นับถอยหลังศึกเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ.ปีหน้า ถือว่าคึกคักไปด้วยบรรยากาศตลาดการเมือง ที่น่าจับตาโดยเฉพาะขบวนคนรุ่นใหม่ ที่แห่ชิมลางสนามการเมืองกันเป็นครั้งแรก รวมทั้ง ดร.ณัฐพงษ์ รอบคอบ ผู้ลงชิงเลือกตั้ง ส.ส.พรรคพลังท้องถิ่นไท ในพื้นที่ จ.สมุทรปราการ สนามการเมืองที่ร้อนระอุไม่แพ้พื้นที่กรุงเทพฯ

เมื่อนักการตลาดมาเล่นการเมือง

      ชื่อของ ดร.ณัฐพงษ์ หรือ นัท ณัฐพงษ์ ในฐานะเบื้องหลังเขาคือนักสร้างแบรนด์ระดับตัวท็อปในวงการเศรษฐกิจ และการเมือง นับว่าไม่ธรรมดากับบทบาทคนรุ่นใหม่ ไฟแรง ในฐานะประธานบริหารบริษัท โอทู มาร์เก็ตติ้ง จำกัด มือหนึ่งนักสร้างแบรนด์ระดับพันล้าน ดำเนินธุรกิจดูแลด้านการตลาดออนไลน์ และเบื้องหลังการสร้างภาพลักษณ์ให้พรรคการเมืองหลายพรรค รวมทั้ง พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ  ในระหว่างลงสมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จนทำให้เรตติ้งทางการเมืองของพุ่งกระฉูดมาแล้ว

        “งานการเมืองเป็นงานอาสา เมื่อก่อนผมเคยอยู่หน้าคีย์บอร์ดเหมือนคนอื่นๆ พยามส่งต่อทุกอย่างทางโซเชียลมีเดีย แล้วมันไม่เกิดขึ้น สุดท้ายถ้าเราอยากแก้ไขการเมือง เราก็ต้องมาทำการเมือง คือสิ่งที่คิด“ ดร.ณัฐพงษ์บอกถึงแนวคิดส่วนหนึ่งในการลงสนามเลือกตั้งในครั้งแรกของเขา ซึ่งมาลงหลักทางการเมืองกับ "ชัชวาลล์ คงอุดม" หรือชัช เตาปูน  หัวหน้าพรรคพลังท้องถิ่นไท

        การมาครั้งนี้จึงเป็นการผสมผสานอย่างน่าจับตามอง ระหว่างคนรุ่นใหม่สองเจเนอเรชั่น ระหว่างนักสร้างภาพลักษณ์ทางการเมือง กับนักการเมืองรุ่นเก่าที่แสวงหาภาพลักษณ์ทางการเมืองในมุมมองใหม่ นอกเหนือจากผู้มีอิทธิพลตำนานบ่อนพนันชื่อดัง

        “ผมมองเห็นว่ามิติใหม่ของการทำงานเมือง ในส่วนของพรรคพลังท้องถิ่นไท แน่นอนเรามีฐานคะแนนเสียงยืนพื้นอยู่แล้ว เป็นฐานคะแนนเสียงทั้งในส่วนขององค์กรปกครองท้องถิ่น แต่อีกส่วนสำคัญนั้นคือการนำเสนอนโยบายออกไปทางโซเชียลมีเดีย ซึ่งวันนี้เราเริ่มทำแล้ว”

        ดร.ณัฐพงษ์ขยายความการเริ่มทำงานการเมืองผ่านโซเชียลมีเดียของเขาด้วยการยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพที่เป็นรูปธรรม ว่า ผมลงสมัคร ส.ส.สมุทรปราการเขต 6 ถ้าติดต่อผมไม่ได้เกิน 3 ชม.ผมลาออก

