ความรุนแรงในสังคม


เพิ่มเพื่อน    

โดย จิตติมา กุลประเสริฐรัตน์ ([email protected])

 

ทุกวันนี้เราจะได้ฟังข่าวที่มีแต่ความรุนแรง และรู้สึกสลด หดหู่กับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงและจุดไฟเผาผู้ที่มีความเห็นต่างทั้งเป็นที่ฮ่องกง การลอบยิง ชรบ.ที่ลำพะยา การยกพวกตีกันในโรงพยาบาล หรือแม้แต่การยิงกันในห้องพิจารณาคดี คำถามคือเกิดอะไรขึ้นในสังคม ทำไมเราปล่อยให้ความขัดแย้งมาเป็นชนวนในการเข่นฆ่าทำร้ายกัน นี่หรือคือการกระทำของมนุษย์ซึ่งยกตัวเองว่าเป็นสัตว์ประเสริฐ แต่กลับใช้กำลังทำร้ายกันอย่างไม่มีเหตุผล สาเหตุของความขัดแย้งมาจากไหน การคิดต่างเห็นต่าง ความรุนแรงที่เกิดจากการยุยงปลุกปั่นของผู้มีอำนาจและผู้สูญเสียผลประโยชน์ หรือเกิดจากการทีแค่เรียนต่างสถาบันพอมองหน้าแล้วไม่ชอบใจก็ยกพวกตีกันได้ง่ายๆ

 

คนเหล่านี้ขาดการควบคุมสติและวิเคราะห์ปัญหา ไม่สามารถยับยั้งตนเองได้ ผลที่ตามมาก็คือสังคมเดือดร้อน เริ่มมีความหวาดระแวงในความปลอดภัยของชีวิตและทรัพย์สิน เมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อความรุนแรงในสังคมในสังคม ส่วนใหญ่เราจะนึกถึงการทําร้ายร่างกาย เช่น การทะเลาะวิวาท การทุบตีต่อยเตะซึ่งมีให้เห็นแทบทุกวันตามสถานบันเทิง ท้องถนน หรือแม้แต่สถานศึกษา ความรุนแรงอีกประเภทที่พบเห็นเป็นข่าวอยู่บ่อยๆได้แก่ การล่วงละเมิดทางเพศ ไม่ว่าจะเป็น พ่อข่มขืนลูก ปู่หรือลุงข่มขืนหลาน หรือครูข่มขืนลูกศิษย์ ที่น่าตกใจก็คือสถานที่เกิดเหตุมักจะเป็นที่บ้านหรือภายในโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ที่ควรจะปลอดภัยที่สุด และที่น่ากลัวก็คือข้อกล่าวหาข้างต้นเป็นการกระทําของคนในครอบครัวและคนใกล้ตัวแทบทั้งสิ้น

 

เมื่อมาพิจารณาถึงสาเหตุหรือปัจจัยที่ทําให้เกิดปัญหาความรุนแรงในสังคมมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องของ การเมาสุราทำให้ขาดสติ และเรื่องของยาเสพติดที่หาซื้อได้ง่ายเหมือนซื้อลูกอม ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ปราบอย่างไรก็ไม่หมดเพราะยาเสพติดกลายเป็นระบบขายตรงที่ได้กำไรงามทำรายได้ดีแบบไม่ต้องออกแรงมากมาย การอบรมเลี้ยงดูบุตรหลานและการคบเพื่อนก็เป็นปัจจัยหลักในการทำให้เกิดปัญหาความรุนแรง เด็กรุ่นนี้เกิดมาท่ามกลางเทคโนโลยี่ทำให้ไวต่อสิ่งเร้าและขาดการสื่อสารหรือสัมผัสกับธรรมชาติ ทำให้มีจิตใจที่หยาบกระด้าง เห็นแก่ตัว ไม่รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา ก้าวร้าวและขาดความยับยั้งชั่งใจ เด็กที่เกิดมาโดยไม่ตั้งใจและความไม่พร้อมในการเลี้ยงดูอบรม หรือเด็กที่เกิดมาแต่ขาดการอบรมเลี้ยงดูเนื่องจากพ่อแม่ต้องทำมาหากิน ทำให้เด็กโตมาแบบไร้คุณภาพ โรงเรียนเองก็มุ่งแต่สอนด้านวิชาการทำให้เด็กขาดทักษะในการดำเนินชีวิต และขาดทักษะในการแก้ปัญหาเมื่อเผชิญกับสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง

 

อยากให้คนเป็นพ่อแม่ลองสำรวจลูกๆดูว่าเขามีคุณสมบัติเหล่านี้หรือไม่ มีแรงบันดาลใจ มีความสงสัยใคร่รู้ มีจินตนาการ มีความคิดวิเคราะห์กล้าคิดต่างจากของเดิม และมีความอดทนต่ออุปสรรคที่ผ่านเข้ามา สิ่งเหล่านี้คือทักษะที่จำเป็นในการใช้ชีวิตของเด็กในศตวรรษที่ 21 ทักษะที่จะทำให้เด็กอยู่รอดและไม่ทำตัวให้เป็นปัญหาของสังคม ทักษะที่โรงเรียนและครูยุคใหม่ต้องเรียนรู้เพื่อที่จะสอนและฝึกเด็กให้พร้อมสำหรับการดำเนินชีวิตและเติบโตมาแบบมีคุณภาพ หากสำรวจแล้วพบว่าลูกขาดทักษะใดก็ช่วยกันสนับสนุนและส่งเสริมเสียตั้งแต่วันนี้ดีกว่าไปเน้นด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว

 


เมื่อวานคุยเล่น  เรื่องลูกพรรคเพื่อไทย ร้องขอให้ "นายใหญ่" ส่งเมีย "คุณหญิงพจมาน" มาเป็น "ขอนไม้ดุ้นใหม่" ของพรรค ให้ลูกกบ-ลูกเขียดในพรรคได้เกาะ  วันนี้ ขอคุยซีเครียดซักนิด

อนาคต 'คนนินทาเมีย'
'โควิดคลาย-โรคอิจฉาคุ'
ไทย"เหนือคาดหมาย"เสมอ
วิสัยทัศน์"อินทรี-อีแร้ง"
"การ์ดเชิญ"๒๑ ตุลา.
เปิดประเทศ"เปิดตรงไหน?"