'อนุทิน' ประกาศกลางเวที วปอ.บอกเขมรหมดโอกาสกลับโต๊ะเจรจา!

'อนุทิน'​ ประกาศกลางเวที วปอ.​68 บอกกัมพูชา หมดโอกาสกลับโต๊ะเจรจา ขอร้องเป็นเพลง ​my way เมินภาษีทรัมป์​ หลังฉีก​ปฏิญญาสันติภาพ​ เล็งหาตลาดประเทศอื่นค้าขาย

12 พ.ย.2568 - นายอนุทิน​ ชาญวีรกูล​ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 68​ โดยมี​ พล.อ.ณัฐพล​ นาคพาณิชย์​ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธราพงษ์​ มะละคำ​ ปลัดกระทรวงกลาโหม​ พล.อ.อุกฤษณ์​ บุญตานนท์​ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด​​ (ผบ.ทสส.) ร่วมด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดว่า​ วันนี้ตนปลื้มใจ​ ดีใจและภูมิใจ ที่ได้กลับมาสู่สถาบัน วปอ.อีกครั้งหนึ่ง นัดสถานที่แห่งนี้ที่ตนเคยเป็นนักศึกษาในหลักสูตร วปอ. การที่ได้พบกับพี่น้องชาว วปอ.ทุกครั้ง ตนถือว่าเป็นการพบกับบุคลากรผู้ทรงคุณค่าของประเทศ​ เป็นผู้นำระดับสูงจากทุกภาคส่วน​ ทุกท่านที่มาที่นี่ด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น ตนเชื่อว่าทุกท่านคงมีประสบการณ์ และตระหนักเสมอว่าในยุคนี้ ภัยคุกคามต่อความมั่นคงไม่ได้มาในรูปแบบของการรบด้วยอาวุธสรรพกำลังอีกต่อไป แต่แฝงมาในรูปของ การแข่งขันทางข้อมูลการค้า เศรษฐกิจดิจิทัล การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการผันผวนของตลาดโลก อันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของภูมิรัฐศาสตร์

นายก​รัฐมนตรี​ ยังกล่าวว่า​ ทุกครั้งที่ตนได้ไปร่วมประชุมนานาชาติก็จะเห็นได้ชัดว่าความมั่นคงทางเศรษฐกิจนั้นได้กลายเป็นแนวรบใหม่ของทุกประเทศในโลกนี้ หากเศรษฐกิจสั่นคลอน​ ความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น ความไม่พอใจในสังคมก็จะขยายตัวเป็นความปั่นป่วนมีผลต่อเสถียรภาพทางด้านการเมืองสังคม ดังนั้นภาครัฐจึงต้องสร้างเศรษฐกิจที่ไม่พึ่งพาภาคส่วนใดภาคส่วนหนึ่งแต่ต้องเป็นเศรษฐกิจที่มีความสมดุลเสมอภาค รัฐบาลที่ตนเป็นหัวหน้าคณะรัฐมนตรีนี้ มุ่งเน้นการประคับประคอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้มีรายได้น้อย​ ให้พวกเขามีกำลังพอที่จะยืนได้ด้วยตนเอง อย่างเช่นโครงการคนละครึ่งพลัส ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ซึ่งข้อสำคัญ เรามีคำว่า "พลัส" ขึ้นมา เพราะได้ครอบคลุมไปถึงการให้ผู้ประกอบการ ไม่ใช่เพียงผู้ซื้อเข้าถึงช่องทางการค้าขายออนไลน์ เป็นการเปิดประตูทางอากาศใหม่ๆ อบรมให้มีความคุ้นเคยกับการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เปรียบเสมือนการให้เบ็ดตกปลาไม่ใช่การให้โครงการแจกเงินเพราะเราต้องการให้คนทุกกลุ่มรู้สึกว่าเขาเป็นเจ้าของความมั่นคงร่วมกัน

