ระดมกำลังแก้ไขวิกฤต ลดความสูญเสียเหตุไฟไหม้บางพลี


เพิ่มเพื่อน    

 

ความสูญเสียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็ตาม เป็นสิ่งที่ทุกคนในสังคมไม่อยากให้เกิดขึ้น เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์เพลิงไหม้ที่โรงงานของบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ซึ่งเป็นโรงงานผลิตโฟมและเม็ดพลาสติก ตั้งอยู่ที่ ต.ราชาเทวะ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 5 ก.ค. ที่ผ่านมา มีการระเบิดในโกดังเก็บสารเคมี กลุ่มควันสีดำพวยพุ่งขึ้นท้องฟ้าเป็นจำนวนมาก และไฟที่ลุกลามไปในทุกส่วนของโรงงาน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวยืดเยื้อและกินเวลานานมากกว่า 24 ชั่วโมง

 

ซ้ำเหตุระเบิดนอกจากจะทำให้สารเคมีที่กักเก็บไว้รั่วไหลออกมาแล้วนั้น ยังส่งผลกระทบไปยังบ้านเรือนของประชาชนที่อยู่ใกล้รัศมีของโรงงาน โดยสร้างความเสียหายให้กับตัวบ้านโดยตรง และจากการรั่วไหลของสารเคมีนั้นก็ยังส่งผลไปถึงการปนเปื้อนในอากาศ ทำให้ต้องมีการอพยพประชาชนในรัศมี 5-10 กิโลเมตออกจากพื้นที่โดยด่วน และรวมกำลังเจ้าหน้าที่ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดับเพลิงเข้าทำหน้าที่ในจุดเกิดเหตุ

 

แม้จะอยู่ในความดูแลของหลายหน่วยงาน แต่ความรุนแรงของสถานการณ์ก็ไม่สามารถบรรเทาลงได้และได้สร้างความเสียหายอย่างสาหัส จากสถานการณ์ที่ยังคงรุนแรงและต่อเนื่องอยู่นั้น หลายฝ่ายต่างเร่งมือเข้ามาช่วยเหลือในด้านที่จำเป็นและต้องการอย่างมากมาย

 

 

ทั้งเรื่องสถานที่อพยพ ของใช้จำเป็น อาหาร หรืออื่นๆ จากในทุกกลุ่ม แต่สิ่งที่สำคัญคือการควบคุมเพลิงไหม้ที่ในขณะนั้นยังไม่สามารถดับได้อย่าง 100% และด้วยความห่วงในสถานการณ์ดังกล่าวผนวกกับเข้าใจในปัญหาอย่างตรงจุด บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (ปตท.) ก็เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานที่เข้าไปช่วยเหลือ โดยประสานงานกับบริษัทในกลุ่ม ปตท. ให้ระดมบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการสารเคมีและระงับเหตุเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน

 

ซึ่ง ปตท. โดยสายงานระบบท่อส่งก๊าซฯ สนับสนุนโฟมดับเพลิงในเบื้องต้น 250 ลิตร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) สนับสนุนโฟมดับเพลิง 6,800 ลิตร รวมถึงรถดับเพลิงพร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการ บริษัท เอ็นพีซี เซฟตี้ แอนด์ เอ็นไวรอนเมนทอลเซอร์วิส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการดับเพลิง กู้ภัย และระงับเหตุฉุกเฉิน ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญพร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมปฏิบัติการ เพื่อให้คำปรึกษาและช่วยเหลือการดับเพลิง

 

พร้อมอุปกรณ์หัวฉีดน้ำดับเพลิงแบบ Fix Monitor หุ่นยนต์ดับเพลิงและโฟมดับเพลิง 3,000 ลิตร สำหรับใช้ในการระงับเหตุ อีกทั้งโรงแยกก๊าซธรรมชาติ ปตท. พร้อมกลุ่มความร่วมมือช่วยเหลือกรณีฉุกเฉิน (EMAG: Emergency Mutual Aid Group) ซึ่งเป็นการรวมตัวของทีมตอบโต้เหตุฉุกเฉินในกลุ่มโรงงานนิคมอุตสาหกรรมพื้นที่มาบตาพุดและใกล้เคียง จ.ระยอง เตรียมพร้อมให้การสนับสนุนโฟมที่ใช้ในการดับเพลิงดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง

