ผลการเลือกตั้งทั่วไปของอิสราเอลเมื่อวันอังคารที่นับคะแนนใกล้เสร็จชี้ว่า เบนจามิน เนทันยาฮู จะได้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5 โดยจับมือกับพรรคพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาลผสม สานนโยบายนิยมขวาตามเดิม

เบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล จับมือกับผู้สนับสนุนภายหลังปราศรัย ณ ที่ทำการพรรคลิคุด ที่กรุงเทลอาวีฟ เมื่อเช้ามืดวันที่ 10 เมษายน 2562 / AFP

    แนวโน้มของผลการเลือกตั้งกำลังจะทำให้เนทันยาฮูวัย 69 ปี สร้างประวัติศาสตร์เป็นนายกรัฐมนตรีอิสราเอลที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุด นานกว่าเดวิด เบน-กูเรียน ผู้ก่อตั้งประเทศอิสราเอล หลังจากเขาเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5 ในปีนี้

    สื่อของอิสราเอลรายงานเมื่อวันพุธว่า ผลคะแนนที่นับแล้ว 97% พรรคลิคุดของเนทันยาฮูได้ ส.ส.เท่ากับกลุ่มพันธมิตรน้ำเงิน-ขาว ของเบนนี แกนต์ซ์ นายพลเกษียณ แต่เมื่อพรรคลิคุดรวมเสียงกับบรรดาพรรคพันธมิตรนิยมขวาของเขา จะทำให้ได้ที่นั่ง ส.ส. รวมกัน 65 ที่นั่ง ในสภา 120 ที่นั่ง และน่าจะทำให้ประธานาธิบดีริวเวน ริฟลิน ไม่เหลือทางเลือกมากนัก นอกจากขอให้เนทันยาฮูจัดตั้งรัฐบาลผสม

    คาดว่า ผลการเลือกตั้งจะประกาศอย่างเป็นทางการได้ช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี ภายหลังนับคะแนนของทหารและผู้มีสิทธิในหมวดหมู่พิเศษอื่นๆ ครบถ้วนแล้ว

    เดิมผลเอ็กซิตโพลเมื่อค่ำวันอังคารให้กลุ่มพันธมิตรสายกลางของแกนต์ซ์ อดีตเสนาธิการทหารวัย 59 ปี ได้ ส.ส.มากที่สุด และทำให้แกนต์ซ์ประกาศชัยชนะ เขายังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แม้การนับคะแนนใกล้เสร็จสิ้น โดยบอกว่าจะรอจนรู้ผลคะแนนทั้งหมด

    ขณะที่เนทันยาฮูก็อ้างชัยชนะเช่นกันช่วงเช้ามืดวันพุธ โดยเขาประกาศต่อผู้สนับสนุน ณ ที่การพรรคในกรุงเทลอาวีฟว่า เขาจะจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายขวา แต่เขาจะเป็นนายกรัฐมนตรีสำหรับทุกคน

    การสำรวจคาดเดาไว้แล้วว่าการต่อสู้ระหว่างเนทันยาฮูกับแกนต์ซ์ ซึ่งเป็นคู่แข่งที่สูสีที่สุดของเขาเท่าที่เคยมีมา จะได้ ส.ส.ใกล้เคียงกัน ถึงแม้ว่าเนทันยาฮูจะเผชิญกับคำกล่าวหาคอร์รัปชัน ที่อัยการเตรียมจะส่งฟ้องเขาภายหลังการเลือกตั้งก็ตาม

    ไม่กี่วันก่อนเลือกตั้ง เนทันยาฮูผู้อวดผลงานด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ยังหาเสียงเอาใจฐานเสียงนิยมขวาของเขาด้วยการประกาศจะผนวกที่ตั้งถิ่นฐานชาวยิวในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ของปาเลสไตน์มาเป็นดินแดนของอิสราเอลด้วย ทั้งที่นานาชาติไม่ได้ให้การรับรอง

    วันเลือกตั้ง พรรคลิคุดของเขายังโดนโจมตีว่าส่งอาสาสมัครซ่อนกล้องเข้าคูหาในพื้นที่ของชาวอาหรับ เพื่อหวังข่มขู่ แต่เนทันยาฮูอ้างว่าทำเพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์.