นายก​รัฐมนตรี กล่าวต่อว่า​ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจอย่างเดียวไม่เพียงพอ​ ในรัฐบาลของตนยังให้ความสำคัญกับเรื่องความมั่นคง​เชิงบูรณาการคือการเชื่อมโยงนโยบายเศรษฐกิจ และความมั่นคงเอาไว้ด้วยกัน คำว่าการบูรณาการ ตนเพิ่งมาเข้าใจ​เมื่อไม่กี่ปีมานี้ รู้ว่าแปลว่าร่วมกัน เวลาไปพูดที่ไหนคิดอะไรไม่ออกก็ใช้คำว่าบูรณาการ แต่เดี๋ยวนี้ในยุคสมัยนี้การทำงานร่วมกัน เพื่อแก้ปัญหาของบ้านเมือง​ เราขาดคำว่าบูรณาการไม่ได้ เพราะถ้าเราไม่บูรณาการร่วมกัน ก็จะเป็นการเสียศูนย์ แม้แต่ในสภาความมั่นคง​แห่งชาติ​ หรือ​ สมช.​เอง ที่ทุกวันนี้เราต้องประชุมกันบ่อย​ เพราะมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราใช้กลไกของสมช. ซึ่งถือเป็นการ ใช้การบูรณาการร่วมกัน​ คนทั่วไปคิดว่าสมช.คือหน่วยงานด้านความมั่นคง ที่ประกอบไปด้วยทหารของทัพเท่านั้น แต่จริงๆแล้วไม่ใช่แต่ในสมช.มีทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงการคลัง กระทรวงยุติธรรม และมีข้าราชการที่ทำงานเกี่ยวกับความมั่นคงภายใน เพราะหากขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปจะไม่ครอบคลุมเวลาจะต้องตัดสินใจในสิ่งที่สำคัญให้กับประเทศของเรา ดังนั้นเดี๋ยวนี้จะจัดการอะไรที่เป็นเรื่องใหญ่ๆ ตนขอย้ำว่าเราทำงานกันเป็นแผง มากันยกแผง

นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติมว่า และไม่เพียงต่อสู้กับประเทศเพื่อนบ้านเพียงเท่านั้น​ ในประเทศเอง ก็เจอปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์ การปราบปรามสแกมเมอร์ ถือเป็นปัญหาที่ต่อเนื่องมา ในหลายรัฐบาล แต่มาหนักในรัฐบาลของตน ซึ่งล้วนแต่เกี่ยวข้องกับความเป็นอยู่ กับคุณภาพชีวิตของประชาชนและความเดือดร้อนของประชาชนทุกคน คนที่เป็นเหยื่อสแกมเมอร์มีการศึกษาหมด ไม่ใช่ตาสีตาสา​ แต่ตรงกันข้ามคนที่ไม่มีการศึกษาไม่ค่อยถูกหรอก​ เพราะเข้าไม่ค่อยถึง โอนเงิน​ไม่ค่อยเป็น​ มือถือก็ไม่มี​ การบูรณาการความร่วมมือนี้จึงทำให้ความมั่นคง มีความสำคัญ และมีผลต่อการดำเนินนโยบายของรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาในสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังยกตัวอย่างว่า​ อย่างเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาทางรัฐบาลได้บูรณาการหน่วยงานในสังกัดราชการตลอดจนภาคเอกชน 15 หน่วยงาน เพื่อปรับอาชญากรรมสแกมเมอร์ ร่วมมือกันทำให้ทุกคนเห็นว่าหากต่างคนต่างทำปัญหาก็จะไม่ได้รับการแก้ไข การทำงานร่วมกันก็จะทำให้มีพลัง และเกิดประสิทธิภาพ เราที่มานั่งรวมกันเรียนอยู่ใน วปอ.นี้ถือเป็นการบูรณาการในรูปแบบหนึ่ง จึงเชื่อมั่นได้เลยว่าทุกคนมีความรับผิดชอบในภารกิจ ที่ต่างกันนั้นก็จะต้องมาร่วมมือกันหรือบูรณาการร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศต่อไปอย่างแน่นอน

ขณะเดียวกัน นายอนุทิน ยังระบุอีกว่า ภาคเอกชนภาษาทหารก็คือเป็นแนวหน้า ในทางเศรษฐกิจ หลายๆประเทศ ภาคเอกชนโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการ​ SMEs ถือเป็นกระดูกสันหลังของแผ่นดิน เพราะนั่นคือจำนวน ของ Real Sector หรือผู้ที่อยู่ในบทบาทด้านเศรษฐกิจตัวจริง ทุกการลงทุนคือการสร้างงานสร้างรายได้ การลดแรงกดดันทางสังคม และการนำภาษี มาจ่ายให้กับภาครัฐเพื่อนำเงินเหล่านี้ พัฒนาบ้านเมืองต่อไป รัฐบาลจึงมุ่งสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการลงทุนทั้งโครงสร้างพื้นฐาน เศรษฐกิจดิจิทัลและพลังงานสะอาด​

นายก​รัฐมนตรี​ ยังเล่าย้อนถึงการร่วมการประชุมผู้นำเอเปกเมื่อสัปดาห์ก่อน​ว่าประเทศไทยได้เข้าร่วมการประชุมทุกวง มี หลายประเทศไม่ได้เข้าร่วมการประชุม ต้อง ไปนั่งรออยู่ข้างนอก เขารอเข้าไปในวงใหญ่​ สังเกตได้เลยว่า​ ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามกติกาโลก​ ไม่ทำให้ตัวเองมีศักยภาพ ไม่ทำให้คุณได้สนใจว่า ประเทศของเรา เป็นประเทศที่เกื้อหนุนจุนเจือซึ่งกันและกันได้ เมื่อหลุดวงโคจรอำนาจต่อรองก็จะไม่มี เพราะฉะนั้นรัฐบาลกำลังที่จะเร่งปฏิรูปกฎหมายต่างๆ เพื่อให้เอื้อต่อผู้ประกอบการ ภาคเอกชนคงได้ยินแล้วว่ากิโยตินทางกฎหมาย ทางรัฐบาลของตนได้ให้ ศาสตราจารย์กิตติคุณบวรศักดิ์​ อุวรรณโณ​ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมายเป็นผู้รับผิดชอบ ที่มีทั้งความรู้และประสบการณ์ โน้มน้าวคนเก่าๆที่ไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย พร้อมระบุว่า​ มีข้าราชการการเมืองหรือข้าราชการ ประจำหลายคนพูดว่าเอื้อเอกชน แต่ที่พูดไปลืมว่าเงินเดือนข้าราชการก็มาจากเหล่านี้ เพราะถ้าเขาประกอบอาชีพประกอบกิจการแล้วเขาไม่มีผลกำไร ก็ขาดทุน ก็ไม่เสียภาษีและถ้าเก๋าขึ้นไปกว่านั้น เขาเรียกภาษีคืนด้วยเพราะก่อนหน้านี้ เสีย VAT ไปก่อน บางทีจ่ายเกินไป​ อธิบดีสรรพากรก็เก่งดึงให้ช้า ทำให้สภาพคล่องทางการเงินของภาคเอกชนนั้นตึง​ หลายครั้งที่ทำนายกรัฐบาลต้องเชิญอธิบดีต่างๆช่วยเร่งทำสัญญาเร่งจ่ายเพราะเงินไม่เข้าสู่ในระบบ

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ วปอ.68 นอกจากจะเป็นเครือข่ายที่ทำงานร่วมกันแล้ว ยังมีวปอ. 61 อีก 1 คน ที่เป็นเครือข่ายกัน ถ้าเราทำงานให้ชาติให้แผ่นดินแล้ว หลังจากนี้จะไม่มีคำว่า​ No แต่คำว่า Yes และ Advance ขึ้นไปเท่านั้น ต้องทำโดยทันที พร้อมกับกล่าวว่าวปอ. เป็นสถาบัน ที่เราสามารถใช้ศักยภาพ องค์ประกอบของแต่ละคนที่จะมาร่วมกันพัฒนาประเทศนี้ วันนี้ประเทศไทยเรา กลับมาอยู่ในจอเรดาร์ มีโอกาสมากมายเกิดขึ้นเพราะเราเปิดกว้าง

"เมื่อวานที่ประชุมสมช.ได้มีการประเมินสถานการณ์ วันนี้เราลงนามในปฏิญญา​ แต่ปฏิญญาผู้ที่ลงนามกับเราไม่ปฏิบัติ ในเมื่อไม่ปฏิบัติ ตนก็ไม่รู้จะเปรียบเทียบอย่างไรตนก็ต้องร้องเพลง ​my way อย่างตน​ อย่างพี่เล็ก​ พี่หยอย​ พี่​ปู จะมานั่งโต๊ะก็ตะขิดตะขวงใจกันมันไม่ได้แล้ว เพราะ 4 ข้อหลัก 4 ข้อคุณไม่ทำ แต่เราทำ เราทำทุกข้อ เราต้องการให้เกิดสันติภาพโดยเร็วที่สุด​ แต่เมื่อคุณไม่ทำ แล้วจะกลับมาทำใหม่ไม่ได้ วันนี้ประเทศไทยต้องยึดผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนคนไทยเท่านั้น ตรงนี้มีความชัดเจนแล้ว ตนจึงบอกว่าเดี๋ยวเจรจาการค้าภาษีเป็นอย่างไร ไม่สนแล้ว หากขายประเทศนี้ไม่ได้ ก็ไปหาประเทศอื่น​ ภาคเอกชนต้องช่วยกัน เราจะเอาชีวิตไปฝากไว้กับประเทศประเทศเดียวได้อย่างไร ภาคเอกชนเข้าใจเรื่องนี้ดี​ ส่วนนี้ปิด​ไปไม่เป็นไร​ ไปหาที่อื่นได้ ใช้ภาษีมากกดดันเราก็ไม่เป็นไร เพราะประเทศอื่นก็โดนผลกระทบเรื่องภาษีเหมือนกัน เราต้องมานั่งคุยกันเองท้ายที่สุดแล้วหากภาษีสูงมากจนถึง 100% ท้ายที่สุดผู้เดือดร้อนก็คือผู้ซื้อเราเป็นผู้ผลิตเราก็ต้องมา หันมาซื้อของในบ้านเราให้ได้มากที่สุด ซึ่งเราต้องอยู่ให้ได้ในยุคที่สร้างศักยภาพให้กับตนเอง" นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายอนุทินยัง​ ย้ำในช่วงท้าย​ รุ่นนี้รุ่น 68 ตนรุ่น 61​ ยังคุยกันรู้เรื่อง ในรอบ 10 ถึง 15 ปี ที่จะมีการพูดคุยพบปะกัน ซึ่งในที่นี้ ก็รู้จักกันกว่า 80% ก่อนถามหานายธนพร​ ศรียางกูร​ และกล่าวต่อต้องไม่มีการเมืองในวปอ.ทุกอย่างต้องหลอมรวม ไม่ให้อะไรที่ไม่ถูกไม่ต้องเข้ามาเพื่อที่จะให้ใช้คุณงามความดีทำงานให้กับบ้านเมืองไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน

สำหรับนักเรียนวปอ.รุ่น​ 68 มีจำนวนทั้งสิ้น​ 299 คน มีบุคคลที่มีชื่อเสียง อาทิ พันตํารวจตรี ยุทธนา แพรดํา อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ผบช.สอท.) พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ /นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นต้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใครกล้าทำ นายกฯ โวทำงาน2เดือนปราบสแกมเมอร์ ยึดเงินหมื่นล้าน คนบอกไม่ดำเนินคดีไม่รู้เรื่อง

นายกฯ ย้ำ รัฐบาลทำงาน2เดือนจริงจังปราบสแกมเมอร์ ยึดเงินหมื่นล้าน - เปิดชื่อเครือข่าย ถามมีใครกล้าทําหรือไม่ ตอกคนบอกไม่ดำเนินคดีคือ ไม่รู้เรื่อง

'วิโรจน์' ขีดเส้น 2 สัปดาห์ต้องยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายคนไทยที่ร่วมขบวนการ 'เบนสมิธ' เพิ่มเติม

'วิโรจน์' ลั่น เส้นทางการเงินการลากคอคนไทยตัวใหญ่มาลงโทษสำคัญกว่าภาพถ่าย'เบนสมิธ' กับบุคลสำคัญ ร่วมกับ 'อนุทิน' ขีดเส้น 2 สัปดาห์ต้องยึดอายัดทรัพย์เครือข่ายคนไทยที่ร่วมขบวนการได้เพิ่มเติมอีก

รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น

นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ

ไม่พลาด! 'ศรีสุวรรณ' ร้อง ป.ป.ช.สอบนักการเมือง-นักธุรกิจถ่ายภาพร่วม 'เบน สมิธ'

'ศรีสุวรรณ' ร้อง ป.ป.ช.สอบนักการเมือง-นักธุรกิจถ่ายภาพร่วมกับเบน สมิธ เข้าข่ายผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่

'ภราดร' ท้า 'รัฐบาล' ถ้าบริสุทธิ์ใจทำไมไม่มีหมายจับ 'เบน สมิธ–ยิม เลียก'

'เสธ.แมว' ท้า 'รัฐบาล' ถ้าบริสุทธิ์ใจตอบให้ได้ ทำไมยังไม่มีหมายจับ 'เบน สมิธ–ยิม เลียก' มองเงินอายัดพุ่ง 26,000 ล้าน แต่ ก.ล.ต.กลับนิ่ง เผยบางคนในเครือข่ายสแกมเมอร์เริ่มหมอบ เตรียมแยกตัวเป็นพยาน

ประชุม คกก.ถอดบทเรียนอุทกภัยนัดแรกเล็งลอกการบ้านแดนปลาดิบ

'บวรศักดิ์' ประชุม คกก.ถอดบทเรียนอุทกภัยนัดแรก ชี้ประเทศมี กม.แก้ภัยพิบัติเพียบ แต่เกิดเหตุฉับพลันอำนาจสั่งการไม่ได้ เตรียมถอดบทเรียนแบบญี่ปุ่น ก่อน 'นายกฯ อนุทิน' นั่งหัวโต๊ะนำประชุมต่อ