กากีกะสีเขียว


เพิ่มเพื่อน    

เป็นอีกหนึ่งครั้งที่การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ถูกจับตาเป็นพิเศษ สำหรับการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2564 ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม นั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการประชุม ผ่านระบบวิดีโอทางไกลจากทำเนียบรัฐบาลมายังห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 สํานักงานตํารวจแห่งชาติ (ตร.) เพราะตามวาระที่ถูกกำหนดไว้จะมีเรื่อง "บิ๊กต้อย" พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา สำรองราชการ ตร. จะขอให้พิจารณาการตรวจสอบข้อเท็จจริงใหม่ ตาม พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง 2539 มาตรา 54 กรณี ตร.มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง และคำสั่งสำรองราชการโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เพราะแว่วๆ ว่าอาจจะมีรายการ คืนความชอบธรรม เหมือนๆ กับที่ก่อนหน้านี้มีการคืนความชอบธรรมให้ บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) สิ่งสำคัญที่ตามมาคือ หาก ก.ตร.คืนความชอบธรรมให้ บิ๊กต้อย จริงๆ จากนั้น บิ๊กต้อย จะตามไปเช็กบิลคนที่ออกคำสั่งมิชอบด้วยกฎหมายหรือเปล่า นี่สิน่าสนใจยิ่งกว่าอีก...รอติดตามอย่ากะพริบตา

                ไหนๆ ก็แฉลบไปถึง บิ๊กโจ๊ก นายตำรวจคนดัง ที่ตั้งแต่ย้ายกลับเข้ามาสวมเครื่องแบบสีกากีอีกครั้ง ก็เงียบๆ ไม่เหมือนยุครุ่งเรืองที่ดูจะมีบทบาทเกือบทุกเรื่อง ยิ่งช่วงนี้มีการแข่งขันฟุตบอลยูโร  รัฐบาลมีนโยบายให้กวดขันจับกุมการเล่นพนันฟุตบอล โดยเฉพาะพนันออนไลน์ บิ๊กโจ๊ก ต้องรับลูกมีบทบาทในการปราบปรามพนันฟุตบอลแล้ว แต่มาเที่ยวนี้กลับก้มหน้าก้มตาทำงานตามที่ "ผบ.ปั๊ด" มอบหมาย คือการสำรวจความพึงพอใจประชาชนในงานของตำรวจ ที่ล่าสุดเจ้าตัวเดินหน้าสำรวจความหวาดกลัวภัยอาชญากรรมของประชาชน และความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของตำรวจ ผ่านพีเพิลโพล ประจำเดือนมิถุนายน 2564 พบว่าประชาชนหวาดกลัวภัยในเรื่องการทำร้ายร่างกายมากที่สุด รองลงมาคือการถูกฆ่า และอันดับที่สามคือภัยยาเสพติด ซึ่งข้อมูลทั้งหมด บิ๊กโจ๊ก จะเสนอเป็นข้อมูลให้ ผบ.ปั๊ด นำมาวิเคราะห์ประมวลผล เพื่อสั่งการไปตามโรงพักต่างๆ เป็นนโยบายในการทำงานที่จะตอบสนองความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง

                แต่สิ่งที่ดูเหมือน บิ๊กโจ๊ก จะปลื้มใจกับงานใหม่ที่ ผบ.ปั๊ด มอบหมาย คือการพลิกโฉมหน้างานยุทธศาสตร์ที่สามารถนำไปใช้ได้อย่างทันท่วงที เพราะที่ผ่านมาสำนักงานยุทธศาสตร์มีการเก็บข้อมูลเป็นประจำทุกปี วิเคราะห์ข้อมูล รวบรวมสถิติต่างๆ เพื่อเป็นตัวชี้วัดของตำรวจ ซึ่งจะสอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แต่หลังจาก  ผบ.ปั๊ด มีแนวคิดในการที่จะดูสถิติ ดูการทำงานของตำรวจแบบเรียลไทม์  บิ๊กโจ๊ก ก็ได้ริเริ่มทำพีเพิลโพล มีเปลี่ยนแปลงรูปแบบจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบกูเกิลฟอร์ม เริ่มตั้งแต่เดือน มิ.ย.เป็นเดือนแรก และประเมินผลทุกสิ้นเดือน พบว่าในเดือนนี้มีประชาชนช่วงอายุ 20-40 ปี กรอกข้อมูลเข้ามากว่า 2 แสนราย จากสถานีตำรวจ 1,484 แห่ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ บิ๊กโจ๊ก ยืดอกแอคอาร์ตก็ตรงที่ผ่านมาใน 1 ปี มีการจัดเก็บตัวอย่างเพียง 1-2 พันราย แต่ตอนนี้เมื่อใช้ข้อมูลที่ทันสมัย ใช้เครื่องมือกูเกิลฟอร์ม ประชาชนก็จะกรอกง่าย อยู่บ้านก็กรอกได้...งานนี้ไม่เสียแรงที่ บิ๊กโจ๊ก ได้รับความไว้วางใจจาก ผบ.ปั๊ด ให้ดำเนินการเรื่องนี้ เพราะทำอะไรก็ดูจะสำเร็จ ดูจะเป็นที่รักของผู้ใหญ่ไปทุกเรื่อง ฉายา หวานเจี๊ยบ ไม่ได้มาเพราะโชคช่วยจริงๆ

                ยังคงเป็นขวัญใจ ผบ.ปั๊ด อย่างต่อเนื่องชุด หนุมาน กองปราบปราม เหตุอดีตทหารเกณฑ์คลั่งยิง 2 ศพที่กรุงเทพฯหนีไป จ.ระนอง ก็สั่งการให้ บิ๊กก้อง- พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. ส่งพ.ต.อ.วิจักขณ์ ตารมย์ ผกก.สสน.บก.ป., พ.ต.อ.วิระชาญ ขุนไชยแก้ว ผกก.5 บก.ป. พร้อมกำลัง หน่วยหนุมาน ของกองปราบปราม และชุดสืบสวน กก.5 บก.ป. ลงไปสนับสนุนตำรวจพื้นที่ ก่อนหน้านี้ก็ส่งชุดหนุมานบุกจับ หลงจู้สมชาย นายบ่อนใหญ่แห่งภาคตะวันออก และชุดหนุมานกองปราบปรามก็ไม่ทำให้ ผบ.ปั๊ด ผิดหวัง จับกุมนายบ่อนใหญ่ พร้อมเครือข่ายบ่อนพนันภาคตะวันออกได้อย่างที่ นาย ไว้วางใจ

หลังผู้ก่อเหตุบุกยิงพนักงานร้านสะดวกซื้อและผู้ป่วยโรงพยาบาลสนามเสียชีวิตตัดสินใจมอบตัว ลดความตื่นตระหนกของสังคมที่เกรงว่าจะบานปลายกลายเป็นโศกนาฏกรรมซ้ำรอยเหตุกราดยิงโคราช ก่อนที่จะมอบตัวมีการสื่อสารว่า ในช่วงเป็นอดีตทหารเกณฑ์เคยถูกครูฝึกกับรุ่นพี่ทำร้ายร่างกาย ทำให้กองทัพบกต้องย้อนกลับไปเช็กประวัติว่าหน่วยใดเป็นต้นสังกัดเดิม และเคยมีเหตุการณ์ที่มีการกล่าวอ้างหรือไม่ บิ๊กยอง-พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ  (นสศ.) ผู้บังคับหน่วยที่ผู้ก่อเหตุเคยเข้าไปเป็น พลอาสา จึงสั่งการไปที่ พ.ท.มงคล ปุริสา ผู้บังคับกองพันจู่โจม กรมรบพิเศษที่ 3 รักษาพระองค์ (รพศ.3 รอ.) เรียกครูฝึก และอดีตพลอาสารุ่นพี่ที่ถูกผู้ก่อเหตุกล่าวอ้างมาสอบ พบว่ายังไม่มีการซ้อม หรือใช้ความรุนแรงระหว่างที่เข้ามาประจำการ อีกทั้งเวลาผ่านมา 2 ปีแล้วหลายคนที่ถูกเรียกสอบต่างต้องย้อนนึกเรื่องราวในอดีต ก็ยังไม่พบปมที่จะทำให้เกิดความแค้นเคืองแต่อย่างใด จึงวิเคราะห์กันว่า เป้าหมายของผู้ก่อเหตุในการดึงความรุนแรงภายในกองทัพมาเป็นตัวประกันนั้น เพื่อทำให้สังคมเกิดความเห็นใจหรือไม่ แต่เหนืออื่นใด กระบวนให้ได้มาซึ่งข้อเท็จจริงด้วยการฟังความฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อีกทั้งพยานหลักฐานผ่านมานานแล้ว คงยังได้ข้อสรุปที่ไม่สมบูรณ์

