'จอม'นั่งเทียนอ้างหน่วยปฏิบัติการพิเศษกำจัดบุคคลวิจารณ์สถาบันถูกตั้งขึ้นมาแล้ว มั่วโยงกรณีลุงสนามหลวง


เพิ่มเพื่อน    

15 พ.ค.62- จอมเพชร ประดับ สื่อมวลชนอิสระ ผู้ดำเนินรายการ Thai Voice และเป็นหนึ่งในผู้ลี้ภัยในสหรัฐอเมริกา ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊ก  Jom Petchpradab ระบุว่า ความโหดเหี้ยมที่"พลเมืองไทย"ยังคงได้รับ
เห็นข่าวคุณเอกชัย หงส์กังวาน นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ถูกทำร้ายอีกแล้วเป็นครั้งที่ 9

เห็นข่าวคราวการจัดงานรำลึกให้กับประชาชน ที่ล้มตายไป เพราะถูกเผด็จการใจโหดในเมืองไทยเข่นฆ่า เหมือนจะรำลึกกันทุกเดือนทุกปี

เห็นข่าวแม่ เมีย และลูก ที่เมืองไทย ตามหาสมาชิกในครอบครัวตัวเองที่หนีภัยการเมืองไปอยู่ต่างประเทศ แต่สุดท้ายก็ไม่พ้นเอื้อมมือ โหดอำมหิตของเผด็จการชนชั้นนำในไทย ถูกอุ้มฆ่า หาศพไม่เจอ

ไม่ต้องพูดถึงข่าวคราวที่ประชาชนคนเดินดิน ถูกกระทำ ถูกข่มเหง รังแก ถูกอำนาจรัฐหรือข้าราชการ กระทำย่ำยี ไม่เห็นหัวประชาชน มีอยู่ทุกหัวระแหงบนแผ่นดินไทย 

ขณะที่ฝ่ายเผด็จการชนชั้นนำ กลับเคลื่อนไหวกันอย่างคึกคัก เพื่อรวมหัวกระชับอำนาจกันเองอย่างเหนียวแน่นมากขึ้นทุกวัน ผสมโรงเข้ากับนักการเมืองบางพรรคบางคนที่หลอกลวงประชาชนอย่าหน้าด้านๆ อีกทั้งนักวิชาการ ปัญญาชนบางคน ที่ไร้ศักดิ์ศรี ยอมขายตัวเป็นทาสรองตีนเผด็จการ

เห็นแบบนี้แล้ว ...เหนื่อย หนัก และอีกนาน ที่ “ประชาชนคนไทย” จะอยู่ในแผ่นดินเกิดของตัวเองได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีคุณภาพชีวิต มีความเสมอภาคเท่าเทียม และมีความสุขสมบูรณ์ตามที่คาดหวัง

ที่อารัมภบทมาเช่นนี้ เพื่อที่จะบอกกล่าวถึงเรื่องราวของการอุ้มหาย หรืออุ้มฆ่า “ผู้ลี้ภัยการเมืองไทย”ในต่างประเทศ..(อีกแล้ว)

“ชูชีพ ชีวะสุทธิ์ หรือ ลุงสนามหลวง” “สยาม ธีรวุฒิ หรือสหายข้าวเหนียวมะม่วง” และ“กฤษณะ ทัพไทย หรือสหายยังบลัด” ...เป็นอีก 3 ชีวิตผู้ลี้ภัยการเมืองไทย ที่ถูกสังหารโหด ด้วยฝีมือเผด็จการชนชั้นสูงในไทย 

ผมพยายามติดตาม หาข้อมูลผู้ลี้ภัยไทยทั้ง 3 คนดังกล่าว ตั้งแต่ทราบข่าวว่าถูกทางการเวียตนามจับกุมตัวในข้อหาพยายามลักลอบเข้าประเทศด้วยการใช้หนังสือเดินทางปลอม และถูกคุมขังอยู่ในคุกเวียตนามตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา 

ได้สอบถามไปยังบุคคลที่ใกล้ชิด 2-3 คน ซึ่งได้รับคำยืนยันตรงกันว่า ทั้ง 3 คน ถูกทางการเวียตนามจับกุมตัวด้วยข้อหาดังกล่าวจริง ตั้งแต่เดือนมกราคม 2562 ที่ผ่านมา โดยสันนิษฐานว่าทั้ง 3 คนเดินทางเข้าไปยังเวียตนามในรอบที่ 2 หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเคยเล็ดลอดเข้าไปเวียตนามผ่านตะเข็บขายแดนลาวเวียตนามประมาณปลายปี 2561

