กากีกะสีเขียว


เพิ่มเพื่อน    

ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้งานเกษียณราชการของทัพ "สีกากี" ปีนี้ ไม่คึกคักเท่าที่ควร เพราะยึดหลักการปฏิบัติตามมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดย "ผบ.ปั๊ด" พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. มอบนโยบายสั่งการให้หน่วยต่างๆ ในสังกัด กำหนดให้มีการจัดพิธีแก่ข้าราชการตำรวจผู้ที่เกษียณอายุราชการ ณ ที่ตั้งของแต่ละหน่วยงาน พร้อมทั้งได้เน้นย้ำถึงการป้องกันการแพร่ระบาดของโรค และกำชับการปฏิบัติให้เป็นไปตามข้อกำหนดของทางราชการ และมาตรการด้านสาธารณสุขอย่างเคร่งครัดด้วย ดังนั้นช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา "กรมปทุมวัน" จัดพิธีมอบประกาศเกียรติคุณให้แก่ตำรวจระดับสูงผู้ที่เกษียณอายุราชการ ประจำปี 2564 มี "ผบ.ปั๊ด" เป็นประธาน ให้กับนายพลที่เข้าร่วมงานจำนวน 32 นาย แม้จะเรียบง่าย แต่ก็ดูยิ่งใหญ่สมเกียรติภูมิตำรวจไทย ๐

                ปีนี้มี "นายตำรวจ" ระดับสูงที่ต้องถอดเครื่องแบบ "ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์" กลับไปเป็นราษฎรเต็มขั้นกันมากมาย ที่คุ้นหน้าคุ้นตา และต้องขอบคุณการทำงานเพื่อประชาชนมาหลายสิบปี ก็มี พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.), พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.), พล.ต.อ.ณัฐธร เพราะสุนทร ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.วิรุฬ เอี่ยมไพจิตร์ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.เพิ่มพูนชิดชอบ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.อดิศร์ งามจิตสุขศรี ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.พงษ์วุฒิ พงษ์ศรี ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, พล.ต.อ.กิตติพงษ์ เงามุข ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.อ.สุรพล อยู่นุช ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นต้น ๐

                เมื่อเก่าไปใหม่ก็มา ตามวัฏจักรสีกากี โครงสร้างผู้บริหารสำนักงานตำรวจแห่งชาติระดับ "เฮด" ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.เป็นต้นไป ยอดพีระมิดจะเป็น "ผบ.ปั๊ด" นำทัพ "กรมปทุมวัน" เทอม 2 หรือเทอมสุดท้าย ก่อนเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.2565 ระดับรอง ผบ.ตร.จะมี พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา, พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์, พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์, พล.ต.อ.ปิยะ อุทาโย, ว่าที่ พล.ต.อ.รอย อิงคะไพโรจน์ ว่าที่ พล.ต.อ.สุทิน ทรัพย์พ่วง และ พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ ส่วนระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. มี พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน, พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง, พล.ต.ท.สราวุฒิ การพานิช, พล.ต.ท.ปรีชา เจริญสหายานนท์, พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล, พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง, พล.ต.ท.ธนา ชูวงศ์, พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข, พล.ต.ท.กิตติรัฐ พันธุ์เพ็ชร์, พล.ต.ท.ชัยพล ฉัตรชัยเดช, พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุขวิมล พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม รองจเรตำรวจแห่งชาติ และ พล.ต.ท.ภานุรัตน์ หลักบุญ รองจเรตำรวจแห่งชาติ ๐

