การเมืองไทยไม่เคยหยุดนิ่ง ข่าวใหญ่ ข่าวเล็ก เกิดขึ้นแทบทุกสัปดาห์ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าตัวเหตุการณ์ คือ ภาพสะท้อนตัวตนของนักการเมือง แต่ละคน เพราะบ่อยครั้งบุคลิกเพียงอย่างเดียวก็อธิบายได้มากกว่าถ้อยคำที่ปราศรัยเป็นร้อยประโยค
ในห้วงเวลานี้ ชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในภาคใต้คือ เดชอิศม์ ขาวทอง เมื่อถูกเชื่อมโยงเข้ากับ พรรคกล้าธรรม ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า การขยับเพียงเล็กน้อยของผู้มีบารมีในพื้นที่สงขลา กลับกลายเป็นประเด็นใหญ่ที่อาจส่งแรงสะเทือนไปทั้งภูมิภาค
เพราะไม่ใช่การเปลี่ยนแค่สังกัด แต่สะท้อนถึง ความเหมาะกันของบุคลิกทางการเมือง คนหนึ่งมีบารมีในสงขลา อีกคนคือผู้กุมเกมในระดับประเทศ การวางชื่อเคียงกันจึงทำให้คำว่า “ความลงตัว” โผล่ขึ้นมาในบทสนทนาทางการเมืองทันที
เดชอิศม์ ขาวทอง เติบโตจากเส้นทางการเมืองท้องถิ่นในสงขลา เริ่มจากการเป็นสมาชิกสภาจังหวัด ก่อนจะก้าวขึ้นเป็นนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา ตำแหน่งที่ทำให้สร้าง เครือข่ายหัวคะแนน และฐานสนับสนุนแน่นหนา
ปี 2548 เดชอิศม์ลงสมัคร สส. ในนาม พรรคไทยรักไทย แม้ไม่ประสบความสำเร็จ แต่ในปี 2550 ก็ย้ายเข้าสู่ พรรคประชาธิปัตย์ และก้าวขึ้นมามีบทบาททางการเมือง จนได้รับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปี 2562
มีน้อยครั้งนักที่นักการเมืองจาก สายระบอบทักษิณ จะโยกเข้ามาสังกัดประชาธิปัตย์ เพราะส่วนใหญ่ภาพที่เห็นมาตลอดคือการไหลออกจากพรรคเก่าแก่แห่งนี้ไปสู่พรรคอื่นมากกว่า การตัดสินใจของเดชอิศม์จึงถูกตั้งคำถามมาตั้งแต่ต้นว่า จะเข้ากับ ภาพลักษณ์ผู้ดีการเมือง ของประชาธิปัตย์ได้จริงหรือไม่
ประชาธิปัตย์มีภาพจำเป็นพรรค อนุรักษนิยม ตัวแทนชนชั้นกลางเมืองใหญ่ และผู้ดีการเมืองที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน แต่เดชอิศม์กลับใช้ บารมีท้องถิ่นและเครือข่ายหัวคะแนน มากกว่าสุนทรพจน์ในสภา
บุคลิกเช่นนี้สะท้อนพลังแบบ “ลงพื้นที่ได้จริง” แต่ก็ขัดแย้งกับความเรียบร้อยที่ประชาธิปัตย์พยายามรักษาไว้ การได้เป็น เลขาธิการพรรค แม้ถือเป็นความก้าวหน้า แต่ก็ไม่เคยทำให้เขากลายเป็น “ภาพแทนของพรรค” อย่างแท้จริง
จึงไม่แปลกที่กระแสภายในจะมองว่า เดชอิศม์เป็นเสมือนคนใส่เสื้อผิดเบอร์ และวันหนึ่งก็ต้องถอดออกเพื่อหาพรรคที่เข้ากับบุคลิกและสไตล์ของตนเองมากกว่า
กระแสต่อต้านภายในพรรคประชาธิปัตย์มีอยู่จริง โดยเฉพาะกลุ่มที่อยากเห็น อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมากอบกู้ภาพลักษณ์เดิม พวกเขามองว่าเดชอิศม์ไม่ใช่คนที่จะทำให้พรรคกลับไปสู่เส้นทางนั้นได้
แรงกดดันลักษณะนี้ทำให้ข่าวการย้ายพรรคของเดชอิศม์มีน้ำหนักมากกว่าคำซุบซิบทั่วไป เพราะมันสอดคล้องกับข้อเท็จจริงในพรรคเก่าเอง ยิ่งเมื่อ ความนิยมของประชาธิปัตย์ในภาคใต้ถดถอย การย้ายออกของผู้กว้างขวางเช่นเขาย่อมทำให้สมดุลในพื้นที่เปลี่ยนไป
