'ส.ส.ก้าวไกล' เสียดายงบกลาง 1.6 หมื่นล้านแก้โควิด น่าจะนำไปใช้ด้านสวัสดิการ-ความเสมอภาค


เพิ่มเพื่อน    

5 ส.ค.64 - นายธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงสถานการณ์ยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ทะลุ 2 หมื่นรายในวันนี้ว่า เป็นยอดผู้ติดเชื้อที่น่าตกใจ แต่ไม่แปลกใจที่วิกฤติการแพร่ระบาดมาถึงจุดนี้ วันนี้ยอดผู้ติดเชื้อสะสม 643,5222 ราย และมีความเป็นไปได้อย่างมากที่ยอดจะกลายเป็นหลักล้าน หากการบริหารจัดงานการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ยังอยู่ในมือรัฐบาลนำโดย ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม

"ที่น่าตกใจอย่างมากคือไม่ใช่ว่ารัฐบาลไม่มีงบประมาณเพื่อแก้ปัญหา เพราะมีทั้งงบจาก พ.ร.ก. เงินกู้ 1 ล้านล้านในปีที่แล้ว และ พ.ร.ก.อีก 5 แสนล้านในปีนี้ เป้าหมายในการกู้ก็วางไว้ชัดคือนำมาแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดโควิด ทั้งรับมือ ป้องกัน เยียวยา และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ แต่พรรคก้าวไกลพบว่า ขณะนี้กระทั่งงบ 300 ล้านที่ต้องให้กระทรวงสาธารณสุขในการแก้ปัญหากลับมีการเบิกจ่ายน้อยและล่าช้ามาก จนทำให้ไม่มีความพร้อมไม่ว่าเตียงกำลังคน หรือระบบสนับสนุน พยาบาลและแพทย์ กำลังอ่อนแรง ที่ทุกๆวันมีผู้ติดเชื้อเสียชีวิตเพราะไม่สามารถเข้าถึงการรักษาจำนวนมาก บ้างก็ต้องนอนป่วยที่บ้านที่ไกลมือแพทย์ ทั้งที่ความจริงเรามีงบประมาณ ที่น่าจะเอาไปจัดการและสรรอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อแก้ปัญหาได้มากกว่านี้"

นายธัญวัจน์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมามีประชาชนแจ้งมาทางเพจของตนหลายราย ในฐานะผู้แทนราษฏรได้ช่วยประสานหาเตียงผู้ป่วย จึงพบว่าต้องมีการรอคิวเตียงผู้ป่วยนาน 4 - 7 วัน ส่วนตอนนี้เป็นเรื่องการทำ Home Isolate ซึ่งไม่ใช่ว่าไม่เห็นด้วยกับการทำ Home Isolate เพราะสามารถทำได้ในกรณีผู้ติดเชื้อไม่มีอาการหนัก แต่ไม่ใช่เพราะเตียงไม่พอในกรณีผู้ป่วยอาการรุนแรง ปัญหาจากการขาดระบบจัดการ เราจึงเห็นกระทรวงสาธารณสุข แพทย์ พยาบาล บุคคลากรทางการแพทย์ทำงานหนัก เหมือนอยู่ท่ามกลางอุโมงค์โดยที่ไม่รู้ว่าทางออกอยู่ตรงไหน แต่ในทางกลับงานเรามีงบประมาณในการช่วยเหลือ แต่กลับไม่ถูกเบิกจ่ายออกไป

"ล่าสุด จากการพิจารณางบประมาณ 65 โดยสามัญสำนึก เมื่อมีจากงบที่ตัดจากหน่วยงานและโครงการต่างๆ ที่ยังไม่จำเป็น หลายคนคาดว่าเงินก้อนนี้จะถูกนำไปให้กับหน่วยงานด้านสวัสดิการ ด้านสุขภาพ ด้านความเสมอภาคทางการศึกษา แต่กลับกลายเป็นการโยนงบที่มากถึง 1 หมื่น 6 พันล้านเข้าสู่การกระเป๋าสำรองที่อำนาจตัดสินใจอยู่ที่ ประยุทธ์ จันทร์โอชา รูปแบบงบกลางที่จะเบิกจ่ายอะไรแต่ตรวจสอบได้ยาก"

นายธัญวัจน์ กล่าวอีกว่า จากเงินกู้ 1 ล้านล้าน การโอนงบ 8 หมื่นกว่าล้านปีที่แล้ว มาสู่เงินกู้ 5 แสนล้านปีนี้ และล่าสุดอีก 1 หมื่น 6 พันล้านที่ไปอยู่ในกำมือของประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งพิสูจน์แล้วจากสถานการณ์ขณะนี้วิกฤตสุขภาพและเศรษฐกิจคือ ภาพสะท้อนอันชัดเจนถึงความไม่มีประสิทธิภาพของผู้นำรัฐบาล

"หากคุณทำงานเต็มที่ เบิกจ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ มีผิดพลาดบ้างประชาชนยังเข้าใจ แต่สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนเวลานี้คือการแก้ปัญหาไม่ตรงจุด ไม่ตอบโจทย์ และที่เลวร้ายที่สุดคือความไม่ใส่ใจ ธัญคิดว่า ขณะนี้ เรากำลังอยู่ในรัฐบาลที่ลอยตัวเหนือปัญหาที่สุดในประวัติศาสตร์ ท่ามกลางวิกฤตที่สุดเช่นกันของมนุษยชาติในเวลานี้"


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"