กากีกะสีเขียว


เพิ่มเพื่อน    

            แวดวง สีกากี ชั่วโมงนี้ต้องเรียกว่า "ความวัวยังไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก" คดี ผกก.โจ้ ใช้ถุงคลุมศีรษะผู้ต้องหายาเสพติดจนเสียชีวิต สั่นสะเทือนสังคมถึงการกระทำของ ตำรวจ ที่โหดเหี้ยม  แม้ ผบ.ปั๊ด-พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) จะส่งทีมงานไปคุมตัว ผกก.โจ้ เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมได้ โดยไม่ปล่อยให้ลอยนวลหายเข้ากลีบเมฆ ซึ่งคดีเหมือนจะจบแต่ก็ไม่จบ การดำเนินคดีต่างๆ ถูกกังขา ถูกจับตาจากสังคม เพราะเกรงจะมีการช่วยพวกพ้องจากหนักกลายเป็นเบา จากเบากลายเป็นเบ๊า...เบา ฉุดภาพลักษณ์ สีกากี ดำดิ่ง ก็มาเกิดเรื่องซ้ำอีกระลอก เมื่อตำรวจชั้นผู้น้อย ตม.สุรินทร์ 14 นาย ร้องว่าถูกผู้บังคับบัญชาอมเบี้ยเลี้ยงปฏิบัติงานป้องกันการระบาดโรคโควิด-19 เกลี้ยง รวมกว่า 1.2 แสน เรียกว่าฉาวโฉ่เข้าไปอีก... งานนี้คงต้องรอฟัง สตม.ที่มี บิ๊กอู๊ด-พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง นั่งเก้าอี้ ผบช.สตม. จะสอบข้อเท็จจริงออกมาอย่างไร เพราะ พ.ต.อ.เอกกมนต์ พรชูเกียรติ รอง ผบก.ตม.4 และโฆษก บก.ตม.4 ขอเวลาในการตรวจสอบ 7 วัน หากพบมีมูลกระทำผิดจริงจะดำเนินการทางอาญาและทางวินัยกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกนายอย่างเด็ดขาด ๐

            งามหน้าไม่หยุดหย่อน สีกากีนอกรีต หรือที่ ผบ.ปั๊ด ให้คำนิยาม นิ้วร้าย ถ้าไม่ดีต้องตัดทิ้ง คราวนี้สวมเครื่องแบบโจรเต็มตัว แม้ภายในจะมีสถานะเป็นตำรวจ ส.ต.ท.อนุชา บุญอารักษ์ อายุ 25 ปี ผบ.หมู่ (ป.) สภ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แปลงร่างใส่ชุดไรเดอร์สีชมพู ใช้อาวุธปืนชิงทรัพย์ที่ร้านห้างเพชรทองเยาวราช ภายในห้างบิ๊กซี ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 1 ก.ย.64 เวลาประมาณ 17.00 น.  แล้วใช้อาวุธปืนยิงจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 ราย ก่อนกวาดทองรูปพรรณจำนวน 126 บาท มูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาทหลบหนีไป ก่อนที่ชุดสืบสวน สภ.ปากช่อง ดูกล้องวงจรปิดเห็นตำหนิรูปพรรณคนร้าย และลักษณะท่าทางคล้ายกับ ส.ต.ท.อนุชา จึงบุกไปที่บ้านสอบปากคำก่อนที่เจ้าตัวจะรับสารภาพก่อเหตุปล้นร้านทองจริงๆ เล่นเอา บิ๊กหลวง-พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3)  ควันออกหู ๐

            เป็นแนวนโยบายสุดเจ๋งที่น่าชื่มชม บิ๊กอู๊ด-พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) มีหนังสือคำสั่งให้ พ.ต.อ.จักรภพ สุคนธราช รอง ผบก.น.8 ไปปฏิบัติราชการ บก.น.1 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบก.น.1 มอบหมายอีกหน้าที่หนึ่ง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึง 30 ก.ย. พ.ต.อ.อรรถพล อนุสิทธิ์ รอง ผบก.สส.บช.น. ปฏิบัติราชการ บก.น.2 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบก.น.2 มอบหมายอีกหน้าที่หนึ่ง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึง 30 ก.ย. และ พ.ต.อ.นครินทร์ สุคนธวิท รอง ผบก.น.9 ปฏิบัติราชการ บก.อคฝ. เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามที่ ผบก.อคฝ.มอบหมายอีกหน้าที่หนึ่ง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปถึง 30 ก.ย. ซึ่งตำรวจทั้ง 3 นาย ในการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)  ที่มี บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานประชุมเมื่อสัปดาห์ก่อน เพิ่งไฟเขียวแต่งตั้งให้ทั้ง  3 รายนั่งเก้าอี้ ผู้การป้ายแดง การที่ บิ๊กอู๊ด ส่งตัวไปช่วยราชการชิมลางพื้นที่ก่อนนั่งเก้าอี้เต็มตัววันที่ 1 ต.ค.64 ถือเป็นการทดลองงานก่อนเป็นตัวจริง...เยี่ยมๆ ๐

