กากีกะสีเขียว


เพิ่มเพื่อน    

            ราชกิจจานุเบกษา เล่ม 136 ตอนพิเศษ 240 ง วันที่ 26 กันยายน 2562 มีประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 54 นาย ซึ่งในส่วนของนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร มีจำนวน 17 นาย ประกอบด้วย พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม, พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล, พล.ต.อ.เดชา บุตรน้ำเพชร,  พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค, พล.ต.อ.ธเนตร์ พิณเมืองงาม, พล.ต.อ.ทวิชชาติ พละศักดิ์,  พล.ต.ท.สุธีร์ เนรกัณฐี, พล.ต.ท.ธเนษฐ สุนทรสุข, พล.ต.ท.บุญลือ กอบางยาง, พล.ต.ท.พลศักดิ์  บรรจงศิริ, พล.ต.ต.กิตติกร บุญสม, พล.ต.ต.นิยม ด้วงสี, พล.ต.ต.จิระศักดิ์ มีสัทธรรม, พล.ต.ต.วิศาล พันธุ์มณี, พล.ต.ต.วิรัช สุมนาพันธุ์, พล.ต.ต.อำนวย พวกสนิท และ พล.ต.ต.อดิศักดิ์ คุณพันธ์ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 18 กันยายน 2562 ๐

                ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกรา เป็นข้าราชการเมื่อถึงวันที่ 30 กันยายนของทุกปี ผู้ที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ก็ต้องเกษียณอายุราชการ เหลือไว้เพียงผลงานและคุณงามความดีให้รุ่นหลังๆ ได้ชื่นชมและดำเนินรอยตามในสิ่งดีๆ...หลังการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา  บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา แม่ทัพใหญ่สีกากี ได้มอบของที่ระลึกเนื่องในโอกาสเกษียณอายุราชการ ประจำปี 2562 ให้แก่ พล.ต.อ.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. 3 คณะกรรมการ ก.ตร. โดยในการประชุม ก.ตร.ครั้งต่อไปจะมี ก.ตร.ใหม่ป้ายแดงเข้ามาแทนที่ทั้ง 3 นายที่เกษียณอายุราชการ คือ  พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ว่าที่ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร ว่าที่จเรตำรวจแห่งชาติ  และ พล.ต.ท.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ว่าที่ รอง ผบ.ตร. ที่จะติดยศ พล.ต.อ.และดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ อย่างเต็มตัวตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป ๐

                ในการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 9/2562 ที่ "บิ๊กแป๊ะ" ทำหน้าที่ประธาน ก.ตร. แทน บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธาน ก.ตร. นอกจากมอบของที่ระลึกให้ รอง ผบ.ตร.ทั้ง 3 นายที่เกษียณอายุราชการแล้ว วงประชุม ก.ตร.ยังไฟเขียวตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเสนอการกำหนดตำแหน่ง ผู้บัญชาการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ทำหน้าที่นายตำรวจประสานงานรัฐสภา), รองผู้บัญชาการกองบัญชาการศึกษา (รอง ผบช.ศ.) และรองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) โดย ผบ.แป๊ะ บอกเพียง "ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ ตำแหน่ง ผบช.ประจำ สง.ผบ.ตร., รอง ผบช. 2 ตำแหน่ง ของ บช.ศ.1 ตำแหน่ง และ บช.ทท. 1 ตำแหน่ง หลังจากนี้ทุกอย่างว่าไปตามขั้นตอน" โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลความจำเป็นในการเปิดตำแหน่งใหม่ รวมทั้งข้อข้องใจของเหล่า สีกากี ที่ว่าทำไมต้องเปิดตำแหน่ง นายพล ช่วงนี้ ทั้งที่เพิ่งแต่งตั้งวาระ นายพล ประจำปี เสร็จสิ้นไปหมาดๆ เหตุใดไม่เปิดตำแหน่งก่อนหน้าวาระประจำปี จะได้แต่งตั้งไปทีเดียวพร้อมกัน...มีอะไรในกอไผ่มากกว่าหน่อไม้หรือไม่ ใครปะหน้า ผบ.แป๊ะ ลองถามกันดู ๐

                พวกจอมเบี้ยวค่าปรับใบสั่งมีหนาวจริงๆ อย่างที่หัวข่าวหลายสำนักพาดไว้เมื่อวันก่อน หลัง  พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วย ผบ.ตร.ร่วมกับ จันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกร่วมกัน เพื่อให้สอดคล้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.4/1 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่ 12 พ.ศ.2562 มีผลบังคับใช้วันที่ 20 ก.ย. ที่กำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบกเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกัน ซึ่งเมื่อ 2 หน่วยงานเชื่อมโยงข้อมูลกันเรียบร้อยแล้ว ได้กำหนดให้วันที่ 19 ธ.ค.เป็นวันแรกที่กรมการขนส่งทางบกรับชำระค่าปรับตามใบสั่งค้างชำระแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถสามารถชำระค่าปรับพร้อมชำระภาษีประจำปี ซึ่งหากยังไม่พร้อมชำระค่าปรับค้างชำระตามใบสั่ง ขนส่งจะออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีฉบับชั่วคราวให้ใช้ได้เพียง 30 วัน เพื่อไปชำระค่าปรับที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ พ้นกำหนดถือว่าผิดกฎหมายตำรวจสามารถดำเนินคดีได้ตามอำนาจหน้าที่ ๐

