แม้ยังไม่ได้ข้อสรุปสำหรับวันเลือกตั้ง แต่ดูเหมือนการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.แต่ละพรรคการเมือง คึกคักไม่เว้นแต่ละวัน โดยเฉพาะนักการเมืองหน้าใหม่ คนรุ่นใหม่ไฟแรง อย่างพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่ยังมีกลุ่มนักธุรกิจหน้าใหม่ที่สนใจเข้าร่วมลงสนามการเมืองมีโปรไฟล์ไม่ธรรมดา เช่นเดียวกันกับ “เชาว์” ชวนันท์ สุระเดชะ หนุ่มนักเรียนนอก ดีกรีปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ จากมหาลัยชื่อดัง ที่มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงานไฟฟ้ามาร่วมทัพการเมือง

 

ความสนใจในการลงสนามการเมือง

                มองว่าถึงเวลาแล้วที่คนรุ่นใหม่จะได้มีโอกาสส่งเสียง หรือให้ไอเดียใหม่ๆ เข้ามามีส่วนใช้ความรู้ เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการพัฒนาสังคม เป็นแรงสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น หลายๆ อย่างจำต้องมีการปฏิรูป เพื่อสนองตอบโครงสร้างสังคมที่มีการเปลียนแปลง ให้สังคมเราได้ก้าวทันโลกในยุคโลกาภิวัตน์ เหมือนเป็นโอกาสที่ดีด้วยวัยวุฒิ คุณวุฒิ ที่สามารถสร้างประเทศชาติได้ เพราะตัวผมเองจบการจัดการด้านพลังงานมา มองว่ามีโอกาสหลายๆ ด้านที่บ้านเราสามารถเป็นผู้นำด้านพลังงานได้

                ในขณะเดียวกันก็มองเห็นพรรคพลังประชารัฐที่ตอบโจทย์ ซึ่งพรรคนี้เป็นเวทีที่เราสามารถแสดงความคิดเห็นได้ ทุกคนมีอิสระในการออกความเห็น เราจะเสนอทางเลือกในการแก้ปัญหาด้วยการระดมสมอง ผมเชื่อในพลังความสามารถของทุกคนที่มารวมกัน ย่อมได้รับมุมมองที่รอบด้าน ทุกคนมาจากสายงานหลากหลายอาชีพ ฉะนั้น องค์ความรู้ที่ทุกคนนำความเชี่ยวชาญและประสบการณ์งานมาถกปัญหาและมาช่วยกันคิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศเรา ย่อมจะเป็นแรงขับเคลื่อนที่มีอิมแพ็กสูงในการพัฒนาประเทศไทยด้วยกันอย่างมีประสิทธิผล

มองภาพการเมืองไทยที่ผ่านมาอย่างไร

                มองว่าประเทศไทยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา มีบทพิสูจน์ออกมาหลายอย่างว่าประเทศนี้สามารถรวมเป็นหนึ่งเดียวได้ แต่อาจจะรวมเป็นหนึ่งเดียวในจังหวะที่เหมาะสม เช่น ตั้งแต่ทีมหมูป่าติดถ้ำ ทุกหน่วยงานก็สามารถช่วยกันทำงานได้อย่างดีเยี่ยม สามารถทำในเวลาที่กำหนดได้ และช่วยทีมหมูป่าออกมาได้

                ผมมองว่าจริงๆ ภาวะผู้นำเป็นสิ่งที่เราต้องรีบสร้างในสังคมไทย การจะเป็นผู้นำได้ ต้องประกอบไปด้วยความรู้ ประสบการณ์ ความรับผิดชอบ และที่สำคัฐที่สุดคือ สามารถบริหารทีมงาน มีการวิเคราะห์เรื่องราวจากฐานข้อมูลที่สมบูรณ์ เพื่อก่อให้เกิดการตัดสินใจที่ถูกต้อง และได้ประโยชน์สูงสุด

