วิษณุแจงยิบเปิดชื่อกก.สรรหาสว.


เพิ่มเพื่อน    

  “วิษณุ” ทนรำคาญเรื่องสภาสูงไม่ไหว แจงละเอียดยิบตั้งแต่กรรมการสรรหา จนถึงวิธีการเสนอชื่อ ย้ำมีหลักฐานการประชุมทุกรอบ ไม่ได้เป็นความลับ ศาลรัฐธรรมนูญ-ผู้ตรวจการแผ่นดินก็รับทราบ “เพื่อไทย” ดาหน้าถล่มไม่เชื่อ เตรียมยื่นญัตติให้ “ชวน” บรรจุเป็นวาระด่วน เพ้อหวังโหวตนายกฯ เป็นโมฆะ 

    เมื่อวันพุธ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์ถึงการวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการเปิดเผยชื่อกรรมการสรรหาสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ว่ากรรมการสรรหาต้องตั้ง 9 คน ไม่เกิน 12 คน โดยมีคุณสมบัติเป็นกลางทางการเมือง ไม่เป็นสมาชิกหรือสังกัดพรรคการเมือง เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้พิจารณาเรื่องนี้ตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม 2561 ว่าจะตั้งใครบ้าง ซึ่งในที่สุดเพื่อให้ได้คนที่หลากหลายจากสาขาต่างๆ จึงมีคำสั่ง คสช.ที่ 1/ 2562 ระบุว่า กรรมการมี 10 คน มาจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) คือรองนายกฯ 5 คน โดยมีโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม เป็นประธาน
    นายวิษณุกล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตรจะเป็นผู้สรรหารายชื่อคนจากสายความมั่นคงเข้ามา อาทิ ตำรวจ ทหาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง โดยเสนอมาประมาณ 50 คน, พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกฯ จะหาคนจากสายวงการการศึกษา ยุติธรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีสารสนเทศ และสื่อมวลชน 50 คน, นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ จะหาคนจากสายเศรษฐกิจ เกษตร การเงิน การคลัง การธนาคาร การลงทุน การค้า อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว 50 คน, พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกฯ หาจากสายเกษตร สาธารณสุข และด้านที่เกี่ยวกับสังคม 50 คน ส่วนตนเองหาคนจากสายของกฎหมาย ระเบียบราชการ อดีตข้าราชการที่เกษียณไปแล้ว 50 คน 
    “ทั้งหมดนี้ไม่เปิดรับสมัคร แต่ก็ได้หลายชื่อมา ขณะเดียวกัน คสช.ก็เลือกตัวแทน คสช.อีก 4 คน คือ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร, พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย, พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รวมถึงนายพรเพชร วิชิตชลชัย ในฐานะที่นายพรเพชรรู้จัก สนช.หลายคน จะได้มาพิจารณาเสนอชื่อ ซึ่งในเบื้องต้นตั้งกติกาไว้ว่ากรรมการเหล่านี้ต้องพิจารณาจากรายชื่อคนที่เป็นสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.), กรรมการปฏิรูปประเทศ, กรรมการยุทธศาสตร์ชาติที่มีอยู่หลายคณะ และให้ดูไปถึงคนที่อยู่ในวงการสภาอุตสาหกรรม สมาคมธนาคาร หอการค้า และนักวิชาการ รวมถึงกลุ่มอาชีพอื่นๆ ด้วย” นายวิษณุกล่าว
    รองนายกฯ กล่าวว่า กรรมการ 10 คน หาชื่อมาได้ 500 ชื่อ แต่นายพรเพชรลาออก เนื่องจากไม่ได้เข้าร่วมประชุม ทำให้กรรมการสรรหาเหลือ 9 คน แต่ไม่ได้ตั้งใครมาเพิ่ม คณะกรรมการสรรหาจึงได้พิจารณานำรายชื่อและประวัติ โดยเปิดประชุมอย่างเป็นทางการเต็มคณะ 3 ครั้ง เป็นการประชุมที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 1 ครั้ง ที่ทำเนียบรัฐบาล 2 ครั้ง และประชุมไม่เป็นทางการอีก 3 ครั้งที่ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งที่ไม่เป็นทางการ เพราะไม่ครบองค์ประชุม ในที่สุดได้คัดเลือกมาได้เหลือ 395 ชื่อ ซึ่งต้องมี 194 คนเป็นตัวจริง และบวกตัวสำรอง 50 คน จึงได้รวบรวมจัดทำบัญชี ตามลำดับแล้วเสนอไปยัง คสช.พิจารณา ซึ่ง คสช.พิจารณา 3 ครั้ง โดยไล่เรียงทีละชื่อ โดยตนเองเป็นคนอ่านรายชื่อพร้อมบอกประวัติ 