ทั้งหมดนี้จึงเป็นพื้นหลังที่ทำให้ชื่อ พรรคกล้าธรรม ถูกพูดถึงมากขึ้น ว่าอาจเป็นจุดหมายใหม่ที่เหมาะกับเดชอิศม์มากกว่า
พรรคกล้าธรรม แม้เพิ่งเกิดแต่ได้แสดงศักยภาพแล้วจากการเลือกตั้งซ่อมที่สามารถ ปักธงในภาคใต้ ได้สำเร็จ ภายใต้การนำของธรรมนัส พรรคนี้แสดงให้เห็นว่าไม่ได้ตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นไม้ประดับ แต่เพื่อแย่งฐานเสียงจริง
แนวทางของกล้าธรรมชัดเจน คือการอาศัย บารมีท้องถิ่นและเครือข่ายหัวคะแนน มากกว่าการแข่งกันที่นโยบายมหภาค นี่คือสไตล์ที่ตรงกับบุคลิกของเดชอิศม์อย่างพอดี
ดังนั้น เมื่อชื่อของเขาถูกโยงเข้ามา ภาพความลงรอยก็เกิดขึ้นเองโดยไม่ต้องอธิบายยืดยาว เหมือน จิ๊กซอว์ที่ต่อเข้ากันโดยไม่ต้องฝืน
ธรรมนัส พรหมเผ่า ถูกจดจำในฐานะ “ผู้จัดการ” รู้จักการควบคุมกลไก รู้จักสร้างเครือข่าย และรู้วิธีส่งผลลัพธ์ที่จับต้องได้ พรรคในมือเขาจึงไม่เน้นความหรูหราของคำ แต่เน้นว่าทำได้จริง
เมื่อเดชอิศม์ถูกวางเคียงกับธรรมนัส ภาพที่ได้จึงไม่ใช่ความเหมือน แต่เป็น ความรับส่งที่ลงตัว คนหนึ่งคุมเกมส่วนกลาง อีกคนคุมพื้นที่จริง เมื่อประกอบกันแล้วดูคล้ายการเสริมจังหวะที่พอดีโดยไม่ต้องปรับแต่งมาก
สำหรับการเมืองไทย ภาพเช่นนี้อาจไม่สวยงามในตำรา แต่เป็นสิ่งที่ทำงานได้จริงในสนามเลือกตั้ง
หากความเป็นไปได้นี้กลายเป็นจริง ภาคใต้จะสั่นสะเทือนในทันที เพราะการย้ายของเดชอิศม์ไม่ใช่เพียงการเปลี่ยนสังกัด แต่คือการพา เครือข่ายหัวคะแนนทั้งชุด เคลื่อนย้ายตามไปด้วย
เขตเลือกตั้งในสงขลาที่เคยมั่นคงสำหรับประชาธิปัตย์อาจกลายเป็นพื้นที่เสี่ยง พรรคอื่นที่หวังเก็บแต้มในใต้ก็ต้องปรับยุทธศาสตร์ใหม่ทั้งหมด เพราะเครือข่ายเดิมที่เคยทำงานให้ประชาธิปัตย์ อาจกลายเป็นกำลังหลักของกล้าธรรมแทน
นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลจริง ไม่ใช่เพียงในแง่ตัวบุคคล แต่ในเชิง โครงสร้างการเมืองระดับภูมิภาค
ในระดับประเทศ การจับมือเช่นนี้ทำให้ พรรคกล้าธรรม ดูไม่ใช่พรรคเล็กที่รอเก็บเศษอีกต่อไป แต่พร้อมขึ้นมาเป็นตัวแปรสำคัญ การมีฐานเสียงใต้ผนวกกับบารมีของธรรมนัสในโซนภาคเหนือ ทำให้พรรคนี้มีศักยภาพสร้างอิทธิพลได้ในหลายภูมิภาค
ข้อได้เปรียบคือ พรรคนี้ไม่ได้โตด้วยคำโฆษณา แต่โตด้วย คนจริงที่เดินสนามเลือกตั้ง ซึ่งเป็นทรัพยากรที่พรรคใหญ่ก็ไม่สามารถสร้างขึ้นมาได้ภายในเวลาอันสั้น
สำหรับคู่แข่ง จึงไม่ใช่แค่เรื่องการแย่งที่นั่ง แต่คือความท้าทายเชิงยุทธศาสตร์ว่า จะรับมือกับพรรคที่ใช้ เครือข่ายจริงสู้ มากกว่าการพึ่งนโยบายและสื่อ
คำถามที่หลายฝ่ายตั้งคือ ความลงตัวแบบนี้ดีหรือไม่ คำตอบขึ้นอยู่กับว่าใช้เกณฑ์ใดตัดสิน หากใช้ตำรา อาจบอกว่าไม่สอดคล้องกับภาพการเมืองที่พึงประสงค์ แต่ถ้าใช้เกณฑ์คูหาเลือกตั้ง ภาพนี้คือสูตรที่พิสูจน์แล้วว่าได้ผล
