หนังสือเล่มใหม่ของนักข่าวชาวดัตช์ที่ทำการค้นคว้านาน 5 ปีเปิดเผยว่า "มุลลาห์ โอมาร์" อดีตผู้นำตาเดียวของตอลิบันที่สหรัฐเคยตั้งค่าหัว 10 ล้านดอลลาร์ เคยหลบซ่อนอยู่ในบ้านห่างจากฐานทัพสหรัฐในอัฟกานิสถานเพียง 3 ไมล์

แฟ้มภาพ มุลลาห์ โอมาร์ / TribuneIndia.com 

    เอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2562 ว่าข้อมูลจากหนังสือ "ค้นหาศัตรู" โดยเบตตี ดาม นักข่าวชาวดัตช์ หากเป็นความจริงนับเป็นการสะท้อนความล้มเหลวที่น่าอับอายของข่าวกรองสหรัฐ ซึ่งเชื่อมาโดยตลอดว่า โอมาร์ อดีตผู้นำตอลิบันที่ปกครองอัฟกานิสถานด้วยระบอบอิสลามเคร่งจารีตช่วงปี 2539-2544 นั้นได้หนีไปหลบซ่อนตัวที่ปากีสถานและเสียชีวิตที่นั่นเมื่อปี 2556

    อัตชีวประวัติของโอมาร์เล่มนี้กล่าวว่า ผู้นำตาเดียวของตอลิบันรายนี้ใช้ชีวิตสันโดษที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ห่างจากฐานยุทธการส่วนหน้าของสหรัฐในจังหวัดซาบูลของอัฟกานิสถานเพียง 3 ไมล์ หรือราว 4.8 กิโลเมตร

    ดามใช้เวลาในการค้นคว้าข้อมูลนานกว่า 5 ปี เพื่อเขียนหนังสือเล่มนี้ และได้สัมภาษณ์จับบาร์ โอมารี องครักษ์ของโอมาร์ที่พาเขาหลบซ่อนตัวภายหลังระบอบตอลิบันโดนกองทัพสหรัฐและพันธมิตรโค่นล้มเมื่อปี 2544 ตอบโต้ที่ตอลิบันให้ที่พักพิงแก่อุซามะห์ บินลาดิน และเครือข่ายอัลกออิดะห์

    หนังสือซึ่งเขียนเป็นภาษาดัตช์กล่าวว่า โอมาร์ซึ่งสหรัฐตั้งรางวัลนำจับ 10 ล้านดอลลาร์ หนีไปซ่อนตัวที่บ้านหลังเล็กๆ ในเมืองกาลัต โดยครอบครัวเจ้าบ้านไม่รู้ว่าแขกลึกลับคนนี้คือใคร และทหารอเมริกันเคยเข้าตรวจค้นบ้านหลังนี้ 2 ครั้ง แต่ไม่พบเขา ครั้งแรกนั้นหน่วยลาดตระเวนของสหรัฐมาตรวจค้นในตอนที่โอมาร์และโอมารีอยู่ในลานนอกบ้าน ทั้งคู่รีบซ่อนตัวในกองไม้ ทหารเดินผ่านโดยไม่เข้าตรวจค้น และครั้งที่ 2 ทหารเข้าค้นบ้าน แต่กลับไม่เจอประตูซ่อนที่เป็นทางเข้าห้องลับ

    โอมาร์ตัดสินใจย้ายออกจากบ้านหลังนี้เมื่อสหรัฐเริ่มสร้างฐานทัพยุทธการส่วนหน้าลักมานเมื่อปี 2547 ห่างจากที่ซ่อนของเขาเพียงไม่กี่ร้อยเมตร เมื่ออยู่บ้านหลังที่ 2 สหรัฐก็มาสร้างฐานทัพวูล์ฟเวอรีนอยู่ใกล้อีกๆ คราวนี้เขาไม่กล้าย้ายหนี

    ดามกล่าวว่า โอมาร์เริ่มล้มป่วยเมื่อปี 2556 และไม่ยอมไปหาหมอ รวมถึงไม่ยอมไปรักษาที่ปากีสถาน สุดท้ายเขาเสียชีวิตที่เมืองซาบูลแห่งนี้ กลุ่มตอลิบันซึ่งตั้งผู้นำคนใหม่แทนที่โอมาร์หลังจากปี 2544 ปกปิดข่าวการตายของเขานาน 2 ปี.