คิม-ทรัมป์ถึงแล้ว ‘นานาชาติ’รอผล ถกประวัติศาสตร์


เพิ่มเพื่อน    

  "คิม จองอึน" และ "โดนัลด์ ทรัมป์" เดินทางถึงสิงคโปร์แล้วทั้งคู่เมื่อวันอาทิตย์ เพื่อร่วมซัมมิตประวัติศาสตร์ในวันอังคารที่ 12 มิถุนายนนี้ ซึ่งจะเป็นการพบหน้ากันโดยตรงครั้งแรกระหว่างผู้นำเกาหลีเหนือและประธานาธิบดีสหรัฐ 

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มิถุนายน 2561 ว่า คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ เดินทางมาถึงสิงคโปร์ก่อนหน้าทรัมป์ ซึ่งรุดออกจากที่ประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ประเทศ (จี 7) ที่แคนาดาก่อนการประชุมเสร็จสมบูรณ์ ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีที่ร่วมคณะผู้สื่อข่าวที่ติดตามมากับแอร์ฟอร์ซวันกล่าวว่า ทั้งตัวทรัมป์และผู้ช่วยของเขาไม่ยอมให้ทัศนะใดๆ กับผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินลำนี้ ซึ่งเดินทางมาลงที่ฐานทัพอากาศปายาเลบาร์ของสิงคโปร์ในช่วงค่ำวันเดียวกัน 
    รายงานกล่าวว่า ทรัมป์ได้ทักทายเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสิงคโปร์ ซึ่งนำโดยวิเวียน บาลากริชนัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่มารอต้อนรับ โดยกล่าวเขารู้สึก "ดีมาก" เกี่ยวกับซัมมิตครั้งนี้ จากนั้นผู้นำสหรัฐได้ขึ้นรถหุ้มเกราะประจำตำแหน่ง พร้อมขบวนติดตามอีกราว 30 คัน มุ่งหน้าไปยังโรงแรม 
    ส่วนคิม เดินทางมายังสิงคโปร์ด้วยเครื่องบินโบอิ้ง 747 ของสายการบินแอร์ไชน่า ซึ่งเป็นเครื่องบินของรัฐบาลจีน ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ไฟลต์เรดาร์ 24 ที่ติดตามเส้นทางการบิน พบว่าแอร์ไชน่า 747 ลำนี้ออกจากกรุงเปียงยางเมื่อเช้าวันอาทิตย์ โดยทำทีว่าจะบินมายังกรุงปักกิ่ง แต่แล้วก็เปลี่ยนชื่อเที่ยวบินกลางอากาศแล้วมุ่งหน้าลงใต้มายังสิงคโปร์ 
    เที่ยวบินนี้มาลงที่สนามบินชางงีในเวลาประมาณ 14.40 น. ตามรายงานของเซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์ แล้วจากนั้นในเวลาประมาณ 15.05 น. ขบวนรถเมอร์เซเดส-เบนซ์, รถตำรวจ และรถหน่วยแพทย์เคลื่อนที่รวมมากกว่า 20 คันก็เดินทางออกจากสนามบิน ต่อมาคิมได้เข้าพบนายกฯ ลีเซียนลุง ของสิงคโปร์ เพื่อขอบคุณที่เขาเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม
    "หากการประชุมสุดยอดครั้งนี้ประสบความสำเร็จ ความพยายามของสิงคโปร์จะได้รับการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์" เอเอฟพีอ้างคำกล่าวของคิม
    ทางการสิงคโปร์วางมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนาทั่วสถานที่จัดการประชุมสุดยอดบนเกาะเซนโตซา และโรงแรมหรูที่ผู้นำทั้งสองใช้เป็นที่พักระหว่างการประชุม มาตรการนี้รวมถึงจัดวางกระถางต้นไม้เพิ่มเติมเป็นพิเศษด้านนอกที่พักของคิม เพื่อบดบังสายตาของผู้สื่อข่าว 
    ทรัมป์กล่าวถึงซัมมิตที่สิงคโปร์ครั้งนี้ว่าเป็นโอกาสนัดเดียวสำหรับสันติภาพ รัฐบาลของเขายืนกรานว่าเกาหลีเหนือต้องปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง ตรวจสอบได้ และไม่อาจย้อนคืน แต่จนถึงขณะนี้เกาหลีเหนือเพียงให้คำมั่นอย่างเปิดเผยเพียงว่าพวกตนยึดมั่นต่อการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งเป็นคำกล่าวที่ตีความได้หลากหลาย โดยยอมแลกกับการรับประกันความมั่นคงของระบอบ
    ริชาร์ด อาร์มิเทจ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ คาดเดาว่า ประเด็นสำคัญเรื่องการจำกัดความคำว่าปลดอาวุธนิวเคลียร์น่าจะมีความคืบหน้าน้อยในซัมมิตครั้งนี้ "ความสำเร็จจะอยู่ที่การกดชัตเตอร์ถ่ายภาพเสียมาก โดยทั้งสองฝ่ายต่างได้สิ่งที่ต้องการแล้ว" เขากล่าว
    ทรัมป์ยืนกรานไว้เมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ซัมมิตครั้งนี้จะ "ไม่เป็นแค่การมาถ่ายรูป" โดยบอกว่าการประชุมสุดยอดจะช่วยให้ทั้งสองฝ่ายหล่อหลอมมิตรภาพที่จะนำไปสู่ "กระบวนการ" ที่จะก่อให้เกิดความตกลงในท้ายที่สุด. 
 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"