'สาทิตย์'เตือนสติอย่าผลีผลามกู้อนาคตอาจระบาดรอบ4-5


เพิ่มเพื่อน    

9 มิ.ย.2564 - นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) อภิปรายในพระราชกำหนดกู้เงิน 5 แสนล้านบาทว่า หากย้อนกลับไปดู พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น 3 ส่วน งบสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท  เยียวยา 5.5 แสนล้านบาท และฟื้นฟูอีก 4 แสนล้านบาท  ประเด็นที่น่าสนใจในงบฟื้นฟู 4 แสนล้านบาทเดิมมีการอนุมัติเงินไปกว่า 1.2 แสนล้านบาท เหลือเงินอีก 2 แสนล้านบาท และมีข้อเสนอเพิ่มเติมอีกกว่า 1 แสนล้านบาท รวมมีการใช้จ่ายกว่า 2 แสนล้านบาท ใช้จ่ายไปเพียง 40 เปอร์เซนต์ หลายโครงการต้องขอยกเลิก ขอเปลี่ยนแปลง แต่เรื่องที่ใหญ่กว่าคือบางโครงการที่ต้องช่วยเหลือคนเดือดร้อน สภาพัฒน์เป็นผู้อนุมัติล่าช้าไม่ทันการเพราะยึดกฎ ยึดระเบียบในช่วงวิกฤต จนชาวบ้านถามมาว่า ทำไมเอาคนไม่เดือดร้อนมาแก้ปัญหาคนเดือดร้อน การกำหนดสัดส่วนใช้เงินต้องชัดเจน 

“ตั้งใจจะฉีดวัคซีน 100 ล้านโดสในสิ้นปีนี้ เตรียมวงเงินที่จะซื้อวัคซีน 1.35 หมื่นล้านบาท จากงบกลางส่วนหนึ่งรวมกับงบเงินกู้ของ 1 ล้านล้านที่กู้มาแล้ว ถามว่าทำไมไม่ใช้เงินกู้นี้ไปจัดซื้อวัคซีน3 หมื่นล้านบาทถ้าไม่พอก็ใส่เพิ่มไป6 หมื่นล้าน วันนี้สับสนที่สุดคือเรื่องวัคซีนทุกจังหวัดได้ไม่ตรงตามความต้องการ อ.สังขบุรี จ.กาญจนบุรี ถึงมีข่าวว่าได้แค่ขวดเดียว ทำไมเราไม่จัดการใช้เงินกู้นี้ไปซื้อวัคซีนเพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจชาติอย่างแท้จริง” 

นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า เงินนี้ไม่ควรนำไปใช้ทำโครงการไร้ประสิทธิภาพอื่นใดเลย ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าการระบาดรอบที่ 4 จะเกิดขึ้นหรือไม่ เมื่อไหร่ อย่างไร คนที่ฉีดครบโดส 2 เข็มไปแล้วจะต้องฉีดเข็มที่ 3 ที่ 4 อีกหรือไม่  เงินกู้ 5 แสนล้านบาทนี้ เป็นหนี้ที่ชนเพดาน ต้องทุ่มเททำเรื่องวัคซีน ต้องจัดการ และกระจายให้ดีทั่วถึง ไม่เหลื่อมล้ำ และเพียงพอ อย่าเอาการเมืองมาบริหารวัคซีน หรือการเมืองนำการแพทย์ แต่ต้องเอาการแพทย์นำการเมือง ต้องไม่มีโควตาพรรคการเมืองที่เอาคนรวยไปฉีดก่อนประชาชน จนมีข่าวกลุ่มวีไอพีไปฉีดโดยใช้โค๊ด รุ่งเรือง หรือมีการซื้อขายคิวฉีดวัคซีน หรือบางพรรคการเมืองที่ได้โควต้ามีข่าวหนาหูมาก ไม่ใช่พรรคเดียว ไม่ทราบเรื่องนี้เท็จจริงอย่างไร แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเรื่องอย่างนี้

นายสาทิตย์กล่าวอีกว่า รัฐบาลต้องสร้างความกระจ่างชัดในเรื่องเหล่านี้ให้ชัดเจน อย่าเอาเรื่องวัคซีนไปสร้างฐานการเมือง มันต้องฉีดตามหลักระบาดวิทยา ใครที่ควรได้ก่อนต้องได้  ถ้าเราใช้เงินกู้ที่ต้องเสียดอกเบี้ยจำนวนนี้มาฉีดวัคซีนให้ประชาชนทั่วประเทศเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ไม่จำเป็นต้องมีวัคซีนทางเลือก เพราะวัคซีนทางเลือกจะมีได้ก็ต่อเมื่อวัคซีนที่ให้ประชาชนเพียงพอแล้ว ถ้าวัคซีนปกติยังไม่พอแล้วมาสร้างวัคซีนทางเลือกเรากำลังสร้างเรื่องชนชั้น ความเหลื่อมล้ำและอภิสิทธิ์ชนเข้ามาในเรื่องนี้ และเงินกู้จำนวนนี้ควรจะต้องไปใช้ในนโรงพยาบาลสนามอีกด้วย เช่น จ.ตรังติดอันดับคนติดโควิดในระดับ 1 ใน 10 ของประเทศ และตัวเลขยังไม่หยุด มีคลัสเตอร์ในโรงงานใหญ่อีก2 แห่ง และโรงพยาบาลสนามวิกฤต แต่เอาเงินในส่วนของจังหวัด 50 ล้านมาช่วยไม่ได้ ดังนั้นควรต้องใช้เงินกู้นี้ไปดูแลโรงพยาบาลสนามทั่วประเทศ จะทำให้แต่ละจังหวัดสามารถดูแลจัดการ ดูแลชีวิตความเป็นความตายของประชานได้ทันท่วงที เพราะชีวิตของผู้คนคือการฟื้นฟูชีวิต การฟื้นฟูสังคมที่แท้จริง  ตนเห็นว่าเอาเงินกู้นี้มาทุ่มเทในเรื่องวัคซีนให้ทั่วถึงเท่าเทียมจะเป็นการฟื้นฟูและดูแลชีวิตคนไทยอย่างแท้จริง 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"