        “ไม่ว่าจะติดต่อตอนไหน เวลาไหนที่ประชาชนต้องการ จะกลางคืน ดึกดื่น ตี 3 ก็ได้ เพราะอะไร เพราะผมใช้ระบบไอที และผมต้องการสื่อสาร ว่าสิ่งที่ผมบอกขีดเส้นไว้ชัดเจน ว่า 3 ชม.ติดต่อผมไม่ได้ ผมลาออก ระบบไอทีที่ผมเสนอมันเป็นรูปธรรม มากกว่าการที่ผมจะบอกว่า ผมจะใช้ไอทีพัฒนาประเทศ อันนี้คือไม่รู้ว่าคืออะไร” เขาขยายความเพื่อความเข้าใจในการนำเทคโนโลยีมาเป็นส่วนหนึ่งของงานการเมืองว่า ถ้าเราต้องเดินไปไหว้คนเป็นพันคน หมื่นคน ช่วงเวลามันมีจำกัด ถ้าใครมีปัญหา เสียงเล็กๆ น้อยๆ ผมไม่เคยดูถูก ถ้าติดต่อผมไม่ได้ภายใน 3 ชั่วโมง ระบบ system  ของผมที่รับเรื่องทุกช่องทางนี้คือการใช้เทคโนโลยี คือการใช้ระบบไอที ที่เริ่มจากตัวเรา เพื่อที่อธิบายโดยตัวมันเองไปสู่สิ่งที่เราทำนั้นคือนโยบาย ซึ่งเริ่มต้นจากตัวเราเป็นอันดับแรก

        “วันนี้เรากำลังถูกเทคโนโลยี AI ยึดครองไปหมดแล้ว  บริษัทรถยนต์เขาไม่มาบอกหรอกว่าหุ่นยนต์ที่จะเข้ามาประกอบชิ้นส่วนรถยนต์จะเข้ามา แล้วคนในสมุทรปราการจะตกงานทันที 2-3 หมื่นคน วันนี้ไม่มีใครเตรียมการเรื่องนี้   รัฐบาลก็ไม่ได้ทำอะไรรองรับ วันนี้เราต้องเตรียมการแล้ว เรากำลังจะนำเสนอว่าสมุทรปราการเราต้องดึงความเป็นสุวรรณภูมิออกมา บีทีเอสเส้นฝั่งตะวันออกมาใช้ เราต้องปรับโครงสร้างสมุทรปราการทั้งระบบ เพื่อที่จะรับมือกับเรื่องสำคัญซึ่งมันไม่ใช่เฉพาะแค่จังหวัดสมุทรปราการ แต่มันรวมไปถึงประเทศ ถึงนโยบายเพื่อที่จะดำเนินการอย่างเท่าทันในเรื่องแบบนี้“

        ดร.ณัฐพงษ์ยังระบุถึงนโยบายที่เกี่ยวเนื่องกันจากการใช้เทคโนโลยี เพื่อสร้างประโยชน์ ที่พรรคพลังท้องถิ่นไท ชูเป็นนโยบายจุดเด่น นั้นคือ e-Learning ซึ่งเป็นนโยบายด้านการศึกษา ที่สามารถเรียนถึงระดับดอกเตอร์ได้ผ่าน e-Learning ซึ่งพรรคเน้นเรื่องการพัฒนาด้านการศึกษา  เพื่อที่จะไปสู่การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

        “ถ้าใช้ครูที่เก่งที่สุดสอนทางอินเทอร์เน็ต เด็กที่อยู่เชียงใหม่ไม่ต้องจ่ายค่าเทอม 6 หมื่น ก็สามารถเรียนกับอาจารย์คนเดียวกันได้ ระบบนี้เกิดมานานแล้ว ซึ่งเป็นแนวคิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ที่เรานำมาใช้ต่อยอดเพื่อใช้ระบบนี้ในการลดความเหลื่อมล้ำในด้านการศึกษาในบ้านเรา โดยเสนอเรียนฟรีถึงปริญญาเอกผ่านระบบนี้ โดยเน้นให้เด็กเรียนที่บ้าน ทำการบ้านที่โรงเรียนเพื่อสร้างสังคมประเทศ”

ธนาคารไอเดีย เปิดโอกาสแปลงความคิดเป็นสินทรัพย์

        แน่นอนว่าเขาเป็นนักการตลาดมือหนึ่ง เชี่ยวชาญด้าน การสร้างแบรนด์ เมื่อผันตัวมาเป็นนักการเมืองครั้งแรกในชีวิต ดร.ณัฐพงษ์จึงบอกว่า นโยบายที่เขาคิดนำเสนอจึงมาจากประสบการณ์โดยตรงของเขา