การเมืองไทยไม่เคยเดินด้วยถ้อยคำสวยหรู หากเดินด้วยพลังของคนที่ ควบคุมพื้นที่ได้จริง และรู้จักวิธีเรียกใช้เครือข่ายที่พร้อมทำงาน นี่คือสิ่งที่ทั้งเดชอิศม์และธรรมนัสทำได้ และหากเดินไปด้วยกัน ผลลัพธ์ย่อมไม่ธรรมดา
จึงเป็น “ความลงตัว” ที่ไม่ต้องอธิบายเพิ่ม คนที่ตามการเมืองมานานย่อมรู้ว่าภาพนี้มีความหมายเกินกว่าคำโฆษณาใดๆ
กระแสข่าวเรื่องเดชอิศม์อาจเคียงข้างธรรมนัส ไม่ได้ถูกมองว่าเป็นการเปลี่ยนพรรคธรรมดา แต่สะท้อนถึงความเป็นไปได้ของ การจัดเรียงใหม่ในโครงสร้างการเมืองไทย
พรรคการเมืองที่เคยมองว่าภาคใต้เป็นพื้นที่ได้เปรียบโดยไม่ต้องลงทุนมากนัก อาจต้องทบทวนยุทธศาสตร์ใหม่ทั้งหมด พรรคใหญ่ที่เคยมั่นใจในแบรนด์พรรค ก็ต้องยอมรับว่าบางครั้ง ชื่อบุคคลมีพลังมากกว่าชื่อพรรค
ทั้งหมดนี้ทำให้คำว่า “ความลงตัว” กลายเป็นคำอธิบายที่เหมาะที่สุด ไม่ใช่เพราะมันงดงาม หากแต่เพราะเดชอิศม์และธรรมนัสต่างเป็นตัวแทนของการเมืองที่อาศัยบารมีและเครือข่ายท้องถิ่นเมื่อสองเส้นทางมาบรรจบกัน พรรคกล้าธรรมจึงได้สิ่งที่รอคอย และสังคมก็ได้เห็นอีกครั้งว่า การเมืองไทยยังเลือกเชื่อในพลังแบบนี้มากกว่าในอุดมการณ์ใดๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'นิพิฏฐ์' เตือน! อย่าเลือกคน 'อาด' เข้าไปข่มขืนประเทศ
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า อย่าเลือกคน “อาด” ไปข่มขืนประเทศ
ธรรมนัส“ไม่ออก”ปักหลักชน หลังเจอแรงบีบให้ซ้ำรอยอดีตรมช.คลัง
แม้ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี จะออกลูกแอ็กชันหลายรอบในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดอาชญากรรมทางเทคโนโลยี-สแกมเมอร์-พนันออนไลน์ มีการประกาศให้เป็น "วาระแห่งชาติ" ผ่านการออกอาวุธต่างๆ
สุริยะใส สะท้อน ปรากฎการณ์หมอนทองวิทยา ถึงศรัทธาที่สูญหาย เมื่อฟุตบอลสะท้อนเศรษฐกิจและการเมืองไทย
ปรากฎการณ์หมอนทองวิทยา ทำให้เราได้เห็นว่า ในวันที่ระบบใหญ่กำลังสั่นคลอน ยังมีความดีที่ไม่ต้องประชาสัมพันธ์และความเพียรที่ไม่ต้องอวด
เดือด! ดราม่ากีฬาไทย สะเทือนขอบสนามซีเกมส์ | ห้องข่าวไทยโพสต์สุดสัปดาห์
ห้องข่าวไทยโพสต์ : วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568
ปชป.กระเด็น 'ธรรมเพชร' ซบ 'กล้าธรรม' ส่งสุพัชรีนั่งเก้าอี้รมต.
พัทลุงคึกคัก “ธรรมนัส” เขี่ยปชป.กระเด็น ลั่นครอบครัวธรรมเพชร ต้องกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง หนุน “ดร.แหม่ม สุพัชรี” ถึงเก้าอี้รมต.
'สมชัย' ฟันเปรี้ยง! หลังเลือกตั้ง 69 'ภท.' เบียดชนะได้สส.มากกว่า 'ปชน.' พรรคเพื่อไทยต่ำร้อย
‘สมชัย’ชี้เปรี้ยงหลังเลือกตั้ง 69 ภูมิใจไทย เบียดชนะ ได้ส.ส.มากกว่า พรรคประชาชน อนุทิน ลุ้นคัมแบ็กนายกฯรอบสอง มองพรรคส้ม ฝ่ายค้านยาว หากได้ไม่ถึง 200 ที่นั่ง ส่วนเพื่อไทย พรรคต่ำร้อย!

