ผู้สูงวัยสมัยใหม่


เพิ่มเพื่อน    

    ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุมาตั้งแต่ปี 2548 และคาดการณ์ว่าในปี 2574 ประเทศไทยจะมีประชากรอายุ 60 ปีขึ้นไปเพิ่มสูงขึ้นถึง 19 ล้านคน หรือร้อยละ 28 ของประชากรทั้งหมด ส่งผลให้ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์ (Aged Society) โดยเฉพาะอัตราส่วนประชากรวัยทำงานต่อประชากรวัยสูงอายุ 1 คนลดลงเรื่อยๆ โดยอีกไม่เกิน 15 ปี ประชากรไทยจะเริ่มเข้าสู่รูปแบบที่วัยแรงงานต้องรับภาระการเลี้ยงดูกลุ่มประชากรผู้สูงอายุและเด็กมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ครอบครัวจะต้องประสบกับปัญหาความเครียดจากภาระค่าครองชีพและภาวะหน้าที่ที่ต้องดูแลคนในครอบครัวที่เพิ่มขึ้น
    สำหรับผู้สูงวัยที่มีเงินเก็บหรือมีรายได้หลังเกษียณ ก็พอจะมีกิจกรรมในการท่องเที่ยวหรือพบปะเพื่อนฝูง บางคนก็ทำงานเพื่อสังคมหรือเลี้ยงหลานเป็นงานอดิเรก แต่หลายครอบครัวที่ผู้สูงวัยไม่มีรายได้และต้องเป็นภาระของผู้เป็นลูกที่อยู่ในวัยทำงาน การที่จะดูแลพ่อแม่ไปด้วยทำงานไปด้วยจึงเป็นเรื่องที่ลำบากทั้งด้านค่าครองชีพ ค่าใช้จ่าย รายรับกับรายจ่ายไม่ลงตัว ความกตัญญูทำให้ต้องหาวิธีที่จะทำให้ชีวิตลงตัวและเอาตัวรอดให้ได้ในสังคมปัจจุบัน คนรุ่นใหม่หัวใสมีการคิดวิธีการดูแลบุพการีในวัย 60 ต้นๆ ด้วยการซื้อสมาชิกฟิตเนสให้ โดยที่ตอนเช้าก็เอาพ่อแม่ไปส่ง มีคนดูแล มีเครื่องดื่มบริการ มีแอร์ฟรี แถมมีเพื่อนคุย พอห้างเปิดก็มีที่เดินเที่ยวจับจ่ายกับข้าวและนัดเพื่อนฝูงมาพบปะสังสรรค์ ตกเย็นลูกเลิกงานก็มารับกลับบ้าน เป็นความคิดที่ไม่เลว เพราะพ่อแม่ได้ออกกำลังทุกวันโดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล เหนื่อยก็นั่งพ้ก เบื่อก็เดินเล่นซื้อของ หิวก็มีอาหารนานาชนิดให้เลือกกิน ฟิตเนสหลายแห่งโดยเฉพาะที่อยู่ในห้างสรรพสินค้าจึงมีสมาชิกสูงวัยจับกลุ่มเต็มไปหมด กลายเป็นสังคมผู้สูงอายุอีกรูปแบบหนึ่งที่เสียค่าใช้จ่ายรายเดือนแค่หลักพัน คนเป็นลูกก็สบายใจ คนเป็นพ่อแม่ก็ไม่เหงา มีกิจกรรมทำได้ทั้งวันไม่เบื่อเหมือนการทิ้งพ่อแม่ให้อยู่กับบ้านตามลำพัง
    ในขณะที่การส่งผู้สูงวัยไปดูแลที่เนิร์สซิ่งโฮมต้องเสียค่าบริการรายเดือนถึงเดือนละ 9,500-25,000 บาท และต้องไปอยู่รวมกับผู้สูงวัยที่เจ็บป่วยในสถานที่ที่คับแคบ อยู่ในสภาพแวดล้อมเดิมๆ ทำให้เกิดความเบื่อหน่ายและหดหู่ตามมา หรือถ้าจ้างคนมาดูแลที่บ้านก็ไม่แน่ใจว่าจะไว้ใจได้ขนาดไหน และพ่อแม่ต้องอยู่ในบ้านทั้งวันทำให้เกิดความเบื่อหน่ายได้เหมือนกัน ถ้าครอบครัวไหนมีหลานให้เลี้ยง คุณปู่คุณย่าก็จะมีกิจกรรมในการเลี้ยงหลานที่ช่วยสร้างความชุ่มชื่นทางจิตใจให้กับผู้สูงวัยได้อย่างดี ทางเลือกของคนรุ่นใหม่จึงมีไม่มาก ถ้าจะต้องแบกทั้งความรับผิดชอบทั้งความกตัญญูก็ต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจและเสียสละอย่างมาก ผู้ที่อยู่ในวัยทำงานจึงต้องวางแผนการเงินหลังเกษียณให้ดีจะได้ไม่เป็นภาระให้ลูกหลาน ทั้งค่าใช้จ่ายดูแล ค่าครองชีพ ตลอดจนค่ารักษาพยาบาลที่จะตามมาพร้อมกับวัยที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง.


                จิตติมา กุลประเสริฐรัตน์
                ([email protected])

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"