ตำรวจรัสเซียจับกุมผู้สนับสนุนฝ่ายค้านมากกว่า 1,400 คน ที่ฝืนคำสั่งห้ามชุมนุมประท้วงในกรุงมอสโกเมื่อวันเสาร์ เป็นการปราบปรามครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายปี

ตำรวจปราบจลาจลควบคุมตัวผู้ประท้วงที่เข้าร่วมการชุมนุมที่ไม่ได้รับอนุญาต ที่จัตุรัสทรับนายาในกรุงมอสโกเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2562 / AFP

    การปราบปรามผู้สนับสนุนฝ่ายค้านครั้งล่าสุดนี้เกิดขึ้นในภาวะที่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เผชิญการต่อต้านท้าทายมากขึ้น สวนทางกับคะแนนนิยมที่ลดน้อยลง ตำรวจไม่อนุญาตให้ชุมนุมประท้วงเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา อ้างว่าผู้จัดชุมนุมไม่สามารถระดมลายมือชื่อของจริงได้มากเพียงพอ แต่ผู้ประท้วงหลายพันคนยังคงมารวมตัวกัน  ตำรวจระบุจำนวนผู้เข้าร่วมการชุมนุมว่ามีมากกว่า 3,500 คน แต่บอกว่าในจำนวนนี้ราว 700 คนเป็นนักข่าวและบล็อกเกอร์ แต่นักเคลื่อนไหวกล่าวกันว่าจำนวนผู้ชุมนุมจริงมีมากกว่านั้น

    กลุ่มสังเกตการณ์อิสระ โอวีดี-อินโฟ กล่าวว่า ตำรวจควบคุมตัวคนอย่างน้อย 1,373 คน ตั้งแต่ก่อนการชุมนุมหรือระหว่างการชุมนุมเมื่อวันเสาร์ แต่ส่วนใหญ่ถูกควบคุมตัวไว้ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้รับการปล่อยตัวเหมือนเช่นที่ผ่านมา

    การชุมนุมครั้งนี้เกิดขึ้นภายหลังอเล็กเซย์ นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านที่โดนคุมขัง เรียกร้องผู้สนับสนุนเขาออกมาชุมนุมเรียกร้องให้ทางการรัสเซียอนุญาตสมาชิกพรรคฝ่ายค้านลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นในกรุงมอสโกวันที่ 8 กันยายนนี้

    ผู้ชุมนุม ซึ่งพากันร้องตะโกน "รัสเซียไม่มีปูติน" และ "ปูตินลาออก" เคลื่อนขบวนผ่านใจกลางกรุง แต่โดนตำรวจเจ้าหน้าที่ในชุดปราบจลาจลใช้ไม้ตะบองไล่ตีและจับกุม มีผู้หญิงอย่างน้อย 1 คน และผู้ชาย 1 คนได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่ศีรษะ นักเคลื่อนไหวหลายคนกล่าวว่า การปราบปรามฝูงชนครั้งนี้นับว่ารุนแรงที่สุดนับแต่การชุมนุมต่อต้านรัฐบาลช่วงปี 2554-2555

    ด้านสถานทูตสหรัฐประจำมอสโกประณามที่ตำรวจใช้กำลังเกินกว่าเหตุ ส่วนสหภาพยุโรปกล่าวว่า การดำเนินการของตำรวจบั่นทอนเสรีภาพพื้นฐานในการแสดงความเห็นและการชุมนุม.