                “หากเราได้เริ่มต้นที่จะสร้างผู้นำใหม่ๆ จะต้องเริ่มต้นการสร้าง leadership program ลงไปในระบบการศึกษาของเรา ตั้งแต่ระดับเด็กประถม ให้มีการกระตุ้นสร้างบรรยากาศ ฝึกความกล้าแสดงออก การทำงานกลุ่ม การหัดพูดในที่สาธารณชน ล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสร้างภาวะผู้นำ”

ถ้าได้เข้าสู่สภาฯ จะใช้ความรู้ความเชี่ยวชาญด้านพลังงานในการพัฒนาประเทศอย่างไร

                ด้วยพื้นฐานของผมที่มาทางด้านสายพลังงาน สิ่งที่ประเทศนี้ควรจะแก้ไข คือเรื่องการรีไซเคิลการแยกขยะ เพราะตอนนี้ขยะในบ้านเรา เรารวมทุกอย่างในถุงเดียวกันหมด ซึ่งต้องใช้ทรัพยากรและต้นทุนที่สูงมากในการแยกขยะออกมาจัดการต่างวิธีกัน ตั้งแต่เศษอาหาร ขยะเปียก ขยะแห้ง และภาชนะพลาสติกที่สามารถรีไซเคิล ตอนนี้โลกของเรามีปัญหาเรื่องพลาสติกค่อนข้างเยอะ พลาสติกในทะเลที่ปลา หรือสัตว์ต่างๆ ในทะเลกินเข้าไป ไม่เพียงแต่ทำให้ทะเลมีสารเคมี ทำให้สัตว์น้ำเสียชีวิต หรือเราเองก็กินปลาที่มีสารเคมีปนเปื้อน ปัญหามลพิษได้ทำลายห่วงโซ่อาหาร และก่อให้เกิดปัญหาตามมาอีกมากมาย

                จากปัญหาตรงนี้ ถ้าเรามีระบบแยกขยะตั้งแต่ระดับทุกครัวเรือน โดยมีการแยกภาชนะ พลาสติก ขวดแก้ว แยกออกมาจากขยะอื่นๆ อย่างในต่างประเทศรัฐบาลจะแต่งตั้งให้เอกชนไปดูแลโดยการรับซื้อขวดพลาสติก ขวดแก้วทั้งหมด ประชาชนเองก็กระตือรือร้นที่จะเอาขวดเหล่านี้ไปคืน เพราะได้เงินคืนจากที่จ่ายราคาขวดอยู่ในราคาสินค้า ส่วนขยะที่เกิดจากเศษอาหาร ประชาชนจะแยกต่างหากออก จะไม่มีพลาสติกปน และมีที่ที่รัฐจัดให้ไปทิ้ง จากนั้นเทศกิจก็จะไปจัดการหมักเป็นปุ๋ยธรรมชาติ หรือสามารถใช้เป็นพลังงานทดแทน

                เรื่องสิ่งแวดล้อมในต่างประเทศ หน่วยงานของภาครัฐเป็นผู้ดูแล โดยจะมีข้อตกลงกับ บริษัทใหญ่ๆ ที่จะสามารถเอาขยะพวกนี้ไปรีไซเคิลอย่างถูกต้อง ซึ่งบริษัทพวกนี้จะต้องมีใบรับรองด้านคุณภาพว่า มีศักยภาพในการกำจัดขยะประเภทไหน ทำให้ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องสิ่งแวดล้อม