“ที่เชื่อเช่นนั้นเพราะว่า ลุงสนามหลวงแจ้งให้สมาชิกในเครือข่ายสหพันธรัฐไทยทราบว่า จะขอหยุดการทำคลิปชั่วคราว เพราะกำลังเดินทางเพื่อปฎิบัติภารกิจลับ” สมาชิกสหพันธรัฐไทยที่ใกล้ชิดคนหนึ่งเล่าให้ผมฟัง และว่า หลังจากนั้นประมาณเดือนมกราคม 2562 ก็ได้รับแจ้งจากลุงสนามหลวงผ่านทางไลน์ว่า “ตอนนี้อยู่ในเวียตนาม..ปลอดภัยดี” แต่หลังจากนั้นก็ทราบข่าวว่าลุงสนามหลวง กับอีก 2 คนถูกจับกุมอยู่ในคุกเวียตนาม

“แต่ต่อมาวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562 ติดต่อมาทางไลน์กับลุงสนามหลวงได้ ก็ยังบอกว่าปลอดภัยดี ซึ่งตอนนั้นน่าจะอยู่ในโรงแรม ที่ไหนสักที่ เพราะขณะที่คุยกันก็มีคนมาเคาะประตูและบอกว่า กำลังจะออกไปข้างนอกเพราะมีคนมารับ..จากนั้นก็ติดต่อลุงสนามหลวงไม่ได้อีกเลย” เป็นข้อมูลที่สมาชิกสหพันธรัฐไทยที่ใกล้ชิดลุงสนามหลวง เล่าให้ผมฟัง

 ส่วนข้อมูลจากผู้ลี้ภัยการเมืองอีกคนหนึ่ง ที่ลุงสนามหลวง ติดต่อสื่อสารอยู่เสมอเช่นกัน เล่าให้ฟังว่า “ลุงสนามหลวง หรือคุณชูชีพ ชีวะสุทธิ์ ลี้ภัยการเมืองไปอยู่จีน หลังรัฐประหาร 2549 ถูกจับกุมที่จีนครั้งหนึ่งเพราะเข้าประเทศผิดกฎหมาย ก่อนที่จะได้รับการช่วยเหลือจากบรรดาอดีตสหายพรรคคอมมินิสต์ในไทย ช่วยให้เข้ามาอยู่ในลาว และเคลื่อนไหวต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาลเผด็จการอำมาตย์ อยู่ในลาว โดยเฉพาะวิพากษ์วิจารณ์กษัตริย์ จนเกิดรัฐประหาร 22 พ.ค.57 กลุ่มผู้ลี้ภัยไทยอีกหลายคนเดินทางเข้าไปสมทบ รวมทั้งคุณสุรชัย แซ่ด่าน ด้วย”

“คุณชูชีพ ต้องการไปอยู่ในประเทศที่ 3 แต่ติดปัญหาเรื่องการประสานงานผ่านทางยูเอ็นเอชซีอาร์ จึงใช้เงินที่ได้รับการสนับสนุนจากสมาชิกสหพันธรัฐไทยทั้งในและต่างประเทศ จ้างทำหนังสือเดินทางปลอมในราคา 7400 เหรียญสหรัฐฯ ให้ตัวเองและอีก 2 คน เมื่อได้หนังสือเดินทางราวเดือนพฤศจิกายน ปี 2561 จึงเดินทางออกจากลาว ไปยังสิงคโปร์ จากสิงคโปร์ ไปเวียตนาม แต่ก่อนหน้านั้น คณะของคุณชูชีพ เคยไปอยู่เวียตนามมาแล้วครั้งหนึ่ง โดยเล็ดลอดเข้าไปทางชายแดนลาวเวียตนาม”

“และเมื่อได้หนังสือเดินทางปลอมในลาว เป็นหนังสือเดินทางของประเทศอินโดนีเซีย ก็ซื้อตั่วเครื่องบินจากสนามบินวัดไต จากประเทศลาว ไปยังสิงคโปร์ และจากสิงคโปร์ ไปเวียตนาม ซึ่งนั่นหมายความว่า น่าจะอยู่ในเวียตนามตั้งแต่ เดือนกุมภาพันธ์ 2562 และน่าจะถูกทางการเวียตนามจับกุมในช่วงเดือนเดียวกัน” 

