กากีกะสีเขียว


เพิ่มเพื่อน    

เหล่าบรรดา นักวิ่งสีกากี คึกคักขึ้นมาทันที หลัง บิ๊กเป็ด-พล.ต.ท.กฤษณะ ทรัพย์เดช ผบช.สกพ.มีบันทึกส่งไปถึง ผบช. หรือตำแหน่งเทียบเท่า ผบก.ในสังกัด สง.ผบ.ตร.หรือตำแหน่งเทียบเท่า ให้อัปเดตข้อมูลตำรวจระดับ รองสารวัตร (รอง สว.) ถึงรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) พร้อมทั้งตรวจสอบและจัดส่งข้อมูลให้ ตร. (ผ่าน  สกพ.) เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการดำเนินการแต่งตั้งวาระประจำปี โดยให้ส่งตำแหน่งทั่วไปและตำแหน่งเฉพาะทางในระดับ สว. ถึง รอง ผบก. รวมถึงตำแหน่งควบปรับระดับเพิ่ม-ลดได้ในตัวเอง ที่มีการกำหนดกรอบตำแหน่ง ข้อมูลการกันตำแหน่งสำหรับรองรับตำรวจรับโอนมา เน้นย้ำตำรวจระดับ รอง สว.ที่มีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งครบถ้วนเลื่อนดำรงตำแหน่งสูงขึ้น ถึงระดับ รอง ผบก.ในสังกัด และที่ต้องหาหรือถูกฟ้องคดีอาญา คดีแพ่ง หรือคดีปกครอง หรือถูกดำเนินการทางวินัย หรือถูกดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง หรือข้อมูลที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.  หรือคณะกรรมการ ป.ป.ท.ชี้มูลความผิด รวมทั้งกำชับเรื่องข้อมูลตำรวจที่เกี่ยวข้องกรณีที่มีการฝ่าฝืนคำสั่งหัวหน้า คสช.เรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในทาง และการควบคุมสถานบริการหรือสถานประกอบการที่เปิดให้บริการในลักษณะที่คล้ายสถานบริการ และจัดเรียงลำดับอาวุโส ส่ง ตร. (ผ่าน สกพ.) ภายใน 30 ก.ย.64 ๐

            ตอนนี้เลยได้เห็นข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแต่งตั้งตำรวจระดับ สว.-รอง ผบก.ครั้งนี้ ถูกส่งต่อกันแทบทุกช่องทางการสื่อสาร โดยเฉพาะไลน์ตำรวจเกือบทุกกลุ่มมีการส่งต่อระยะเวลาการดำรงตำแหน่งระดับ รองสารวัตร (รอง สว.)-ผู้กำกับการ (ผกก.) ที่จะเลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น ต้องมีระยะเวลาการดำรงตำแหน่งครบถ้วน ซึ่งตามข้อมูลที่ส่งต่อกันนั้น รอง สว.ขึ้น สว. ต้องดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 7 ปี หรือวันที่ 1 ก.พ.58 ระดับ สว.ขึ้น รอง ผกก. ต้องดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 6 ปี หรือวันที่ 15  พ.ค.59 ระดับ รอง ผกก.ขึ้น ผกก.ต้องดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 4 ปี หรือวันที่ 15 มี.ค.61 และ ผกก.ขึ้น  รอง ผบก.ต้องดำรงตำแหน่งไม่น้อยกว่า 5 ปี หรือวันที่ 7  มิ.ย.60 อย่างไรก็ดี เกณฑ์การแต่งตั้งในการดำรงตำแหน่งแต่ละระดับจะเป็นไปตามไลน์ตำรวจที่ส่งต่อกันหรือไม่ อย่างไร ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข  แม่ทัพใหญ่สีกากี คือคำตอบสุดท้ายในการออกคำสั่งการแต่งตั้ง ที่ต้องยึดตามกฎ ตามระเบียบที่กำหนดไว้แล้ว ๐