            เดินหน้าลุยงานต่อเนื่อง บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษา (สบ 9) ที่ ก.ตร.เพิ่งโยกให้มานั่งตำแหน่งหลัก ผู้ช่วย ผบ.ตร.  ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.นี้เป็นต้นไป ในโครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 ตามแนวคิด ผบ.ปั๊ด ที่ตั้งใจจะเปลี่ยนถนนสายเปลี่ยวให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยครั้งหนึ่ง ผบ.ตร.เคยกล่าวไว้ว่า "มีซอยไหนสักซอยไหมที่ผู้หญิงสามารถเดินจากปากซอยเข้าบ้านได้ตอนสามสี่ทุ่มหรือหลังจากนั้น โดยไม่รู้สึกกลัวอะไร” โครงการสมาร์ทเซฟตี้โซน 4.0 จึงนำร่อง 15 สถานีตำรวจทั่วประเทศ ประกอบไปด้วย สน.ลุมพินี, สน.ห้วยขวาง, สน.ภาษีเจริญ, สภ.ปากเกร็ด, สภ.เมืองสมุทรปราการ, สภ.ปากช่อง, สภ.เมืองราชบุรี, สภ.เมืองพัทยา, สภ.เมืองภูเก็ต, สภ.หาดใหญ่, สภ.เมืองปราจีนบุรี, สภ.เมืองเชียงใหม่, สภ.เมืองอุดรธานี, สภ.เมืองพิษณุโลก  และ สภ.เมืองระยอง ด้วยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมสุดล้ำ เข้ามาพัฒนาการทำงานของตำรวจ พร้อมทั้งความร่วมมือจากภาครัฐ  ภาคเอกชน และภาคประชาชน ร่วมสร้างความเชื่อมั่นอุ่นใจปลอดภัยในชุมชน ๐     

            เหมือนจะจบแล้วสำหรับ โผทหาร หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เรียกประชุมคณะกรรมการปรับย้ายนายทหาร ซึ่งเห็นชอบให้ พล.ร.อ.สมประสงค์  นิลสมัย รองปลัดกระทรวงกลาโหม ไปเป็นผู้บัญชาการทหารเรือ และขยับบางตำแหน่งในกองทัพบก ขั้นตอนต่อไปรอคณะรัฐมนตรีเห็นชอบชื่อของ เสธ.ไก่-พล.อ.สุพจน์ มาลานิยม เสนาธิการทหาร ในการโอนย้ายไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ตามที่คณะกรรมการ สมช.เห็นชอบ จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะนายกฯ จะนำ  “โผทหาร” ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 9 ก.ย.นี้ ช่วงนี้เหลือเพียงการเกลี่ยตำแหน่งที่ยังไม่ลงตัว เพราะยังมีการวิ่งในโค้งสุดท้ายไม่เลิก อีกทั้งมีข่าวว่าด้วยนโยบายปรับลดอัตรานายพลตามนโยบายปฏิรูปกองทัพ ทำให้ผู้ที่มีโอกาสจะได้พลเอกก่อนเกษียณในปี 65 พลาดหวังจำนวนมาก จึงมีการแก้ไขปัญหาด้วยการเพิ่มตำแหน่งอัตราเฉพาะตัวในเหล่าทัพ เมื่อผู้นั้นพ้นจากตำแหน่งไปแล้วอัตราดังกล่าวก็หมดตามไปด้วย ๐