                สัปดาห์ที่ผ่านมีข่าวเรื่องอาวุธยุทโธปกรณ์ 2 โครงการใหญ่ เตะหัวใจสาย ฮาร์ดคอร์ ทั้งหลายที่เห็นแล้วคงหงุดหงิดเหมือนเดิมว่าทำไมกองทัพซื้ออาวุธถี่ขึ้น แถมวงเงินก็สูงมากเป็นหมื่นล้านบาท แต่ถ้าดูตามข้อเท็จจริงแล้ว ข่าวที่ออกมามีทั้งการอนุมัติจากต่างประเทศ และอีกข่าวเป็นพิธีส่งมอบเพราะรัฐบาลอนุมัติให้จัดซื้อไว้นานแล้ว ไล่ตั้งแต่โครงการแรกการจัดหา ฮ.ลาดตระเวนติดอาวุธเบาแบบ AH-6i จากสหรัฐฯ 8 ลำ โดยข่าวที่ออกมาตอนแรกจากเว็บไซต์ Defense Security Cooperation  Agency (DSCA) ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ได้แจ้งต่อสภาคองเกรสว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ได้อนุมัติการขายจำนวน 8 ลำพร้อมอาวุธ อะไหล่ และการสนับสนุนอื่นๆ ให้กองทัพบกไทยในมูลค่าโครงการราว  400 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.2 หมื่นล้านบาท นั้น พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก ชี้แจงว่าที่ ทบ.จัดหาไว้ 8  เครื่อง รวมกว่า 4 พันล้าน เป็นโครงการระยะที่ 2 ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2554 ได้กำหนดความต้องการขั้นต่ำไว้จำนวน 31 เครื่อง ซึ่งในปีนั้นจึงได้รับอนุมัติให้จัดหาเข้ามาประจำการเป็นชุดแรกก่อน 8 เครื่อง  ส่วนมูลค่ายุทโธปกรณ์ที่สภาสหรัฐฯ กำหนดกรอบอนุมัติไว้ 1.2 หมื่นล้านบาท นั้นเป็นลักษณะเปิดกรอบการจัดหาให้ไทยไว้แบบเต็มระบบ โดยเฉพาะในเรื่องของระบบอาวุธ แต่ในแผนการจัดหาครั้งนี้กองทัพบกไทยต้องการจัดหาในแบบเฉพาะรายการตามความจำเป็นเท่านั้น ๐

                ขณะที่อีกโครงการคือ เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ที่ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) เป็นประธานในพิธีรับมอบ ที่ท่าเทียบเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อ.สัตหีบ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ซึ่งเรือลำดังกล่าวกองทัพเรือต่อขึ้นเพื่อน้อมนำศาสตร์ของพระราชา ยึดถือการพึ่งพาตนเอง ตามแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช  บรมนาถบพิตร ตามกระแสพระราชดำรัสที่พระราชทานแก่ผู้บังคับหมู่เรือรักษาการณ์ และผู้เข้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จ ณ วังไกลกังวล เกี่ยวกับการใช้เรือของกองทัพเรือ เมื่อวันที่ 15 เม.ย.45 ที่ว่า “กองทัพเรือ จึงควรใช้เรือที่มีขนาดเหมาะสมและสร้างได้เอง ซึ่งเมื่อสร้างเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ  ต.91 ได้แล้ว ควรขยายแบบเรือให้ใหญ่ขึ้น และสร้างเพิ่มเติม” โดยเรือดังกล่าวจะเข้าประจำการที่กองเรือตรวจอ่าว กองเรือยุทธการ โดยมี น.ท.วีรุตม์ ฉายะจินดา เป็นผู้บังคับการเรือ ถือเป็นโครงการที่ได้ดำเนินการมานานแล้ว ๐

                ถึงอย่างไรก็เป็นหน้าที่ที่กระทรวงกลาโหมและกองทัพต้องชี้แจง เพราะทุกบาททุกสตางค์ล้วนเป็นเงินภาษีของประชาชน ยิ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวที่การเมืองชอบนำไปโจมตีก็เป็นเรื่องที่ต้องเร่งชี้แจง โดยเฉพาะร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี กำลังเข้าสู่การพิจารณาของสภาสมัยวิสามัญเร็วๆ นี้ และ งบกองทัพ คงต้องถูกซักฟอกหนักจากฝ่ายค้านอย่างแน่นอน ล่าสุด พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม จึงได้แจงว่างบกลาโหมปี 63 ได้รับการจัดสรรแค่ 7.29 ของ งบทั้งหมด ต่ำกว่าที่เคยได้รับการจัดสรร 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยที่ 7.5% ทั้งนี้วงเงินที่เพิ่มขึ้นยังถือว่าเป็นปกติตามสัดส่วนการเพิ่มขึ้นของงบประมาณทั้งประเทศปี 63 เช่นเดียวกับกรอบวงเงินของส่วนราชการต่างๆ ในแต่ละปี ส่วนความจำเป็นและความโปร่งใสเป็นเรื่องที่ต้องถูกถามถึงอย่างแน่นอน ๐

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"