                ไม่รู้จะเปลี่ยนใจสวมเครื่องแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ต่อหรือเปล่า พล.ต.ท.ศรายุทธ พูลธัญญะ ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร.) ที่ในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจระดับนายพล ตำแหน่งรอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ ลงไปถึงผู้บังคับการ (ผบก.) วาระประจำปี 2564 มีชื่อโยกไปนั่งเป็น ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจสอบภายใน (ผบช.สตส.) เพราะก่อนหน้านี้ "พล.ต.ท.ศรายุทธ" มีชื่ออยู่ในโครงการปรับเปลี่ยนกำลังพล รุ่นที่ 22 ปีงบประมาณ 2564 หรือเออร์ลีรีไทร์ เพราะทางกองทะเบียนพล สำนักงานกำลังพล ตร. ส่งหนังสือแจ้งเวียนตรวจสอบคุณสมบัติข้าราชการตำรวจที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อเลื่อนยศสูงขึ้นเป็นกรณีพิเศษ โดยตามเดดไลน์การตรวจสอบคุณสมบัติต้องแล้วเสร็จไปเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา ซึ่ง ณ ตอนนี้ เลยยังไม่รู้ สุดท้ายแล้ว "พล.ต.ท.ศรายุทธ" จะเปลี่ยนใจอยู่ต่อหรือไม่ หากยังคงยืนยันเจตนารมณ์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง เก้าอี้ "ผบช.สตส." ซึ่งเป็นเก้าอี้หลักก็ต้องว่างลง พล.ต.ต.วราวุธ สกลธนารักษ์, พล.ต.ต.วรเศรษฐ วิทยกุล 2 รอง ผบช.สตส. คงต้องคุมงานแทน ๐

                เก็บตก “โยกย้ายทหาร” ปลายปี พลิกบัญชีของกองทัพบก ปรับย้ายในตำแหน่งรองเสนาธิการทหารบก 3 คน มาจากหลายทิศทาง ไล่ตั้งแต่ พล.ท.สุดยอด พรมแก้ว (ตท.22) มาจากรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) หลังจากมีชื่อ พล.ท.วสุ เจียมสุข (ตท.25) น้องรัก “นายกฯ” ขึ้นเป็น ผบ.นรด. ตามมาด้วย พล.ท.พิเศษ ศิริเกษม (ตท.22) มาจากตำแหน่งเจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก โดยทั้งคู่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของ “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.ท.เอกรัตน์ ช้างแก้ว เตรียมทหารรุ่น 23 (ตท.23) รองเจ้ากรมยุทธศึกษา ขยับขึ้นบนไม่ได้เลยต้องเข้ามานั่งที่ ทบ.แทน เพราะอาวุโสติดพลตรี 6 ปี และเคยทำงานกับ “บิ๊กบี้” มาก่อน

                ที่น่าสนใจคือการขยับขึ้นมาของ ตท.28 ขุมกำลังพระราม 5 โดยมีชื่อของ “รองไก่” พล.ต.วรยศ เหลืองสุวรรณ ขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.1 รอ.) ตามมาด้วย “รองกอล์ฟ” พล.ต.สราวุธ ไชยสิทธิ์ จากตำแหน่งรองผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11 (ผบ.พล.ร.11) จ.ฉะเชิงเทรา สลับมานั่งผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 11 (ผบ.มทบ.11) ในเมืองกรุง โดยมี “บิ๊กตั้ง” พล.ต.ธวัชชัย ตั้งพิทักษ์กุล (ตท.27) ผบ.มทบ.11 ไปเป็น ผบ.พล.ร.11 แทน  ในส่วนทหารม้าคอแดง ก็มีชื่อของ พล.ต.อาจิน ปัทมจิตร ขึ้นเป็นผู้บัญชาการกองพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (ผบ.พล.ม.2 รอ.) ผงาดขึ้นมาอีก 1 กองพล 

                นอกจากนั้นยังมีชื่อของ “บิ๊กซัน” พล.ต.วณัฐ ลักษณศิริ ที่ได้ขึ้นเป็นผู้บัญชาการข่าวกรองทหารทหาร (ผบ.ขกท.) ซึ่งหากจำกันได้ “เสธ.ซัน” เมื่อครั้งเป็น เสธ.พล.1 รอ. เคยถูกพรรคเพื่อไทยกล่าวหาว่าไปหนุนพรรคการเมืองหนึ่งช่วงลือกตั้ง และยังเคยได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชาให้ดูแลจัดระเบียบวินจักรยานยนต์ในเขตกรุงเทพมหานคร นับว่าโผนี้เป็นการปรับ “คีย์แมน” ด้านการข่าวในยุคม็อบเต็มเมืองใหม่ โดย ผบ.ทบ.ยังส่ง พล.ท.วรพจน์ เร้าเสถียร เพื่อน ตท.22 มานั่งเจ้ากรมการสื่อสาร เสริมทัพเรื่องสื่ออีกด้วย