รำคาญจึงแจงยิบ
    “เมื่ออ่านถึงรายชื่อใครที่มีส่วนได้เสียอยู่ ไม่ว่าในชั้นกรรมการสรรหาหรือ คสช. คนนั้นถ้าหากออกนอกห้องประชุมได้ ท่านก็ออกหรืองดออกเสียงไม่โหวต ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้มีการจดบันทึกไว้ในรายงานการประชุมทั้งหมด แม้ว่ามีอยู่บ้างชื่อจะมีปัญหา ที่ประชุมก็มีมติเพื่อไม่ต้องเรียกประชุมอีก เนื่องจากบางคนเราไปทาบทามแล้วเขาปฏิเสธ หรือปรากฏคุณสมบัติไม่ครบ ก็ให้หัวหน้า คสช.ใช้ดุลพินิจเปลี่ยนคนนั้น ซึ่งตรงนี้มีอยู่ 4-5 คนเท่านั้น จนกระทั่งพิจารณารายชื่อเสร็จแล้ว ในส่วนของตัวจริงจึงได้นำความขึ้นกราบบังคมทูลฯ ส่วนรายชื่อสำรองนั้นไม่ต้องกราบบังคมทูลฯ แต่ส่งไปยังประธานสภาฯ ตรงนี้คือที่มาที่ไปทั้งหมด” นายวิษณุแจง 
    นายวิษณุยังระบุถึงเหตุผลที่ชี้แจงละเอียดว่าเพราะรู้สึกรำคาญ ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไรที่ต้องปกปิดกัน แต่ก่อนหน้านี้เขากลัวกันจริงว่าจะวิ่งเต้น แทรกแซง ซึ่งก็มีจริงๆ ขอให้เข้าใจ สรุปว่ากรรมการสรรหามี 9 คน ความจริงต้องมี 10 คน แต่นายพรเพชรได้ลาออกไป และยืนยันว่าทุกครั้งในการพิจารณาไม่มีใครเสนอชื่อตัวเองเลย มีเอกสารเก็บไว้ทั้งหมดว่าใครเสนอชื่อใคร เช่น คุณอนุพงษ์ ก็เสนอในศาลปกครอง คุณธนะศักดิ์ ก็เสนอในสายการต่างประเทศ อย่างนี้เป็นต้น 
    นายวิษณุยืนยันว่า เมื่อเปิดรายชื่อออกมาแล้ว ก็แล้วแต่ใครจะวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร แต่เป็นหน้าที่ ซึ่งบัดนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องประกาศ เพราะสังคมเรียกร้อง และในความเป็นจริงก็ต้องเปิดเผย ทั้งที่ในความเป็นจริงรายชื่อกรรมการสรรหา ส.ว.นี้ เราได้ส่งไปให้ประธานสภาฯ นานพอสมควรแล้ว รวมทั้งส่งไปที่ผู้ตรวจการแผ่นดินก็นานพอสมควร เนื่องจากมีผู้ร้องเรียน จึงได้ชี้แจงและตอบได้หมดแล้ว 
    รองนายกฯ ยังชี้แจงถึงประกาศ คสช.ฉบับที่ 2/2562 เรื่องประกาศรายชื่อบุคคลสำรองสำหรับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่ง ส.ว.ที่ประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.ว่า รายชื่อสำรองทำเสร็จไปตั้งนานแล้วพร้อมกับรายชื่อตัวจริง แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องส่งรายชื่อสำรองไปให้ประธานวุฒิสภา เพื่อให้ประธานวุฒิสภานำไปใช้เลื่อนรายชื่อตามลำดับ เมื่อเวลาที่มีตำแหน่ง ส.ว.ว่างลง แต่ในขณะนั้นยังไม่มีประธานวุฒิสภา เราจึงไม่ได้ส่งไปให้ แต่ขณะนี้มีการโปรดเกล้าฯ ประธานวุฒิสภา และนายกฯ เรียบร้อยแล้ว เราจึงจัดการส่งรายชื่อสำรองไป ซึ่งหมายความว่าหลังจากเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.เป็นต้นไป หากมีตำแหน่งว่างในกลุ่ม ส.ว. 194 คน ก็สามารถเลื่อนรายชื่อกลุ่มสำรองนี้ขึ้นไปได้ ทั้งนี้ สำรองของ ส.ว. 2 บัญชีจะไม่เอามาสลับหรือไขว้กัน และเวลาเลื่อนรายชื่อก็จะเลื่อนไปตามลำดับ ไม่มีการข้ามเว้น แต่เมื่อเลื่อนไปถึงรายชื่อของใครแล้วบุคคลนั้นปฏิเสธการรับตำแหน่ง เราก็จะข้ามไป แล้วเอารายชื่อของลำดับต่อไปขึ้นมาแทน