        “ธนาคารไอเดีย” เป็นนโยบายที่เกิดจากประสบการณ์ชีวิต เป็นประสบการณ์ของเขาเองโดยที่มาที่ไปของเรื่องดังกล่าว เริ่มจากที่เขาเปิดบริษัทด้วยจำนวนเงินทุนที่ไม่ได้มีมากไปประมูลงานราชการมาหนึ่งงาน แล้วชนะ มูลค่างานนั้นกว่า 40 ล้าน ต้องหาเงินกว่า 2 ล้านไปทำสัญญา

        “ผมตั้งคำถามว่า ผมต้องเป็นลูกใครถึงจะมีเงินขนาดนั้นเพื่อให้ได้งาน ถ้าเกิดสมมติว่า เราไม่ต้องรอ ให้ร่ำรวย รัฐบาลสร้างโอกาสให้กับทุกคนที่มีไอเดีย ทำงาน สามารถเข้ามาทำงานได้ เมื่อเป็นเช่นนี้งานภาครัฐจะไม่ถูกผูกขาดกับกลุ่มทุนใหญ่เลย ทุกคนสามารถเข้ามารับงานราชการไปทำได้”

        เขายกตัวอย่างว่า สมมติน้องๆ เรียนจบมา มีไอเดีย สามารถทำให้การบินไทยหายขาดทุนได้ภายใน 1 เดือน  เสนอโครงการว่าเป็นการประชาสัมพันธ์กลุ่มนักท่องเที่ยวกลุ่มโซนยุโรปทั้งหมด

        “ผมไม่มีเงิน แต่ผมมีไอเดีย ผมไปเสนอไอเดีย ธนาคารไอเดียออกแบงก์การันตีบังคับให้ คู่สัญญาคือธนาคารไอเดีย  เปิดโอกาสให้ทุกคนที่มีไอเดีย ธนาคารกระจายโอกาส เรียนจบ มีไฟ มีไอเดียดี รวมกลุ่มเพื่อนกันมา มีความคิดสร้างสรรค์ สามารถไปประมูลงานราชการหรือเอกชนได้ โดยที่คุณไม่ต้องมีเงินทุน”

        “ผมว่านี้คือการเปิดโอกาสให้กับคนทุกคนที่มีไอเดีย แต่ไม่มีเงิน ซึ่งการสนับสนุนจากตรงนี้มันจะสร้างมูลค่ามากมายในโลกสมัยใหม่ ที่สร้างด้วยความคิดสร้างสรรค์” 

        ดร.ณัฐพงษ์ทิ้งท้ายด้วยการระบุถึงหัวใจสำคัญในการสร้างความรับรู้ในนโยบายของพรรคต่อสังคมภายใต้ระยะเวลาที่จำกัด ซึ่งถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการนำไปใช้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้

        “ผมยอมรับว่าพรรคเราไม่ใช่พรรคใหญ่ ไม่ใช่พรรคเก่าแก่ เรามีจุดยืนในระบบการเสนอข่าว นโยบาย การทำงานสีขาว ไม่ด่าใคร เรามุ่งสื่อสารโดยตรงกับประชาชน โดยใช้ช่องทางผ่านโซเชียลเป็นช่องทางหลัก ที่จะนำเสนอนโยบาย  และทุกคะแนนเสียงสำคัญสำหรับเรา โดยเฉพาะน้องๆ คนรุ่นใหม่ ผมเชื่อว่านโยบายของเราตอบโจทย์เขา”.

 

ดร.ณัฐพงษ์ รอบคอบ

- นวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย สมุทรปราการ

- นิเทศศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต

- สื่อสังคมออนไลน์ วิทยาลัยนวัตตกรรมดิจิทัลและเทคโนโลยีสารวนเทศ มหาวิทยาลัยรังสิต

การทำงาน

- ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอทู มาร์เก็ตติ้ง จำกัด

- นายกสมาคมฟื้นฟู ยุวสมาคม ธนบุรี

- วิทยากรบรรยายด้านการตลาดดิจิทัลในสาธารณรัฐประชาชนจีน

- อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยรังสิต