กองทัพภาคที่ 2 เปิดข้อมูลการสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชาตลอด 13 วัน ระบุพบพฤติกรรมทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ชี้ชัดการใช้โบราณสถานเป็นฐาน การดึงพลเรือนร่วมปฏิบัติการ และการนำพลเรือนเข้าสู่พื้นที่การรบ
20 ธันวาคม 2568 - กองทัพภาคที่สอง เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์การสู้รบบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ตลอดระยะเวลา 13 วันที่ผ่านมา นับตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม โดยระบุว่า ตรวจพบพฤติกรรมการปฏิบัติการทางทหารของฝ่ายกัมพูชาที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวา และกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ (International Humanitarian Law: IHL) อย่างชัดเจนหลายประการ
จากการตรวจสอบคลิปวิดีโอและภาพถ่ายการปฏิบัติการ พบว่าฝ่ายกัมพูชามีการใช้โบราณสถานเป็นที่ตั้งทางทหาร รวมถึงการนำผู้หญิงและเด็กเข้าไปอยู่ในพื้นที่การรบ นอกจากนี้ยังพบการครอบครองและการวางทุ่นระเบิด ตลอดจนการประกอบเครื่องกระสุนและวัตถุระเบิดภายในพื้นที่ดังกล่าว
กองทัพภาคที่ 2 ระบุว่า การกระทำที่เข้าข่ายละเมิดอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมาย IHL ประกอบด้วย 3 ประการ ได้แก่
1.การใช้โบราณสถานเป็นฐานที่ตั้งทางการทหาร
2.การใช้พลเรือนมีส่วนร่วมในการยิง การประกอบเครื่องกระสุน และวัตถุระเบิดภายในที่ตั้งทางทหารซึ่งอยู่ในโบราณสถาน โดยเฉพาะบริเวณปราสาทตาควาย
3.การนำพลเรือนเข้าไปอยู่ในพื้นที่การสู้รบโดยไม่แยกแยะ และใช้พลเรือนสนับสนุนปฏิบัติการทางทหารทั้งทางตรงและทางอ้อม ไม่ว่าจะเป็นการยิงปืนกล การบรรจุวัตถุระเบิด การประกอบเครื่องกระสุน รวมถึงการจัดเตรียมอาหารให้ทหารในพื้นที่การรบ
สำหรับอนุสัญญาเจนีวา เป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่กำหนดหลักเกณฑ์การปฏิบัติในช่วงสงคราม เพื่อคุ้มครองบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการสู้รบ หรือไม่สามารถสู้รบได้ เช่น พลเรือน ผู้บาดเจ็บ ทหารที่ยอมจำนน เชลยศึก และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความทุกข์ทรมาน ปกป้องชีวิตและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และจำกัดวิธีการใช้กำลังในการทำสงคราม
ขณะที่กฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ หรือ IHL เป็นกรอบกฎหมายที่ครอบคลุมกว้างกว่าอนุสัญญาเจนีวา โดยรวมทั้งกฎหมายเจนีวา ซึ่งเน้นการคุ้มครองบุคคล และกฎหมายเฮก ซึ่งควบคุมวิธีการใช้กำลังและอาวุธในสงคราม หลักสำคัญของ IHL ได้แก่ การแยกแยะเป้าหมายทางทหารออกจากพลเรือน การใช้กำลังตามหลักสัดส่วน ความจำเป็นทางทหาร และการหลีกเลี่ยงความทุกข์ทรมานเกินจำเป็น
กองทัพภาคที่ 2 ย้ำว่า จากหลักฐานที่ปรากฏ การปฏิบัติการของกองทัพกัมพูชาถือเป็นการละเมิดทั้งอนุสัญญาเจนีวาและกฎหมาย IHL ในทุกข้อกล่าวหา ซึ่งขัดต่อหลักมนุษยธรรมสากลที่กำหนดไว้ว่า แม้อยู่ในภาวะสงคราม ก็ยังต้องยึดหลักมนุษยธรรม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
กองทัพบกประณามกัมพูชา ใช้กำลังโจมตีพลเรือนชายแดน
โฆษกกองทัพบกระบุ การโจมตีชุมชนและบ้านเรือนประชาชนใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา เป็นการใช้กำลังไม่เลือกเป้าหมาย ละเมิดกฎหมายมนุษยธรรม ส่งผลกระทบรุนแรงต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนไทยจำนวนมาก
ทภ.2 สรุปชายแดนไทย-กัมพูชา ปะทะเป็นระยะ โดรนฝ่ายตรงข้ามหนาแน่น
กองทัพภาคที่ 2 รายงานภาพรวมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบการปะทะต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ฝ่ายตรงข้ามใช้งานโดรนและอาวุธหนักหนาแน่น ขณะฝ่ายไทยยิงตอบโต้ทำลายที่ตั้งยิงและยานพาหนะได้หลายครั้ง สถานการณ์ยังอยู่ในการควบคุม
'ปานเทพ' เรียกร้องเอาผิดไส้ศึกส่งน้ำมันให้เขมร ชี้เข้าข่ายโทษประหาร!
ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ระบุผู้ที่ส่งน้ำมันซึ่งเป็นยุทธปัจจัยให้กัมพูชา ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม เข้าข่ายช่วยข้าศึกทำร้ายทหารและพลเมืองไทย ขอให้ประชาชนช่วยแจ้งความดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 122 ซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต
‘จตุพร’ เตือนสงครามไทย-กัมพูชา ต้องไม่จบแบบโง่ๆ แค่ให้พ้นสิ้นปี
จตุพร พรหมพันธุ์ ระบุว่าสันติภาพจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อกัมพูชาคืนดินแดนไทยและหยุดยิงจริง ชี้หากสงครามจะยุติในช่วงสิ้นปี ต้องไม่จบแบบลวงโลกหรือซ้ำรอยการหยุดยิงรอบแรก พร้อมย้ำไทยไม่อาจแลกแผ่นดินกับสันติภาพจอมปลอม
สถานะเมืองรัตนโกสินทร์หลังศึกเขมรรอบสอง
ผู้เขียนขอพักบทความลีลาชีวิตท่านที่ลัคนาสถิตราศีมีนปี 2569 ซึ่งเป็นลัคนาสุดท้ายที่จะเขียนไว้พลางก่อน เพราะเมืองคับขันเกิดการสู้รบ
กกล.บูรพา บุกค้นบ้านหนองจาน พบเชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์กัมพูชา
กกล.บูรพาเข้าตรวจค้นบ้านในพื้นที่บ้านหนองจาน พบอุปกรณ์สื่อสารและเอกสารจำนวนมาก เชื่อมโยงขบวนการสแกมเมอร์ เตรียมขยายผลโยงเครือข่ายฝั่งกัมพูชา