    “รายชื่อสำรองนั้นไม่ต้องทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เพียงเก็บเอาไว้ในมือประธานสภาฯ เฉยๆ แต่คนทั้งประเทศก็เห็น เพราะประกาศลงราชกิจจานุเบกษา และในระหว่างนี้ คนในรายชื่อสำรองก็ไม่มีเงินเดือนหรือค่าตอบแทนใดๆ รวมถึงไม่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ จะไปทำมาหากิน ถือหุ้นสื่อ หรือถือสัมปทานอะไรก็ได้เหมือนคนทั่วไป แต่หากถึงเวลาที่เขาเลื่อนรายชื่อมาถึง เจ้าตัวต้องเคลียร์คุณสมบัติให้จบภายใน 24 ชั่วโมง ไม่อย่างนั้นเขาก็ข้ามคุณไป”นายวิษณุกล่าว
    เมื่อถามว่า ในบัญชีสำรอง ส.ว. มีรายชื่อ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อยู่ ทำให้อาจถูกมองเรื่องความเป็นกลาง เพราะ พ.ต.อ.จรุงวิทย์ยังอยู่ในตำแหน่ง นายวิษณุกล่าวว่า ไม่มีปัญหาอะไร เพราะยังไม่เป็นอะไรสักอย่าง
ย้ำรายชื่อเสร็จนานแล้ว
    ถามอีกว่า หากในระหว่างที่ยังไม่มี ครม.ชุดใหม่แล้วมีตำแหน่ง ส.ว.ในส่วน 194 คนว่างลง นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.การต่างประเทศ ซึ่งมีรายชื่อลำดับหนึ่งอยู่ในบัญชีสำรองต้องดำเนินการอย่างไร นายวิษณุตอบว่า ก็ต้องเลื่อนรายชื่อนายดอนขึ้นไปก่อนเพื่อน แต่หากนายดอนยังอยู่ใน ครม.ก็ต้องลาออกหากจะเป็น ส.ว. แต่หากไม่อยากเป็นก็สละสิทธิ์ได้ แต่สิทธิ์นั้นจะไม่กลับมาอีกแล้ว
    ซักอีกว่า ใช้หลักเกณฑ์ใดในการเรียงลำดับรายชื่อบุคคลในบัญชีสำรอง นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ แต่เข้าใจว่าไม่มีหลักเกณฑ์ บางคนอาจเหมาะสม แต่เขายังไม่พร้อม เช่น นายดอนที่ยังต้องปฏิบัติหน้าที่ในการประชุมอาเซียน ดังนั้นจะมีหลักเกณฑ์ในแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ด้วยเหตุผลที่ต่างกัน
    เมื่อถามว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 269 (ค) กำหนดให้ คสช.คัดเลือก ส.ว.ทั้งตัวจริงและตัวสำรองให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันนับแต่ประกาศผลเลือกตั้ง ส.ส. แต่กลับเพิ่งมีการประกาศรายชื่อสำรอง ส.ว.ไปเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นายวิษณุตอบว่า รัฐธรรมนูญไม่ได้บอกว่าต้องประกาศรายชื่อภายใน 3 วัน เพียงแต่บอกว่าต้องให้ คสช.พิจารณาให้เสร็จภายใน 3 วัน ซึ่ง คสช.ก็พิจารณาเสร็จแล้วจริงๆ ภายในเวลาที่กำหนด
    ด้านนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย (พท.) วิจารณ์คำชี้แจงของนายวิษณุที่บอกว่าไม่มีกรรมการสรรหา ส.ว.คนใดเสนอชื่อตัวเองเป็น ส.ว.ว่าเป็นคำสารภาพของนายวิษณุ ที่ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากรรมการสรรหาไม่มีความเป็นกลาง ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 269 (1) อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ คือ 1.คำกล่าวที่ว่า แค่เสนอชื่อกันเองนั้นคือความไม่เป็นกลางอย่างชัดเจนที่สุด ที่อ้างว่าไม่มีใครเสนอชื่อตนเองเป็น ส.ว.นั้น ในทางปฏิบัติ ไม่มีใครเสนอชื่อตนเองอยู่แล้ว แค่กระซิบให้คนถูกเสนอชื่อเดินออกไปเข้าห้องน้ำ แล้วผลัดกันเสนอชื่อ อย่างนี้ก็ได้หรือ แก้ตัวไม่ขึ้น ถ้าประเทศนี้รับกันได้ก็หาความอายไม่ได้ ความเชื่อมั่นประเทศในระบบนิติธรรมก็จะเหลือศูนย์ 
“ในการตีความทางกฎหมาย ยังมองไม่ออกว่าจะใช้อภินิหารทางกฎหมายออกช่องไหนว่าการสรรหา ส.ว.โดยผลัดกันเกาหลังมีความเป็นกลาง รวมทั้งผู้ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว.คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. แล้วกรรมการสรรหานั้นก็เลือกกันเองเป็น ส.ว. นอกจากไม่เป็นกลาง ขัดรัฐธรรมนูญมาตรา 269 (1) แล้ว ยังขัดมาตรา 114 ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ เมื่อเป็น ส.ว.แล้วไปเลือก พล.อ.ประยุทธ์ ในอีกสถานะหนึ่งซึ่งเป็นแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)” นายชวลิตกล่าว