 

ซึ่งจากความช่วยเหลือทั้งหมด และจากความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ส่งผลให้สถานการณ์ดังกล่าวคลี่คลายลงในเวลาต่อมา แต่จากเหตการณ์นี้แม้จะมีการควบคุมเพลิงหรือการระเบิดไว้ได้แล้ว แต่ก็ยังมีปัญหาที่จะต้องเร่งคลี่คลายอีกหลายเรื่อง โดยเฉพาะปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม เพราะสารเคมีที่กระจายออกมาพร้อมกับควันไฟนั้น ส่งผลให้มีไอระเหยของสารสไตรีน และก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์

 

นอกจากนี้ ผลกระทบต่อมาคือด้านสุขภาพของประชาชนในพื้นที่ ที่จำเป็นจะต้องดูแลต่อไป โดยจากข้อมูลของ กระทรวงอุตสาหกรรม เผยว่าโรงงานมีสารเคมีอันตรายอย่างน้อย 2 ชนิด คือ เพนเทน และสไตรีนโมโนเมอร์ ซึ่งเจ้าหน้าทีฉีดน้ำและโฟมหล่อเลี้ยงไว้ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้ถังบรรจุสารเคมีมีอุณหภูมิสูงเกินไป ซึ่งสไตรีนโมโนเมอร์ เป็นสารเคมีที่มีอันตรายต่อระบบอวัยวะสำคัญของร่างกาย ทั้งระบบ ทางเดินหายใจ ระบบประสาท ระบบสร้างเลือด ตับ และระบบประสาทส่วนกลาง

 

เมื่อได้รับไอระเหยของสารนี้ทางการสูดดมจะส่งผลให้เวียนศีรษะ ง่วงซึม ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย หมดสติ ซึ่งมลพิษที่เกิดขึ้นแม้ไม่ได้มีพิษเฉียบพลัน แต่เป็นกลุ่มหมอกควันที่มีสารเคมีเจือปนมีผลต่อร่างกายในระยะยาว ถ้าสูดหายใจเข้าไปจะมีผลกระทบต่อทางเดินหายใจ หากรับสารพิษดังกล่าวเข้าไปเยอะๆ ก็มีผลต่อร่างกาย ในส่วนของกลุ่มผู้ป่วยที่มีร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว เมื่อต้องสูดดมสารพิษก็อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอลง ซึ่งประชาชนในพื้นที่ควรใส่หน้ากากแบบเต็มใบหน้าหรือหน้ากากที่ป้องกัน PM 2.5 ได้

 

และนอกจากความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่แล้ว แฟนเพจ “เลี้ยงหมาตามหมอ” ก็ได้โพสต์เตือนถึงชาวบ้านที่เลี้ยงสุนัขและแมว ว่าจากเหตุการณ์โรงงานสารเคมีระเบิดที่กิ่งแก้ว ใครที่อยู่ในพื้นที่กำลังอพยพ "อย่าทิ้งหมาแมวและสัตว์เลี้ยงไว้ในบ้าน" สารเคมีเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นกัน ถึงจะปิดประตูหน้าต่างแล้วก็ไม่ควร เปิดพัดลมเปิดแอร์ไว้

 

ซึ่งไฟอาจจะดับ ซ้ำอาจจะร้อน น้องหมาแมวเป็นฮีทสโตรกตามมาได้ หากเป็นไปได้ควรพาสัตว์เลี้ยงออกมาด้วย หรือหาฝากตามคลินิก โรงพยาบาลสัตว์ชั่วคราวไว้ก่อน ซึ่งมีหลายที่ทั้งโรงแรมและโรงพยาบาลสัตว์ที่ช่วยเหลือรับฝากสัตว์เลี้ยงที่ได้รับผลกระทบชั่วคราวโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย

 

สถานการณ์ที่จบลง ต้องยอมรับว่าเป็นเพราะความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ความทุ่มเทของเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน และยังแสดงให้เห็นน้ำใจและความร่วมมือร่วมใจของคนในสังคมไทยได้ว่าจะสามารถทำให้ก้าวผ่านไปในทุกอุปสรรค แต่อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ก็ยังสามารถตอกย้ำถึงคำว่าความสูญเสียได้เป็นอย่างดี และจะเป็นบทเรียนให้กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"