒนาขีดความสามารถต่อต้านโดรน

ความสมดุลของการรักษาอธิปไตยและการใช้กำลัง : สำหรับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา

รศ.ดร.บุญส่ง ชเลธร สถาบันรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เผยแพร่บทความเรื่อง ความสมดุลของการรักษาอธิปไตยและการใช้กำลัง : สำหรับข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา มีเนื้อหาดังนี้