รัฐบาลฟิลิปปินส์ตอบโต้สหรัฐด้วยการห้าม ส.ว. 2 คนเดินทางเข้าประเทศ พร้อมขู่จะใช้มาตรการเข้มงวดในการออกวีซ่าสำหรับพลเมืองอเมริกัน หากสหรัฐบังคับใช้กฎหมายคว่ำบาตรฟิลิปปินส์ลงโทษกรณีการคุมขัง ส.ว.ที่วิจารณ์นโยบายปราบยาเสพติดของประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต

แฟ้มภาพ ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต / AFP

    คำแถลงของโฆษกประธานาธิบดีฟิลิปปินส์เมื่อวันศุกร์กล่าวว่า ประธานาธิบดีดูเตร์เตจะออกกฎบังคับให้พลเมืองอเมริกันต้องขอวีซาเพื่อเข้าประเทศฟิลิปปินส์ ถ้าหากสหรัฐไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ที่เกี่ยวข้องกับการคุมขัง ส.ว.เลลา เดอ ลิมา เดินทางเข้าสหรัฐ ตามที่ ส.ว.ริชาร์ด เดอร์บิน และ ส.ว.แพทริก เลฮี เสนอ

    คำสั่งของดูเตร์เตมีออกมาเพื่อตอบโต้ที่สภาคองเกรสอนุมัติกฎหมายงบประมาณปี 2563 ที่มีบทบัญญัติตามที่ ส.ว.อเมริกัน 2 รายนี้เสนอเพื่อลงโทษบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมตัวเดอ ลิมา ซึ่งถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับคดียาเสพติดเมื่อต้นปี 2560 ภายหลังเธอนำการสอบสวนการฆาตกรรมหมู่ระหว่างปฏิบัติการสงครามยาเสพติดของดูเตร์เต

    ซัลวาดอร์ ปาเนโล โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์แถลงเมื่อวันศุกร์ว่า ฟิลิปปินส์ ในฐานะรัฐอธิปไตย จะไม่นิ่งเฉย หากสหรัฐยังคงแทรกแซงการดำเนินการของฟิลิปปินส์

    ฟิลิปปินส์อนุญาตให้ชาวอเมริกันอยู่ในฟิลิปปินส์ได้ 30 วันโดยไม่ต้องขอวีซา ข้อมูลของรัฐบาลเผยให้เห็นว่า มีคนอเมริกันเดินทางเข้าฟิลิปปินส์ช่วง 9 เดือนแรก 792,000 คน หรือเกือบ 13% ของชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศ

    ปาเนโลกล่าวว่า ข้อจำกัดการเดินทางสืบเนื่องจากกรณีของลิมานั้นไร้สาระ เพราะเธอไม่ได้ถูกคุมขังอย่างผิดกฎหมาย แต่เธอถูกควบคุมตัวระหว่างรอการพิจารณาคดีอาชญากรรม

    ดูเตร์เตไม่เคยปิดบังความรังเกียจสหรัฐ ที่เขามองว่าตลบตะแลงและก้าวก่าย แต่เขาก็ยอมรับว่าชาวฟิลิปปินส์ส่วนใหญ่และกองทัพให้ความเคารพอดีตเจ้าอาณานิคมของฟิลิปปินส์ชาตินี้

    สหรัฐเป็นพันธมิตรด้านกลาโหมรายใหญ่ที่สุดของฟิลิปปินส์ และเป็นประเทศตะวันตกที่ส่งอิทธิพลต่อฟิลิปปินส์มากที่สุด ชาวฟิลิปปินส์หลายล้านคนยังมีญาติเป็นพลเมืองอเมริกัน.