            ในส่วนของกองทัพภาคในปีนี้ นับว่าดุเดือดกว่าทุกปี แต่สุดท้ายในส่วนของกองทัพภาคที่ 1 ชื่อของ บิ๊กโต-พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง  แม่ทัพน้อยที่ 1 ลูกหม้อ “บูรพาพยัคฆ์” ได้ขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ตาม  “โผแรก” ที่ แม่ทัพต่อ-พล.ท.เจริญชัย หินเธาว์ แม่ทัพภาคที่1 คนปัจจุบันเสนอขึ้นไป โดยมี พล.ต.ธราพงษ์ มะละคำ รองแม่ทัพภาคที่ 1 ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพน้อยที่ 1 ส่วนฝั่งฟากกองทัพภาคที่ 2 แม้มีชื่อของ รองปอง-พล.ต.สวราชย์ แสงผล รองแม่ทัพภาคที่ 2 จะได้ขยับขึ้นเป็นแม่ทัพภาคที่ 2 จากการผลักดันของ พล.อ.สัญชัย รุ่งศรีทอง   เพื่อนเตรียมทหารรุ่น 22 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ แต่ดูเหมือนว่าชื่อของ  รองมืด-พล.ต.กิตติศักดิ์ บุญพระธรรมชัย  รองแม่ทัพภาคที่ 2 ก็มาแรงขึ้นในรอบสุดท้าย จากการผลักดันของ บิ๊กเยิ้ม-พล.อ.ธวัชชัย  สมุทรสาคร อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 และกระแสเสียงจาก ตท.24 ที่มองว่ากองทัพภาคที่ 1 เป็นของ ตท.23 ไปแล้ว เก้าอี้ของกองทัพภาคที่ 2 ก็ควรเป็นของ ตท.24 บ้าง จึงน่าลุ้นว่าหวยจะไปออกที่ใคร ๐

  ทางด้าน แม่ทัพต้น-พล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 ยังเหลืออายุราชการถึงปี 2566 ได้นั่งทำงานต่อ ยังไม่มีการขยับออกมา ส่วน พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่ช่วงหนึ่งมีชื่อขยับขึ้นไปอยู่ ทบ. เนื่องจาก บิ๊กป๊อด-พล.ท.สิทธิพร มุสิกะสิน แม่ทัพน้อยที่ 4 มาแรง แต่โค้งสุดท้ายชื่อ “บิ๊กเกรียง” ยังคงแรงต่อเนื่องหรือไม่ต้องรอชม เพราะเหนืออื่นใด หาก “โผ” ยังไม่ได้รับการทูลเกล้าฯ ถวาย อะไรก็สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทั้งนั้น ๐

            ในการปรับย้ายในตำแหน่งสำคัญๆ ของกองทัพบกปีนี้ที่คึกคักและตบเท้าเข้าสู่ตำแหน่งหลักกันเป็นแถว มาจากทั้งเตรียมทหารรุ่น 22  (ตท.22), ตท.23, ตท.24, ตท.26, ตท.27, ตท.28 แต่รุ่นที่หายไปจากความเคลื่อนไหวคงเป็น ตท.25 ที่มีชื่อของ ผู้กองนัส-ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายทหารนอกราชการเป็นประธานรุ่น ซึ่งในกองทัพภาคที่ 1 ยอมรับว่า ในส่วนการคุมกำลังสำคัญ ตท.25 เป็นรุ่นที่ถูกข้าม-ปาดหน้าไปมาจากการแข่งกันระหว่างรุ่นพี่-รุ่นน้องอย่างดุเดือด แต่อย่างน้อยก็ยังมีชื่อ พล.ต.วสุ เจียมสุข รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน (ผบ.นรด.) ซึ่งเป็นน้องรักของพล.อ.ประยุทธ์ น่าจะได้ขึ้นเป็น ผบ.นรด.ในโผนี้ ในขณะที่ภาคใต้ยังมีชื่อ  พล.ต.ไพศาล หนูสังข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 15 (ผบ.พล.ร.15) และ พล.ต.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 (ผบ.พล.ร.5) ที่มีลุ้นได้ดีในโผนี้เช่นกัน๐

            ขณะที่แม่ทัพภาคที่ 5 บิ๊กยอง-พล.ท.ภูมิพัฒน์ จันทร์สว่าง ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาสงครามพิเศษ (ผบ.นสศ.) แน่นอนแล้วว่าต้องขยับออกมาจากรั้วหมวกแดง โดยเจ้าตัวผลักดัน บิ๊กต้น-พล.ต.ณัฐวุฒิ  นาคะนคร เพื่อน ตท.24 รองผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (รอง ผบ.นสศ.) ขึ้นเป็น ผบ.นสศ. ซึ่งนับเป็นทหารรบพิเศษอีกคนที่พอมีความหวังจะย่างสามขุมเข้ามาใน 5 เสือ ทบ.เพราะเหลืออายุราชการถึงปี 2568 แต่ก็ต้องแคนดินเดตกับ “ทหารคอแดง” ที่น่าจะยากในการฝ่าฟันเข้านั่งเก้าอี้ ทบ.ได้ ในขณะที่ “รบพิเศษ” ที่เหลืออยู่ในกองทัพบกอย่าง บิ๊กโซ่-พล.ท.ชนาวุธ บุตรกินรี ยังนิ่งที่ตำแหน่ง รองเสนาธิการทหารบก และคงยากจะเข้าฮอสในสายอำนวยการของ 5 เสือ ทบ. (ขอบคุณภาพจากโรงเรียนสงครามพิเศษ)


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"