“เมื่อรู้ว่าคุณชูชีพถูกทางการเวียตนามจับกุม ก็มีความพยายามที่จะให้อดีตสหายในไทยติดต่อไปยังทางการเวียตนามได้ช่วยเหลือ แต่ไม่ได้ผล ไม่ทราบเป็นเพราะอะไร ขณะที่ภรรยาของคุณชูชีพที่ไทย ก็แจ้งมาว่า ไม่อยากให้ทำอะไรไปมากกว่านี้ กลัวเป็นข่าว เพราะกำลังให้ผู้ใหญ่ช่วยอยู่ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า ผู้ใหญ่ที่ว่านั้นคือใคร และสุดท้ายทำไมถึงไม่ได้ผล” 

“ดังนั้นตอนนี้คนที่น่าจะรู้ดีที่สุดว่าลุงสนามหลวง ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่คือภรรยาของแกที่เมืองไทย แต่ถ้าจะให้ประเมินด้วยสถานการณ์แบบนี้ เปรียบเทียบกับการอุ้มหาย หรืออุ้มฆ่าคุณสุรชัย และอีก 2 ผู้ลี้ภัยไทยในลาว จะมีลักษณะคล้าย ๆ กันคือเงียบไปเป็นเดือน แล้วจู่ๆ ก็มาพบศพ”

“กรณีของคุณชูชีพ และอีก 2 คนไทย ก็น่าจะเหมือนกัน แต่ต่างกันที่ว่ากรณีของคุณชูชีพ เชื่อว่าทางการไทยคงประสานไปเพื่อขอรับตัว คงจำกันได้ว่า ช่วงเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา มีข่าวทางการไทย จับกุมตัวผู้สื่อข่าวเวียตนามที่หนีภัยการเมืองเข้ามาติดต่อกับ ยูเอ็นเอชซีอาร์ในไทย เพื่อขอสถานะผู้ลี้ภัยไปอยู่ประเทศที่ 3 แต่ถูกทางการไทยจับ และส่งกลับเวียตนาม”

“เชื่อว่าทางการไทยคงเดินทางไปรับตัว คุณชูชีพและอีก 2 คนไทยด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนตัวดังกล่าว และคงเดินทางไปอย่างลับๆ โดยการใช้เครื่องบินปฎิบัติการพิเศษของกองทัพไทย หากเดินทางด้วยสายการบินพาณิชย์อาจจะตรวจสอบได้ภายหลัง”

“เมื่อนำมาถึงไทยก็คงนำตัวไปรีดข้อมูลในค่ายทหารที่ไหนสักแห่ง ก่อนที่จะลงมือสังหารในพื้นที่ของค่ายทหาร และทำลายศพด้วยการเผาเพื่อไม่ให้เหลือร่องรอยใด ไม่อยากให้ผิดพลาดขึ้นอีก เหมือนกรณีของคุณสุรชัย และอีก 2 คนก่อนหน้านี้” 

“ เพราะหากนำตัวมากักขังไว้ก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม จะเป็นศาลทหารหรือศาลปกติ ก็ยิ่งจะเป็นประเด็น สร้างปัญหา สร้างความยุ่งยากให้กับรัฐบาลทหารมากขึ้น” 

นี่เป็นคำบอกเล่าจากปากของผู้ลี้ภัยไทยคนหนึ่งที่รู้จัก ใกล้ชิดและเคยเคลื่อนไหวทางการเมืองกับลุงสนามหลวงมาก่อน 

ผมถามว่า แล้ว “ใคร”คือเป้าหมายต่อไป ผู้ลี้ภัยการเมืองไทยคนนี้ ตอบผมว่า “ไม่ทราบ แต่ที่แน่ ๆ หน่วยปฎิบัติการพิเศษเพื่อกำจัดบุคคลที่วิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ได้ถูกตั้งขึ้นมาแล้ว และมีการวางแผนปฎิบัติการอย่างจริงจัง ซึ่งเชื่อว่าเป็นปีกหนึ่งของหน่วยปฎิบัติการพิเศษ ที่ได้รับการสนับสนุนอย่างลับ ๆ จากรัฐบาลคสช. รวมทั้ง คณะบุคคล องค์กรภาคเอกชน ที่ได้ประโยชน์จากสถาบันกษัตริย์และอาจจะรวมถึงกษัตริย์และราชวงศ์เองด้วย” 

นี่คือความโหดเหี้ยมอำมหิตของผู้มีอำนาจ ที่คนไทยจำนวนไม่น้อยหลงชื่นชมบูชา

สรุปคือว่า ..อนาคตคนไทย ประเทศไทย ยังมืดมน 

และสำหรับประชาชนที่ต่อสู้กับอำนาจเผด็จการอำมาตย์ และพวกอนุรักษ์นิยมสุดโต่งก็ยังต้อง...บาดเจ็บ ล้มตาย สูญหาย...กันอีกต่อไปอีกมากมาย

เหนื่อย..อีกนาน 

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"