                “ผมได้เสนอกับผู้ใหญ่ในพรรคคือ การรีไซเคิลขยะเป็นพลังงานไฟฟ้า แต่ละวันบ้านเรามีขยะที่ถูกนำมาทิ้งเป็นจำนวนมาก ถ้านำขยะมาแปลงเป็นไฟฟ้าจะสามารถประหยัดทรัพยากรประเทศได้ค่อนข้างเยอะ การลงทุนตอนแรกค่อนข้างเยอะ แต่มีภาคเอกชนต้องการเข้ามาลงทุนหลายบริษัท ถ้าทำดีๆ สามารถขายไฟฟ้าได้ บ้านเรามีโรงงานไฟฟ้าขนาดใหญ่หลายโรง เมื่อมีการทำต้องมีการวางแผนดีๆ จะวางไว้ตรงไหนของประเทศบ้าง เพราะแต่ละพื้นที่ใช้กำลังไฟฟ้าไม่เท่ากัน เมื่อมีการวางแผนจะได้รู้ว่าแต่ละเขตแต่ละพื้นที่ใช้ไฟเท่าไหร่ เหลือเท่าไหร่  ถ้าอยากขายไฟฟ้าให้ประเทศรอบบ้านเราก็สามารถทำได้”

                อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้คงไม่สามารถได้รับการแก้ไขได้โดยตัวผมคนเดียว จากโอกาสตรงนี้ สิ่งที่เราทำได้ อาจเป็นจุดเริ่มต้น เช่น การออกนโยบาย แต่การลงมือทำให้สำเร็จ ต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และจากการทำความเข้าใจกับประชาชน ถึงความสำคัญของสิ่งแวดล้อมว่า เป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่แค่ทิ้งภาระให้คนจัดการขยะ ทุกหน่วยงานของภาครัฐที่ต้องมาช่วยลงแรงด้วยกันจึงทำให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีได้ จริงๆ แล้วก็เหมือนชื่อพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งมาจากทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชนที่รวมตัวเข้าด้วยกัน และช่วยกันเสนอความคิดเห็น แล้วหาวิธีที่เป็นทางออกที่ดีที่สุด แล้วก็เดินหน้าไปด้วยกัน

เป็นกลุ่มนักธุรกิจคนรุ่นใหม่มีการปรับตัวมาทำงานด้านการเมืองอย่างไร

                การทำงานต้องเป็นทีม คนคนหนึ่งไม่สามารถทำงานได้ 100 เปอร์เซ็นต์ เมื่อได้เข้าไปทำงานด้านการเมืองจริง ผมและทีมงานต้องมาช่วยกันในการเลือกตัวผู้ที่เข้ามาช่วยงานที่เหมาะสม ฟอร์มทีมขึ้นมาแล้วเดินไปด้วยกัน เพราะผู้ใหญ่ในพรรคเปิดกว้างด้านความคิด ใครมีไอเดียที่สามารถพัฒนาประเทศด้วยกันได้ก็เสนอเข้ามา และทีมงานคนรุ่นใหม่ของพลังได้ระดมความคิดของแต่ละคนที่มีความเชี่ยวชาญแต่ละด้านเสนอให้ผู้ใหญ่พิจารณาพร้อมกัน เมื่อทางผู้ใหญ่ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมกลับมา พวกเราก็นำมาปรับจูนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น

                ด้วยความที่กลุ่มคนรุ่นใหม่ในพรรคเป็นกลุ่มค่อนข้างใหญ่ ทุกคนสามารถเสนอความคิดเห็นได้ ข้อมูลแต่ละด้านจึงได้ค่อนข้างเยอะ ก่อนหลอมรวมสิ่งดีที่สุดเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป.

 

                นายชวนันท์ สุรเดชะ ชื่อเล่น เชาว์ Mr.Chaowanun Suradecha อายุ 34 ปี

การศึกษา : British Columbia Institute of Technology ประเทศแคนาดา

ประสบการณ์การทำงาน : นักการตลาดและนักพัฒนาธุรกิจ มีความชำนาญด้านการบริการลูกค้า และประสบการณ์งานในหลายอุตสาหกรรม เช่น โครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้า โรงเคมี โรงกลั่น โรงปูน โครงการรถไฟฟ้า อุตสาหกรรมเครื่องนุ่งห่ม การส่งออก โลจิสติกส์ และขั้นตอนการผลิต การควบคุมคุณภาพในอุตสาหกรรมก่อสร้างระดับอินเตอร์เนชั่นแนล