            ไม่เสียแรงถูกมองเป็นขวัญใจ ผบ.ปั๊ด ที่จะปั้นให้แตะมือต่อไม้นั่งเก้าอี้ ผู้นำสีกากี คนต่อไป สำหรับ บิ๊กเด่น-พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รอง ผบ.ตร. เพราะแพลมๆ การมอบหมายหน้าที่หัวหน้าศูนย์ต่างๆ ของ ผบ.ปั๊ด ที่มอบหมายให้ รอง ผบ.ตร. แต่ละคนรับผิดชอบศูนย์จากทั้งหมด 19 ศูนย์ ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่1 ต.ค.นี้ ชื่อ บิ๊กเด่น ถูกแปะทำหน้าที่หัวหน้าศูนย์ไปถึง 6 ศูนย์ และเป็นหัวหน้าศูนย์ร่วมอีก 1 ศูนย์ ประกอบด้วย หัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.), หัวหน้าศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมและความมั่นคง (ศตปค.ตร.), หัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการแข่งรถในทาง (ศปข.ตร.), หัวหน้าศูนย์บริหารงานจราจร (ศจร.ตร.), หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.ตร.), หัวหน้าศูนย์บังคับและต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) (ศบตอ.ตร.) และเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมือง (ศปชก.ตร.) ร่วมกับ บิ๊กหิน-พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ๐

            ส่วน "รอง ผบ.ตร." รายอื่นๆ ก็กระจายกันทำหน้าที่  หัวหน้าศูนย์ โดยขวัญใจอันดับ 2 บิ๊กรอย-ว่าที่ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ ว่าที่รอง ผบ.ตร. คุม 4  ศูนย์ เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศปทส.ตร.), หัวหน้าศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ศอ.ปส.ตร.), หัวหน้าศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว  และปราบปรามการค้ามนุษย์ (ศพดส.ตร.) และหัวหน้าศูนย์บริหารป้องกันปราบปราม (ศปป.ตร.) อันดับ 3  บิ๊กใหม่-พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.คุม 3  ศูนย์ เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง (ศนม.ตร.), หัวหน้าศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ (ศปจร.ตร.) และหัวหน้าศูนย์ปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง (ศปอร.ตร.) นอกนั้น บิ๊กต้อย-พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา  รอง ผบ.ตร.คุม 2 ศูนย์ เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา (ศปลป.ตร.) และหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบ (ศปน.ตร.) บิ๊กทิน-ว่าที่ พล.ต.อ.สุทิน  ทรัพย์พ่วง ว่าที่รอง ผบ.ตร. คุม 2 ศูนย์ เป็นหัวหน้าศูนย์ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ศปปง.ตร.) และหัวหน้าศูนย์บริหารงานสอบสวนคดีอาญา (ศส.ตร.) บิ๊กเบิ้ม-พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย รอง ผบ.ตร.คุม 1 ศูนย์ เป็นหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) และ บิ๊กหิน-พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ คุม 1 ศูนย์ เป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย (ศปชก.ตร.) ร่วมกับ บิ๊กเด่น

            มีข่าว ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ออกตัวไม่ขอรับรางวัลศิษย์เก่าดีเด่น โรงเรียนเตรียมทหาร แต่ปรากฏว่ามีข่าวออกมาตามหลัง งัดระเบียบเปิดดูคุณสมบัติพบว่าไม่อยู่ในข่ายได้รับ เรียกได้ว่าเป็นจังหวะพอดีที่มีสถานการณ์โควิด-19 เข้ามาคั่นกลาง ทำให้ "ฝ่ายมอบ-ฝ่ายรับ" ไม่ต้องกระอักกระอ่วนใจ  เมื่อเลื่อนการพิจารณาจากช่วงที่ บิ๊กกบ-พล.อ.พรพิพัฒน์  เบญญศรี  ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ปีที่แล้ว ซึ่งดำรงแหน่งประธานคณะกรรมการพิจารณา มายุค บิ๊กแก้ว-พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผบ.ทสส.คนปัจจุบัน ได้มีการแก้ไขระเบียบเดิมที่มอบให้ศิษย์เก่าที่มีตำแหน่งในฝ่ายบริหาร ฝ่ายการเมือง เช่น นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีได้รับรางวัลด้วย มาปรับใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความเหมาะสม รายชื่อ 2 ปีที่ออกมาจึงไร้ชื่อ ร.อ.ธรรมนัสในที่สุด ๐