    นายชวลิตยังกล่าวถึงกรณีไม่เปิดเผยคำสั่ง คสช.ที่ 1/2562 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว. เกรงจะไม่เป็นกลาง และมีการวิ่งเต้น ว่าสถานการณ์ปัจจุบันมีการแต่งตั้ง ส.ว.เรียบร้อยแล้ว ไม่มีการวิ่งเต้นใดๆ อีกที่จะอ้างได้ ตรงกันข้าม การไม่เปิดเผยคำสั่ง คสช.ที่ 1/2562 เท่ากับตอกย้ำความไม่เป็นกลางของ คสช.เสียเอง ส่อพิรุธว่าไม่มีความเป็นกลาง จึงไม่กล้าเปิดเผย ซึ่งจะตามประเด็นนี้เป็นประเด็นหนึ่งในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในวันที่รัฐบาลแถลงนโยบายต่อสภา นอกจากนี้ ฝ่ายกฎหมายของพรรคเพื่อไทยกำลังรวบรวมข้อมูลหลักฐานที่จะดำเนินการตรวจสอบตามช่องทางรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อแสวงหาความเป็นธรรมให้กับสังคมต่อไป
ยื่นญัตติด่วนเข้าสภา!
      นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวเช่นกันว่า รายชื่อคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ที่นายวิษณุชี้แจงเป็นการเอ่ยด้วยวาจาไม่น่าเชื่อถือ นายวิษณุต้องนำหนังสือหลักฐานการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการมาเปิดเผย จะได้ทราบความจริงว่ามีใครบ้างอย่างชัดเจนและน่าเชื่อถือมากกว่า เรื่องนี้เป็นประเด็นที่ประชาชนให้ความสนใจติดตามตลอดเวลา เนื่องจากมีความน่าสงสัยว่ามีการแต่งตั้งกรรมการสรรหาจริงหรือไม่ มีการแต่งตั้งบุคคลที่ไม่เป็นกลางจริงหรือไม่ มีการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งถ้าขัดรัฐธรรมนูญจริง อาจทำให้การโหวตเลือก พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ โมฆะได้
    นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท.กล่าวถึงการติดตามการเปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหา ส.ว. และที่มาของ ส.ว. 250 คน ว่าการสรรหามีข้อพิรุธ โดยเฉพาะการที่ไม่ปรากฏคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา ส.ว.ในราชกิจจานุเบกษา และที่ผ่านมาพรรคได้ร้องให้เปิดเผยรายชื่อไปแล้วหลายครั้ง แต่ไม่ได้รับคำตอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยอ้างว่ากฎหมายไม่ได้กำหนดให้ต้องเปิดเผยรายชื่อ ทั้งที่เรื่องดังกล่าวสังคมมีข้อสงสัยถึงกระบวนการสรรหาและรายชื่อ ส.ว.ที่ออกมาว่าการเลือก ส.ว. มีปัญหาการขัดกันแห่งผลประโยชน์หรือไม่ เนื่องจากมี ส.ว.บางคน ถูกมองว่าเป็นกรรมการสรรหาที่ คสช.แต่งตั้งด้วย ซึ่งข้อสังเกตทั้งหมดควรมีความชัดเจน เพราะจะส่งผลต่อระบบนิติรัฐและธรรมาภิบาลของประเทศ และที่สำคัญที่สุดหากกระบวนการสรรหา ส.ว.มีปัญหา ก็จะส่งผลให้การเลือกนายกฯ เป็นโมฆะ 
“จะเสนอญัตติเร่งด่วนแก่ประธานสภาฯ ในสัปดาห์นี้ เพื่อบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมในสัปดาห์หน้า เบื้องต้นได้หารือกับผู้ใหญ่ในพรรคแล้ว ซึ่งก็เห็นด้วย เพราะเรื่องนี้มีความสำคัญ และพรรคก็สนับสนุนให้ดำเนินการ เพื่อให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการศึกษา และใช้อำนาจเรียกบุคคลในรัฐบาล คสช. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและชี้แจงข้อเท็จจริง” นายสุทินกล่าว.


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"