TCP ขยายตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในเวียดนาม


เพิ่มเพื่อน    

 

กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดสำนักงานแห่งแรกในต่างประเทศที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม

กลุ่มธุรกิจ TCP เปิดสำนักงานแห่งแรกในต่างประเทศที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม พร้อมเพิ่มลงทุนใน บริษัท TCPVN อีก 4,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี เสริมแกร่งด้านการตลาด การจัดจำหน่าย และR&D ตั้งเป้า 3 ปี ยอดขายเพิ่มขึ้นเท่าตัว เล็งออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในเวียดนามอย่างน้อย 1 แบรนด์ใน 3 ปีข้างหน้า มุ่งเดินหน้าตามแผน 5 ปี ยกระดับกลุ่มธุรกิจ TCP ขึ้นชั้น “บริษัทไทยที่ยิ่งใหญ่บนเวทีโลก” 

ที่นครโฮจิมินห์ สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP ผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์กระทิงแดง (เรดบูล) เรดดี้ โสมพลัส สปอนเซอร์ แมนซั่ม เพียวริคุ ซันสแนค และวอริเออร์ ได้เปิดสำนักงานต่างประเทศแห่งแรกที่กลุ่มธุรกิจ TCP ถือหุ้น 100% ณ ประเทศเวียดนาม 

นายสราวุฒิ อยู่วิทยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวว่า “การเปิดบริษัท TCPVN ขึ้นที่เวียดนามนี้ เป็นบทพิสูจน์ความมุ่งมั่นของกลุ่มธุรกิจ TCP ที่ต้องการเป็นองค์กรธุรกิจที่สามารถนำความภาคภูมิใจมาสู่ประเทศไทยในเวทีโลก ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่มที่เป็นแบรนด์ไทยที่สร้างชื่อเสียง และได้รับการยอมรับในระดับโลก การเปิดสำนักงานที่เวียดนามนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจ 5 ปี ที่ได้ประกาศไว้เมื่อปี 2560 ที่มุ่งสร้างยอดขายของกลุ่มโตขึ้น 3 เท่าเป็น 100,000 ล้านบาท”  การเลือกมาเปิดสำนักงานที่เวียดนาม เพราะเป็นตลาดที่ใหญ่ มีศักยภาพสูง และมีโอกาสที่ตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มจะเติบโตอีกมาก เนื่องจาก 1.ไลฟ์สไตล์ของคนเวียดนามจะนิยมบริโภคเครื่องดื่มชูกำลังเพื่อใช้ในการดับกระหาย รวมถึงใช้บริโภคควบคู่ไปพร้อมกับมื้ออาหาร ซึ่งเป็นวัฒนธรรมการบริโภคของคนที่ทำงานหนัก และต้องการพลังงานจากเครื่องดื่มชูกำลังมาช่วยเสริม 

2. ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังของเวียดนาม มีศักยภาพที่จะเติบโตต่อเนื่องโดยปัจจุบันในภูมิภาคเอเชียเวียดนามเป็นที่สองรองจากประเทศจีนเท่านั้น 3. ผลิตภัณฑ์ของกลุ่มธุรกิจ TCP ที่มีจำหน่ายอยู่แล้วมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีอัตราการเติบโตต่อเนื่องกว่า 25% ซึ่งเป็นการเติบโตที่มากกว่าตลาดรวม  4. ตลาดเวียดนามจะให้ความไว้วางใจกับสินค้าที่มีคุณภาพ ซึ่งผลิตภัณฑ์ของเราเป็นแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกทั้งในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม พรีเมี่ยม ซึ่งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับกลุ่มธุรกิจ TCP ในการนำผลิตภัณฑ์คุณภาพอื่นๆ เข้าสู่ตลาดเวียดนาม และ5. กลุ่มธุรกิจ TCP ยังมีรากฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง โดยมีแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในตลาดเวียดนามมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี

ประธานเจ้าหน้าที่บริการกลุ่มธุรกิจ TCP กล่าวต่อว่า พร้อมกันนี้ได้ประกาศธุรกิจ 3 ปี ของ TCP ในเวียดนาม (บริษัท TCPVNจำกัด) ด้วยการลงทุนเพิ่ม 4,000 ล้านบาทเพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับ TCPVN ใน 3 ส่วนหลักคือ  1.เสริมสร้างศักยภาพของทีมงานวิจัยตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์ เราจะมุ่งมั่นพัฒนาบุคคลากร และเทคโนโลยีให้ทันสมัย เพื่อเพิ่มศักยภาพของทีมงาน TCPVN ให้เป็นหน่วยธุรกิจที่เชี่ยวชาญข้อมูลเชิงลึก ที่มีความเข้าใจพฤติกรรมการบริโภค ไลฟ์สไตล์ และวิถีชุมชนของคนเวียดนามอย่างดีที่สุด เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ปรับปรุง หรือพัฒนาให้   แบรนด์ของเราที่มีจำหน่ายอยู่แล้วในท้องตลาดมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสให้มีการคิดค้น พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะตลาดได้ดีขึ้น เพื่อทำให้กลุ่มธุรกิจ TCP เป็น “เฮ้าส์ออฟแบรนด์” ที่ทรงพลังและแข็งแกร่ง โดยตั้งเป้าว่าในอีก 3 ปี เราจะมีสินค้าใหม่อย่างน้อย 1 แบรนด์วางจำหน่ายในตลาดเวียดนาม ซึ่งอาจจะเป็นสินค้าใหม่ที่คิดค้นเพื่อคนในท้องถิ่น หรืออาจจะเป็นแบรนด์ที่มีอยู่แล้ว และนำมาจำหน่ายก็ได้”

นายสราวุฒิ กล่าวเสริมว่า “เครื่องดื่มชูกำลังอัดลมแบรนด์ “วอริเออร์” เป็นความภูมิใจของเรา และทีมงานตลาดต่างประเทศทุกคน เพราะถือว่าเป็นแบรนด์ใหม่ที่คนไทยสร้างขึ้นมาเพื่อตลาดเวียดนาม ที่สามารถฝ่าฟัน เอาชนะการแข่งขันที่รุนแรงของตลาดเครื่องดื่มพร้อมดื่มในตลาดได้ วอริเออร์ถือเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของทีมงานวิจัยตลาดที่เข้าถึงพฤติกรรมการบริโภคของคนเวียดนามอย่างลึกซึ้ง โดยเมื่อ 5 ปีที่แล้ว เราพบว่ายังมีผู้บริโภคชาวเวียดนามที่ต้องการดื่มเครื่องดื่มชูกำลังที่ยังคงให้ความรู้สึกเหมือนดื่มน้ำอัดลม เราจึงได้วิจัยและพัฒนาจนออกมาเป็นเครื่องดื่มชูกำลังอัดลมแบรนด์วอริเออร์ และได้นำออกมาวางจำหน่ายในปี 2558  ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดี มียอดขายเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยคาดว่ายอดขาย ณ สิ้นปี 2561 จะเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วถึงเท่าตัว”

2.มุ่งมั่นบริหารจัดการด้านการตลาดและการขายอย่างเต็มประสิทธิภาพ “TCPVN ยังมีบทบาทในการบริหารจัดการด้านการตลาดและการขาย ด้วยทีมงานการตลาดมืออาชีพซึ่งเป็นคนเวียดนามที่มีประสบการณ์การทำงานกับบริษัทระดับนานาชาติ โดยจะทำงานผสานกับทีมบริหารของ TCP Group ที่เคยผ่านการทำงานระดับโลก เพื่อนำเอาทักษะที่ได้เรียนรู้มาปรับใช้ในการสร้างความเจริญให้กับบริษัทของคนไทยและแบรนด์ไทย ทักษะเหล่านี้เมื่อผสานเข้ากับผลงานยอดเยี่ยมของทีมงาน TCPVN ก็จะยิ่งช่วยเสริมสร้างให้ระบบการทำงานด้านการตลาดมีความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น เราหวังว่า TCPVN จะมีส่วนช่วยพัฒนาและผลักดันให้มูลค่าตลาดรวมของเครื่องดื่มพร้อมดื่มในเวียดนามสูงขึ้นเป็นอันดับที่สอง หรือใกล้เคียงกับตลาดน้ำอัดลม

3.เพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารจัดการช่องทางการจัดจำหน่าย นอกจากนั้น TCPVN ยังมีบทบาทในการบริหารจัดการระบบการจัดจำหน่าย เพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายให้กว้างขวางมากยิ่งขึ้น และครอบคลุมทั่วประเทศมากขึ้น รวมถึงการแสวงหาช่องทางสมัยใหม่ เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างสะดวก และรวดเร็วยิ่งขึ้น ทั้งนี้แผนการลงทุนของเราใน 3 ปีข้างหน้า จะช่วยพัฒนาขีดความสามารถของทีมงาน TCPVN ให้ทัดเทียมบริษัทในระดับนานาชาติด้วยโนว์-ฮาว และเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อตอบสนองต่อรูปแบบการดำเนินธุรกิจ และการตลาดยุคใหม่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และบริการให้ดียิ่งขึ้นกับลูกค้าของเรา

“สำหรับยอดขายสินค้าของกลุ่มธุรกิจ TCP ในตลาดเวียดนาม คาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมียอดขายรวมประมาณ 10,000 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดรวมทุกแบรนด์ในตลาดเครื่องดื่มชูกำลังราว 42%”นายสราวุฒิ กล่าว


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"