            ควันหลงปรับย้ายทหารในส่วนของกองทัพภาคที่ 4  ชื่อของ บิ๊กป๊อด-พล.ท.สิทธิพร มุสิกะสิน แม่ทัพน้อยที่  4 เพื่อนเตรียมทหาร 22 (ตท.22) ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ.ไม่สามารถขยับขึ้นนั่งแม่ทัพภาคที่ 4 ได้ แต่ก็ได้พลเอกเป็นการปลอบใจ ทำให้  พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ นั่งเป็นแม่ทัพต่อไป พิสูจน์ว่าแรงดันเก่าจาก บิ๊กแดง-พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.และ บิ๊กเดฟ-พล.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ยังแรง อีกทั้งโครงสร้างอำนาจและการบังคับบัญชาการ ดับไฟใต้ ในยุคหลังนี้ล็อกสเปก คนในพื้นที่ ต้องดูแลควบคุมในภาพรวม เพราะการต่อสายเครือข่ายเชื่อมโยงพลเรือนข้าราชการทุกสีในพื้นที่ ภายใต้หมวกของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ผอ.รมน.ภาค 4) ต้องอาศัยความคุ้นเคย จนเป็นเหตุผลสำคัญทำให้ทหารจากทัพภาคอื่น หรือ นสศ.ที่มาเติบโตในกองทัพภาคที่ 4 ไม่สามารถทะลุขึ้นนั่งเก้าอี้แม่ทัพได้ ๐

            ในรอบนี้ยังมีการวางคนที่อยู่ในข่ายเหมาะสมที่จะขึ้นมาแทน “บิ๊กเกรียง” หลายคน  แม้ในส่วน พล.ต.ธิรา แดหวา แม้จะเป็นเพื่อนร่วมรุ่น ผบ.ทบ. ได้เป็นแม่ทัพน้อยที่  4 แต่ก็เหลืออายุราชการเพียงปีเดียว ทำให้ในระนาบของรองแม่ทัพภาคที่ขึ้นมาใหม่ 3 คน ถูกจับตามองว่าใครจะถูกหยิบขึ้นมาเป็นแม่ทัพคนใหม่ เพราะต่างมีอีเวนต์ออกข่าวประชาสัมพันธ์กันทั่วหน้า พร้อมเข้าตาผู้บังคับบัญชา  ไล่ตั้งแต่ พล.ต.อุทิศ อนันตนานนท์ (ตท.24 ) จาก ผบ.มทบ.45 คุม ฉก.ยะลา พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค  (ตท.25) ผบ.พล.ร.5 ฉก.สงขลา และ พล.ต.ไพศาล  หนูสังข์ (ตท.25) จาก ผบ.พล.ร.15 คุม ฉก.นราธิวาส ในขณะที่คลื่นลูกใหม่กำลังไล่ขึ้นมาตามจังหวะก้าวของ ตท.27 ได้แก่ พ.อ.วรเดช เดชรักษา ขึ้นเป็น ผบ.พล.ร. และ พ.อ.เฉลิมพร ขำเขียว มาเป็น ผบ.พล.ร.15

ในหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) ขยับขึ้นมาตามลำดับขั้นตามแนวทางของ “หมวกแดง” หลัง  บิ๊กยอง-พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผบ.นสศ.เข้ามาเป็นผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก (ผช.ผบ.ทบ.) แล้ว บิ๊กต้น-พล.ต.ณัฐวุฒิ นาคะนคร เตรียมทหารรุ่น 24  (ตท.24) จากรอง ผบ.นสศ.ขึ้นมาเป็น ผบ.นสศ.แทน   ด้วยอายุราชการถึงปี 2568 ก็น่าจะได้ขยับเข้า 5 เสือ  ทบ.ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า โดยมี พล.ต.วัฒนา ฉัตรรัตนแสง (ตท.24) ผู้บัญชาการศูนย์สงครามพิเศษ ขึ้นเป็นรอง ผบ.นสศ. ซึ่งน่าจับตามองเนื่องจากเหลืออายุราชการถึงปี 2568 เช่นกัน ขณะที่ พล.ต.อิศเรศ พุ่มมาก (ตท.23) ผบ.กองพลรบพิเศษที่ 1 ขึ้นมาเป็นรอง ผบ.นสศ. เหลืออายุราชการอีกแค่ 1 ปี และยังมีการขยับ  พ.อ.ณรงค์ฤทธิ์ คัมภีระ (ตท.26) อดีตผู้การ รพศ.3รอ. ขึ้นเป็น ผบ.ศูนย์สงครามพิเศษ เหลืออายุราชการยาวไปถึงปี 2571.

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"