ข้ามมาที่กองบัญชาการกองทัพไทย แซะโผ “ลพบุรีคอนเนกชั่น” มีชื่อ พล.อ.จีรัชญ์ บุญชญา เพื่อน ตท.21 ของ “บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ศิษย์เก่า รร.พิบูลวิทยาลัยด้วยกัน จากตำแหน่งรองผู้อำนวยการประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ขึ้นเป็น ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (ผบ.นทพ.) เช่นเดียวกับ พล.ท.วีระพงษ์ สรวงศิริธนกุล (ตท.23) จากตำแหน่งรองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (รอง ผบ.นสศ.) ข้ามมาเป็นผู้บัญชาการศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล (ผบ.ศตก.) ที่กองทัพไทย หลังจากเก้าอี้ที่ ทบ.ไม่ว่าง เพราะ “บิ๊กยอง” พล.อ.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง (ตท.24) ว่าที่ ผช.ผบ.ทบ. ดัน “บิ๊กต้น” พล.ท.ณัฐวุฒิ นาคะนคร (ตท.24.) ขึ้นเป็น ผบ.นสศ.

                โผนี้มีการเปลี่ยนแปลงแม่ทัพเพียง 2 คน ซึ่งถือเป็นจังหวะของ ตท.23 ที่ขยับขึ้นมาพอดี ได้แก่ “บิ๊กโต “พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 และ “บิ๊กปอง” พล.ท.เสาวราชย์ แสงผล เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 จากทหารสายกองพลทหารราบที่ 3 (พล.ร.3) ด้วยแรงหนุนสำคัญของ พล.อ.สัญชัย รุ่งศรีทอง เพื่อน ผบ.ทบ. ซึ่งโตมาจาก พล.ร.3 ด้วยกัน ขณะที่สาย พล.ร.6 อย่าง “บิ๊กมืด” พล.ท.กิตติศักดิ์ บุญพระธรรมชัย (ตท.24) ซึ่งอายุราชการเหลืออีก 2 ปีเท่ากับ “บิ๊กปอง” เป็นแม่ทัพน้อยที่ 2 คงต้องลุ้นในปีหน้าว่าจะได้ขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่หรือไม่ แต่ในแผงรองแม่ทัพก็เริ่มมีขยับตามมาหลายคน ได้แก่ พล.ต.สมบัติ จินดาศรี (ตท.22) จาก ผบ.พล.ม.3 พล.ต.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ (ตท.26) จาก ผบ.พล.ร.6 พล.ต.บุญสิน พาดกลาง (ตท.26) จาก ผบ.พล.ร.3 ซึ่งน่าจับตามองชื่อสุดท้าย เนื่องจากมีอายุราชการถึงปี 2568

                ขณะที่กองทัพภาคที่ 3 ค่อนข้างนิ่งสนิท เนื่องจาก “แม่ทัพต้น” พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ ยังอยู่ที่เดิม แต่เริ่มมีการขยับ ตท.22 ขึ้นมาตามจังหวะเวลาหลายคน เช่น พล.ต.อำนาจ ศรีมาก จาก ผบ.พล.ร.4 ขึ้นมาเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 3 (รอง มทภ.3) จากที่มี พล.ต.สุริยะ เอี่ยมสุโร อยู่ที่เก้าอี้ รอง มทภ.3 จ่ออยู่แล้ว นอกจากนั้นยังมีชื่อ พล.ต.จิราวัฒน์ จุฬากุล จาก ผบ.มทบ.33 มาเป็น ผบ.พล.ร.7 พล.ต.สมเจตตะณ์ ภักดีบรรณดิษฐ ขึ้นเป็น ผบ.มทบ.34 ส่วนรุ่นอื่นก็คละกันไป เช่น พล.ต.เทอดศักดิ์ งามสนอง (ตท.23) จาก เสธ.กองทัพน้อยที่ 3 มาเป็น ผบ.มทบ.310 พล.ต.ประสาน แสงศิริรักษ์ (ตท.24) เป็น ผบ.พล.ร.4 พล.ต.สันติ สุขป้อม (ตท.24) เป็น ผบ.มทบ.33 พล.ต.คณิศร อาสมะ (ตท.27) ผบ.มทบ.38 ปิดจ๊อบไป 2 กองทัพภาค....สัปดาห์หน้าว่ากันต่อไปที่กองทัพภาคที่ 4 และ นสศ.

 

 

 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"