ในช่วงเวลาเดียวกัน กองทัพเรือ-กองทัพอากาศ มีข่าวบุคลากรที่ประสบความสำเร็จในการเข้ารับการฝึกศึกษาในต่างประเทศถึง 3 นาย รายแรกคือ กรณีที่ นนร.ณัฐดรัณ คุรุวิชญา ซึ่งสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา และได้เข้ารับการบรรจุมาช่วยปฏิบัติราชการที่กรมนักเรียนนายเรือรักษาพระองค์ โรงเรียนนายเรือ ขณะที่ นนร.ปุณระพี ประกิจ ซึ่งได้ออกเดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนนายเรือสหรัฐอเมริกา ในวันที่ 23 มิ.ย.ที่ผ่านมา ส่วนรายที่สาม คือสถิติดันพื้นของ น.ท.ธนวัฒน์ กิจเจริญศักดิ์กุล นายทหารอากาศไทยนักเรียนหลักสูตรเสนาธิการทหารร่วมรัสเซีย ณ สหพันธรัฐรัสเซีย ที่ทำให้โลกสะพรึง เนื่องจากได้รับการบันทึกเกียรติประวัติ การทดสอบสมรรถภาพทางกายในช่วงการทดสอบดันพื้นปฏิบัติได้ 222 ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติใหม่ของวิทยาลัย มากกว่าสถิติเดิมที่นายทหารนักเรียนรัสเซียเคยทำไว้จำนวน 141 ครั้ง เมื่อปี พ.ศ.2560 ทำให้มีผู้เข้ามาคอมเมนต์ในเพจของสำนักงานผู้ช่วยทูตทหารประจำกรุงมอสโก ที่ได้นำเรื่องราวดังกล่าวมาเผยแพร่ ต่างก็วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเป็นมนุษย์เหล็กของ นร.เสธ. ด้วยความชื่นชม เลยไปถึงเกร็ดประวัติศาสตร์ที่ จอมพล สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนารถ กรมหลวงพิศณุโลกประชานารถ พระบิดาแห่งกองทัพอากาศ เมื่อครั้งที่ศึกษาที่รัสเซีย

คลัสเตอร์กรมการทหารช่าง ค่ายภาณุรังษี เกิดขึ้นภายในหน่วยฝึกหลักสูตรนายสิบกองหนุน ที่เข้ารับการฝึกตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค.2564 ถึงวันที่ 6 ส.ค. 2564 เริ่มจากครูฝึกซึ่งได้รับอนุญาตให้เดินทางกลับไปพักในช่วงวันหยุด ซึ่งระหว่างการพักได้ไปสัมผัสกับผู้ป่วย ซึ่งทราบผลว่าเป็นผู้ป่วยยืนยัน ในวันที่ 18 มิ.ย.2564 หน่วยจึงได้นำตัวครูฝึกดังกล่าวเข้ารับการตรวจหาเชื้อ ซึ่งผลการตรวจพบว่าติดเชื้อ และในวันที่ 21 มิ.ย. 2564 กรมการทหารช่างจึงแจ้งโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี เข้าดำเนินการตรวจคัดกรองเชิงรุกครูฝึกและนายสิบนักเรียนทั้งหมด จำนวน 161 นาย และทราบผลในคืนวันที่ 21 มิ.ย.2564 ว่ามีครูฝึกและนายสิบนักเรียนติดเชื้อ จำนวน 72 นาย หน่วยจึงได้ดำเนินการร่วมกับโรงพยาบาลค่ายภาณุรังษีคัดแยกครูฝึก นายสิบนักเรียนที่ติดเชื้อและที่ไม่พบการติดเชื้อออกจากกัน โดยกลุ่มผู้ติดเชื้อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลสนามกองทัพบก (โรงพยาบาลค่ายภาณุรังษี) และส่วนที่เหลือซึ่งเป็นผู้มีความเสี่ยงสูง เข้ากักตัวในพื้นที่กักตัวค่ายบุรฉัตร จำนวน 84 นาย ขณะที่ พล.ท.สุทิน เบ็ญจวิไลกุล เจ้ากรมการทหารช่าง กำชับคุมเข้มสถานการณ์ภายในค่าย และดูแลไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนรอบค่าย

กลัวจะเป็น ผึ้งแตกรัง ทำให้ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กห. และ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัด กห. ได้เรียกประชุมด่วน หน่วยงาน กอ.รมน. นขต.กห. เหล่าทัพ และ ตร. ผ่านระบบ VTC ณ ศาลาว่าการกลาโหม สั่งการเร่งประสานกับ กทม.และทุกจังหวัด เข้าไปสนับสนุนควบคุมจำกัดพื้นที่ทุกแคมป์และไซต์คนงานก่อสร้างเป้าหมายทั้งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ที่พบการแพร่ระบาดเป็นกลุ่มก้อนจำนวนมากทันที โดยให้เร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกและนำเข้าสู่ระบบการรักษาควบคุมโรคโดยเร็ว รวมทั้งขอให้ขยายผลประชาสัมพันธ์ว่ารัฐบาลพร้อมสนับสนุนเยียวยาค่าแรงรายวันระหว่างการควบคุมดังกล่าว ทั้งนี้ ขอให้ทุกเหล่าทัพจัดรถครัวสนามพร้อมเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็นสนับสนุนทุกชุมชนและคลัสเตอร์ที่เข้าไปควบคุมการปฏิบัติ ขณะที่ พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ในฐานะ ผบ.ศปม. สั่งการทันทีให้กำลังพลเข้าซีลแคมป์คนงานกว่า 400 แห่งก่อนที่จะไหลออกต่างจังหวัดตามที่หลายฝ่ายห่วงใย.

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"